ภาคที่ 28 จิตข้าคือจิตฟ้า ตอนที่ 27 ข้าเห็นแล้ว

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 27 ข้าเห็นแล้ว โดย Ink Stone_Fantasy

 

บริเวณจุดศูนย์กลางที่หมอกดำรวมตัวกัน หลุมสีดำจางๆ คล้ายกับทางเดิน หลังจากที่สัมผัสรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงเจาะทะลุเข้าไปแล้วตลอดทั้งร่างก็อดที่จะสั่นสะท้านคราหนึ่งมิได้

“สวรรค์เอ๋ย!” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำกับตนเอง

เขาตาพร่าเสียแล้ว

ตื่นตะลึงไปเสียแล้ว!

แม้กระทั่งระดับจิตใจของเขาในตอนนี้ก็พร่าเลือนไปหมดแล้ว ก็คือการได้เห็นจักรพรรดิเก้าเมฆาฟื้นคืนชีพ และจอมเทพศักดิ์สิทธิ์สิ้นชีพ อย่างมากที่สุดเขาก็ตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ถึงกับตาบอดอย่างสมบูรณ์ แต่ในขณะนี้สิ่งที่ได้เห็นในหลุมอนุภาคสีดำจากการที่สัมผัสรับรู้ทะลุผ่านนั้นกลับทำให้เขาตาบอดอย่างสมบูรณ์เสียแล้ว

นี่คือสิ่งที่ยากจะอธิบายอย่างหนึ่ง

สัมผัสรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงทะลุผ่านหลุม สำรวจพบ ‘มัน’ อย่างทุลักทุเล ในขณะเดียวกันกับที่สำรวจพบ ‘มัน’ นั้น เพราะสัมผัสรับรู้สัมผัสพบอาณาบริเวณแห่งนี้ ก็ย่อมได้เห็นอาณาบริเวณอันไร้ขอบเขตอยู่แล้ว! ได้เห็นหลุมอื่นๆ จำนวนนับไม่ถ้วนนำมาสู่สถานที่แห่งนี้ ทะลุผ่านหลุมเหล่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองเห็นบริเวณอื่นๆ ของวังแห่งนี้

โถงตำหนักแห่งแล้วแห่งเล่า สมบัติล้ำค่าที่อยู่ภายในโถงตำหนักเหล่านั้น

แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยปกติของสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดที่ร่างกายง่อนแง่นนั้น

แม้กระทั่ง…

ด้านนอกวัง!

ดินแดนเก้าเมฆาอันกว้างใหญ่ไพศาล สัมผัสรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงทะลุผ่านอาณาบริเวณอันยากจะอธิบาย ผ่านหลุมจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น ทั้งยังมองเห็นคูเมืองแห่งแล้วแห่งเล่าของดินแดนเก้าเมฆา เขาได้เห็นแม้กระทั่งอากาศอันสับสนอลหม่านอันไร้ที่สิ้นสุดที่อยู่นอกดินแดนเก้าเมฆาด้วย!

ระยะทางยิ่งไกล หลุมก็ยิ่งอยู่ห่างจากตนเองมาก ตนเองก็มองเห็นได้เพียงรางเลือนอย่างทุลักทุเล

“โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองเห็นแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราจะอยู่ห่างไกลจากตนเป็นอย่างยิ่ง แต่เพราะว่าโลกทิพย์นั้นกว้างใหญ่เกินไป หลุมจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็นำไปสู่สถานที่แห่งนั้น หลุมจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตนทะลุผ่านก็สามารถมองเห็นโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นได้รางๆ

ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงกับเกิดความเข้าใจขึ้นมาในใจ

เพียงแค่เขาเชื่อมต่อหลุมสองหลุมเข้าด้วยกันจนก่อร่างกลายเป็นทางเส้นหนึ่ง เช่นนั้นเขาก็สามารถตรงจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้แล้ว!

อย่างเช่นตรงจากดินแดนเก้าเมฆาไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอันไกลโพ้น!

“ข้า ข้าสามารถทำมาจนถึงขั้นนี้ได้แล้วหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง

การเคลื่อนย้ายทางไกลผ่านระยะทางอันไกลโพ้นเช่นนี้เป็นสิ่งที่เทพจักรวาลส่วนใหญ่ก็ยังทำมิได้ โดยทั่วไปต่างก็เป็นสำนักย่อยของศาสตร์โบราณเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ อย่างเช่น ‘ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์’ และ ‘บรรพชนทราย’ พวกเขาต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ของศาสตร์โบราณ! ถึงจะริษยาก็มิอาจได้มา

อย่างไรก็ดี ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เหมือนกับประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์และบรรพชนทราย ผู้แกร่งกล้าของศาสตร์โบราณ ที่มีลูกไม้เช่นนี้เฉกเช่นเดียวกัน เขาสามารถเชื่อมโยงหลุมอนุภาคใดๆ สองหลุมให้กลายเป็นเส้นทางนำไปสู่สถานที่ห่างไกล

“แต่คูหาแห่งนี้ของจักรพรรดิเก้าเมฆากลับมีแนวกั้นอันไร้รูปร่างอยู่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ค้นพบแล้ว

แนวกั้นอันไร้รูปร่างห่อหุ้มอนุภาคสีดำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคูหาแห่งนี้เอาไว้

ตนเองอยู่ภายในคูหาก็ย่อมไม่มีทางเชื่อมโยงหลุมอนุภาคที่อยู่ในอาณาบริเวณนอกโลกได้อยู่แล้ว…นี่ก็พูดได้อย่างชัดเจนว่าเป็นวิธีการของพวกบรรพชนทรายและประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ ก็ไม่มีทางเข้าสู่คูหาแห่งนี้ของจักรพรรดิเก้าเมฆาได้เลย! ภายในคูหาแห่งนี้ของจักรพรรดิเก้าเมฆา ถ้าหากสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดนั้นไม่ส่งออกไป พวกเขาก็ไม่มีทางจากไปได้

“ก็ใช่”

“ข้าทำมาจนถึงขนาดนี้ได้ก็เพราะเรียนรู้ภาพวาดภาพแรกในบรรดาภาพวาดสี่ภาพได้สำเร็จแล้ว ความสำเร็จในด้านนี้ของจักรพรรดิเก้าเมฆาจะต้องเหนือชั้นกว่าข้าอยู่มากอย่างแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “ภายในคูหาของเขามีเตาสามขาเพลิงโลกันตร์เอาไว้ในครอบครอง เกรงว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็อยากที่จะได้มา แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเข้ามาเอาไปได้! ชัดเจนว่าการจะหาสถานที่แห่งนี้ให้พบแล้วเข้ามาได้นั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง”

การคาดการณ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นเรื่องจริงโดยแท้

ในบรรดาสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด จักรพรรดิเก้าเมฆาก็จัดอยู่ในลำดับชั้นที่สอง พูดถึงความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศเพียงอย่างเดียว เขาก็สูงกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เสียอีก! ถึงแม้ว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้แกร่งกล้าที่สุด แต่ก็มิได้หมายความว่าจะแข็งแกร่งไปเสียหมดทุกด้าน อย่างน้อยความสำเร็จทางด้านห้วงอากาศ จักรพรรดิเก้าเมฆาก็เหนือกว่าเขาอยู่มาก ถึงขนาดที่แกร่งกล้ากว่าบรรพชนห้วงอากาศในตอนนี้อยู่มากโข

ตอนนี้บรรพชนห้วงอากาศก็ยังเป็นเพียงแค่ชั้นที่สาม เทพจักรวาลส่วนใหญ่ดังเช่นบรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่ต่างก็อยู่ที่ชั้นที่สามกันทั้งสิ้น

……

“แต่ว่าอาณาบริเวณที่เส้นทางของหลุมอนุภาคสีดำนำไปแห่งนั้นเป็นสถานที่เช่นไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตระหนกเกินไปเสียแล้ว

แม้กระทั่งครั้งแรกที่มองเห็นสถานที่แห่งนั้น เขาก็ตาพร่ามัวไปเสียแล้ว

เพราะยามที่สัมผัสรับรู้ไปถึงอาณาบริเวณแห่งนั้น แม้กระทั่งอาศัยสิ่งนี้ไปดู หลุมอนุภาคสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็เชื่อมโยงไปสู่สถานที่แห่งนั้นเช่นเดียวกัน ตนเองอาศัยสิ่งนี้ก็สามารถมองเห็นโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอันไกลโพ้นได้เช่นเดียวกัน!

“ไม่รู้ว่าโชคดีสักแค่ไหนที่ทำให้ข้าได้มาซึ่งศาสตร์ลับที่ยังไม่สมบูรณ์ที่จักรพรรดิเก้าเมฆาสรรสร้างขึ้นศาสตร์นี้ ถึงกับทำให้ข้าได้เห็นอาณาบริเวณอันยากจะอธิบายแห่งนั้น…” ตงป๋อเสวี่ยอิงอุทาน

ความรู้สึกเช่นนี้

ก็เหมือนกับชีวิตในโลกสองมิติ มองหาแนวทางจากโลกสามมิติ

กระดาษแผ่นหนึ่งก็เหมือนกับโลกสองมิติ ‘รูปกลม’‘รูปสามเหลี่ยม’‘รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส’ และรูปสองมิติชนิดต่างๆ ที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ พวกเขามีเพียงความกว้างและความยาวเท่านั้น ไม่มีความสูง! ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถมองเห็นได้เพียงแค่สิ่งมีชีวิตสองมิติอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเท่านั้น เมื่อใดที่เบื้องหน้าถูกกั้นขวางก็ไม่มีทางมองเห็นสิ่งมีชีวิตสองมิติอื่นๆ ที่ถูกบดบังอยู่ด้านหลังได้เลย

แต่ถ้าหากมีความสูง พวกเขาก็จะบรรลุโลกสองมิติเข้าสู่โลกสามมิติ พวกเขามีความสูงแล้วก็จะสูงส่งเหนือผู้ใด ทั้งยังสามารถมองไปได้ทั่วทั้งแผ่นกระดาษ สามารถมองไปได้ทุกหนแห่งทั่วแผ่นกระดาษ! ระยะทางยิ่งไกล ยามที่มองลงมาก็จะยิ่งพร่ามัวมากยิ่งขึ้น

ขณะนี้ความรู้สึกของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นเช่นนี้!

ยามที่ทะลุผ่านหลุมอนุภาคสีดำของห้วงอากาศ เขาก็มองเห็นอาณาบริเวณแห่งหนึ่ง

อาณาบริเวณแห่งนี้เกี่ยวข้องกับโลกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยอยู่

ก็เหมือนกับโลกสามมิติ…ที่เกี่ยวข้องกับโลกสองมิติ

ยามที่สัมผัสรับรู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามาสู่โลกแห่งนี้ เขาก็มองเห็นทุกหนทุกแห่งทั่วทั้งโลกที่เขาอาศัยอยู่! ดินแดนเก้าเมฆา อากาศอันสับสนอลหม่าน และโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราอันไกลโพ้น เขาก็สามารถ ‘มองเห็น’ ได้ทั้งสิ้น นี่ก็คือความสูงส่งของระดับในด้านของโลก

ต่อให้กล้าแกร่งดุจเทพจักรวาล ก็มีเทพจักรวาลบางคนที่ไม่สามารถทำการส่งตัวผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้เหมือนกับพวก ‘บรรพชนทราย’ และ ‘ประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์’ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งกล้าหาใดเทียมในโลกใบนี้ แต่ก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้อยู่ดี! มิได้เข้าสู่โลกระดับสูงกว่า

ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะอ่อนแอ แต่ตอนนี้เขาก็ได้เห็นโลกที่ระดับสูงขึ้นแล้ว

ก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตในโลกสองมิติที่เงยหน้าขึ้นมองโลกสามมิติในทันที!

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงทำได้แล้ว ในบรรดาศาสตร์โบราณ ก็มีผู้แกร่งกล้าที่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้อยู่กลุ่มหนึ่ง พวก ‘บรรพชนทราย’ และคนอื่นๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

แต่พวกเขาต่างก็สามารถทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้นมองไปยังโลกระดับขั้นสูงกว่า พวกเขาค้นพบการมีอยู่ของโลกระดับขั้นสูงกว่าอีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้อีกด้วย

“ข้ามองเห็นแล้ว”

“มองเห็นโลกระดับขั้นสูงกว่านั้นแล้ว”

“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเมื่อใดที่ข้าจะสามารถพาตัวเองเข้าไปสู่โลกระดับขั้นสูงกว่านั้นได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ตัวเขาเองรับสัมผัสได้ว่าสัมผัสรับรู้ของเขาสามารถเข้าไปได้ก็ทุลักทุเลเต็มทีแล้ว ส่วนร่างกายก็ถูกขับไล่อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าหากต้องการจะไปยังสถานที่อื่นๆ ก็ต้องเชื่อมโยงหลุมสองหลุมเข้าด้วยกันแล้วมุ่งตรงตามเส้นทางไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง

ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังไม่สามารถเข้าไปสู่โลกระดับขั้นสูงกว่าได้เลย

“ศาสตร์โบราณช่างร้ายกาจเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกตะลึง

ตนเองมีภูมิหลังของระบบผู้ท่องอากาศอยู่ มีศาสตร์ลับของจักรพรรดิเก้าเมฆาชี้นำ มีการบำเพ็ญหยั่งรู้ในปัจจุบัน จึงโชคดีเดินมาถึงจุดนี้ได้ สามารถเงยหน้ามองโลกระดับขั้นสูงกว่าได้

ทว่าในบรรดาศาสตร์โบราณก็มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่สามารถทำได้เช่นกัน

ถึงขนาดที่ในบรรดาศาสตร์โบราณ มีผู้ที่สามารถมองเห็นอนาคตบางส่วนได้ มีบางคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงส่วนเล็กๆ ในอดีตได้ กลเม็ดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เทพจักรวาลไม่มีกันทั้งสิ้น! ดังนั้นศาสตร์โบราณจึงเป็นระบบการบำเพ็ญหนึ่งที่พิเศษมากอย่างแท้จริง มีเวลาที่ผู้กล้าแกร่งล้ำเลิศเป็นอย่างมาก

“ข้ายังมิได้บำเพ็ญระบบศาสตร์โบราณแต่ก็ทำได้แล้ว ต้องขอบคุณศาสตร์ลับที่ไม่สมบูรณ์ที่จักรพรรดิเก้าเมฆาสร้างขึ้นมานี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูภาพวาดสี่ภาพบนกำแพงตรงหน้า เขาเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าคราวนี้มาถึงคูหาของจักรพรรดิเก้าเมฆา สิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับก็คือภาพวาดสี่ภาพนี้

“รบกวนผู้อาวุโสช่วยส่งตัวข้าออกไปด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเอ่ยปากด้วยเสียงอันดัง

“ได้สิ สังหารบุคคลระดับสูงของสำนักทิพย์โบราณได้มากพอแล้วก็มาหาข้าที่นี่ สมบัติล้ำค่าของจักรพรรดิรอคอยเจ้ามาแลกเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาเลยนะ” สิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดเอ่ยด้วยเสียงอันดัง

พร้อมกันนั้น…

ครืน ระลอกคลื่นห้วงมิติขุมหนึ่งเคลื่อนเข้ามา

ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยตรง

……

พรึ่บ

ท่ามกลางแผ่นดินแห้งแล้งอันกว้างใหญ่ไพศาลผืนหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มขณะยืนอยู่ท่ามกลางแผ่นดินอันแห้งแล้งผืนนี้ เขาทดลองมองดูอาณาบริเวณอันลึกลับนั้นอีกครั้งทันที ทันใดนั้นเขาก็เชื่อมโยงหลุมสองหลุมเข้าด้วยกันจนก่อร่างเป็นทางเดิน ถ้าหากต้องการส่งคนอื่นไปก็อาจจะยุ่งยากกว่าอยู่บ้าง แต่ถ้าหากเพียงแค่ตัวเองเท่านั้นก็จะสบายกว่ามากนัก

“พรึ่บ” ห้วงมิติตรงหน้ากำลังบิดเบี้ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวเดินเข้าไปข้างใน ห้วงมิติอันบิดเบี้ยวก็กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว

และที่บริเวณอีกแห่งหนึ่งของดินแดนเก้าเมฆาซึ่งมีระยะห่างกันกว่าครึ่งดินแดน

ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกมาจากห้วงอากาศอันบิดเบี้ยว

“ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงชื่นชม

“แต่ข้าหาคูหาของจักรพรรดิเก้าเมฆาไม่พบแล้ว” ก่อนหน้านี้ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในคูหา ได้เคยสำรวจผ่านคูหาในอาณาบริเวณอันลึกลับมาก่อนแล้ว จึงรู้ตำแหน่งที่คูหาตั้งอยู่

ทว่าพอมองหาอีกครั้งในตอนนี้ กลับหาไม่พบเสียแล้ว! ดูคล้ายว่าจะซ่อนเร้นไปโดยสมบูรณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าลูกไม้ของจักรพรรดิเก้าเมฆานั้นสูงส่งลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง

“พรึ่บ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง ห้วงก็มิติบิดเบี้ยว แล้วเขาก็หายตัวไปไม่เห็นอีก

เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นอากาศอันสับสนอลหม่านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากดินแดนเก้าเมฆาอย่างแสนไกลหาใดเปรียบ ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางอากาศอันสับสนอลหม่าน เขาเข้าใจว่าสิ่งที่ได้รับมาในคราวนี้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในคนกลุ่มน้อยเพียงหยิบมือที่ถูกผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนริษยานั้น พวกบรรพชนทรายและประมุขตำหนักปุจฉาสวรรค์ แต่ละคนนั้นต่างก็ถูกริษยาเป็นอันมากอย่างแท้จริง

เพราะว่าพวกเขาก็รั้งรออยู่ที่ที่มั่นเป็นระยะเวลายาวนาน ต่างก็มีผู้แกร่งกล้าเชื้อเชิญให้พวกเขาช่วยเหลือให้ส่งพวกเขามุ่งหน้าไปยังสถานที่อันห่างไกลเป็นที่สุดจำนวนหนึ่ง ข้าลำบากทุกครั้งก็คงมิใช่น้อย ดังนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็มั่งคั่งกันเป็นอย่างยิ่ง

ประการถัดมา

เคล็ดการหลบหนีเช่นนี้ก็ช่างล้ำเลิศเป็นที่สุด พวกเขาต้องการจะไป แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถขัดขวางพวกเขาเอาไว้ได้

“กลับบ้านเกิดดูดีกว่า” หลังจากที่มีกำลังความสามารถไปยังสถานที่ใดๆ สักแห่งหนึ่งได้อย่างง่ายดายแล้ว สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องการมากที่สุดในยามนี้ก็คือกลับไปยังจักรวาลภูมิลำเนา ไปดูคนสนิทเสียก่อน

“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวเท้าก้าวหนึ่ง ห้วงอากาศก็บิดเบี้ยว แล้วเขาก็หายวับไปมิอาจเห็นได้อีก

………………………………………..