ตอนที่ 682 อย่าคิดอะไรแบบเด็กๆ / ตอนที่ 683 เจ้าโกรธท่านพ่อหรือไม่

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 682 อย่าคิดอะไรแบบเด็กๆ  

 

 

เมื่อก่อนฟู่เฉินหรงพอเห็นซูจิ่วซือก็จะยิ้ม เวลานี้รอยยิ้มน้อยลงมาก สีหน้าเคร่งเครียดทุกวัน เมื่อเจ้านายเป็นอย่างนี้ ขุนนางคนรับใช้ใกล้ชิดก็ไม่กล้ายิ้ม แต่ละคนท่าทางร้อนรน บรรยากาศอึดอัดอย่างชัดเจน 

 

 

ในวังเจาหยางทุกคนต่างหวั่นใจว่าเจ้านายของตนจะไม่เป็นที่โปรดปราน ถ้าแค่วันสองวันยังไม่เป็นไร แต่นี่สิบวันครึ่งเดือนผ่านไปก็ยังเหมือนเดิม แต่ละคนเริ่มร้อนใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป ได้แต่หวังว่าฮองเฮาจะหายในเร็ววัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็พลอยใจหายไปด้วย 

 

 

วังเฉิงเฉียนกง 

 

 

ฟู่เฉินหรงกำลังเล่นหมากล้อมกับกู้หลียวน ทั้งสองนั่งขัดสมาธิที่โต๊ะชา ฟู่เฉินหรงถือเบี้ยดำ กู้หลียวนถือเบี้ยขาว 

 

 

กู้หลียวนวางเบี้ยลง ยิ้มอย่างไม่ล้อเล่น “เฉินหรง เจ้าแพ้ข้าแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าแพ้ข้า โอกาสนี้หายาก เล่นแข่งกับเจ้าหลายครั้ง ข้าไม่เคยชนะแม้แต่ครั้งเดียว พอเป็นฮ่องเต้ความสามารถในการเล่นหมากล้อมก็ลดลงด้วยหรือ” 

 

 

“เอาใหม่” 

 

 

ฟู่เฉินหรงโยนเบี้ยดำในมือลงแล้วพูดขึ้น 

 

 

“ไม่เล่นแล้ว เจ้าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขืนเล่นก็มีแต่แพ้ข้า ปล่อยให้ข้าหลงดีใจ” 

 

 

“กระดานสุดท้ายแล้ว กระดานนี้ข้าจะตั้งใจเล่นให้สุดฝีมือ” 

 

 

ฟู่เฉินหรงดูเหมือนไม่ยอมแพ้ พยายามรวบรวมสมาธิ เริ่มวางเบี้ยก่อน 

 

 

กู้หลียวนวางตามหลัง สายตามองที่กระดาน ถามขึ้น “เฉินหรง จิ่วซือยังไม่สนใจเจ้าหรือ” 

 

 

“สนใจสิ เพียงแต่สนใจไม่มาก” 

 

 

ฟู่เฉินหรงตอบอย่างไม่ใส่ใจ 

 

 

“จิ่วซือหนอช่างเอาใจยากจริงๆ 

 

 

เราเป็นผู้ชาย ไม่ต้องตั้งท้องสิบเดือน จึงไม่มีทางเข้าใจความเจ็บปวดของการพรากลูก 

 

 

ปิงปิงเคยบอกข้าว่าจิ่วซืออยากมีลูกมาตลอด เรื่องนี้น่าเสียดายที่สุด จู่ๆ สวรรค์ก็ประทานให้แต่ก็ถูกเราตัดออก ที่นางทำใจไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดา เจ้าอย่าโกรธจิ่วซือเลย เวลานี้ได้แต่เอาใจใส่มากหน่อย” 

 

 

ฟู่เฉินหรงยังคงวางหมากต่อ พลางตอบ “ข้าจะโทษจิ่วซือได้อย่างไร ไม่ว่านางต้องการเวลานานแค่ไหนข้าก็จะรอ ขอแต่ให้นางอยู่ใกล้ชิดข้าก็พอ” 

 

 

“ลองใช้วิธีอื่นเถอะ หาผู้หญิงสักคนมาทำให้จิ่วซือหึง ถ้าขืนวางเฉยไม่ร้อนไม่หนาวคงไม่ดีแน่” 

 

 

ฟู่เฉินหรงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด “ไม่เอา” 

 

 

“อาจจะได้ผล” 

 

 

“หลียวน อย่าคิดอะไรแบบเด็กๆ ได้ไหม” 

 

 

กู้หลียวนสีหน้าเครียด “ข้าคิดไม่ออก เจ้าคิดเองก็แล้วกัน! ข้าได้ยินว่าอีกไม่กี่วันจิ่วซือจะกลับแคว้นเว่ย เรื่องนี้จริงหรือไม่” 

 

 

“จริง” 

 

 

“เวลานี้นางเป็นฮองเฮาของแคว้นเจียง เจ้าให้นางกลับแคว้นเว่ย บ้าไปแล้วหรือ” 

 

 

“นางเป็นคนแคว้นเว่ย ซูเหิงยังอยู่ที่แคว้นเว่ย ให้นางไปเยี่ยมซูเหิงก็ดี ถ้าอยู่ที่แคว้นเจียงตลอดเวลา กลัวว่าไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับจิ่วซือจะแย่ลง 

 

 

นิสัยของจิ่วซือเจ้ารู้ดีที่สุด ในเมื่อนางอยากกลับแคว้นเว่ย ก็ให้นางกลับไปให้สบายใจ เจ้าวางใจเถอะ! ช่วงสองสามปีนี้เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่กล้าทำอะไร และไม่ทำอะไรจิ่วซือแน่ ความสัมพันธ์ของสองแคว้นยังไม่ถึงขั้นนั้น” 

 

 

กู้หลียวนครุ่นคิด แล้วพูดขึ้น “เช่นนั้นข้ากับปิงปิงก็กลับไปด้วย” 

 

 

“ข้าเห็นด้วย” 

 

 

“ทางจื่อหยวน…” 

 

 

“เขาไม่ใช่คู่ต่อกรของจิ่วซือ ถ้าเขาอยากตาย จิ่วซือก็จะช่วยให้เขาสมปรารถนา” 

 

 

“เป็นพี่น้องกันดีๆ กลับกลายมาเป็นอย่างนี้” กู้หลียวนถอนหายใจ “นึกถึงตอนเด็ก บางเรื่องนึกไม่ถึงจริงๆ ” 

 

 

“เรื่องที่เจ้านึกไม่ถึงยังมีอีกมาก” ฟู่เฉินหรงวางเบี้ย พลางตรัสเตือน “หลียวน เจ้าแพ้แล้ว” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 683 เจ้าโกรธท่านพ่อหรือไม่ 

 

 

กู้หลียวนมองกระดานหมากล้อม แพ้จริงๆ ฟู่เฉินหรงบีบเขาให้เข้าตาจน เขาวางเบี้ยในมือ “แย่จริงๆ ” 

 

 

“เจ้าใจลอยมากกว่าข้าเสียอีก” ฟู่เฉินหรงยิ้ม พูดจบก็เรียกคนเข้ามาเก็บกระดานหมากล้อม 

 

 

กู้หลียวนลุกขึ้นบิดตัวคลายเมื่อย จู่ๆ ก็หันไปพูด “เฉินหรง ไปครั้งนี้ข้าอยากเตือนท่านพ่อให้ออกจากคุก ท่านพ่อติดคุกนานมาก อยู่คุกต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้” 

 

 

กู้เหยี่ยนมีบุญคุณที่เลี้ยงดู หลายปีก่อนหน้านี้ฟู่เฉินหรงถือกู้เหยี่ยนเป็นพ่อ 

 

 

ตั้งแต่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของซูจิ่วซือ ความรู้สึกที่มีต่อกู้เหยี่ยนจึงซับซ้อนขึ้นทันที แม้เป็นพ่อลูกกัน แต่กู้เหยี่ยนเคยทำร้ายซูจิ่วซือ เหตุการณ์ในอดีตเขาไม่อยากพูดถึง และไม่อยากไปแคะคุ้ย ซูหลิ่วตายไปแล้ว 

 

 

“เรื่องนี้เจ้าเป็นคนบอกเถอะ!” 

 

 

“ทำไมเวลาพูดถึงท่านพ่อ เจ้ามักจะน้ำเสียงแปลกๆ ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อต้องการชดใช้ความผิดเรื่องอะไร จึงต้องขังตัวเองในคุก ถ้ารู้สึกผิดที่ทำให้ท่านแม่ของข้าเสียใจ ท่านแม่ก็จากโลกไปนานแล้ว ท่านพ่อทำอย่างนี้ ท่านแม่ก็มองไม่เห็น ไม่มีความหมายอะไร” 

 

 

“หลียวน เจ้าโกรธท่านพ่อหรือไม่” 

 

 

จู่ๆ ฟู่เฉินหรงก็ถามขึ้น 

 

 

กู้หลียวนหยิบพัดที่ติดตัวออกมา โบกด้วยท่วงท่าสง่างาม เขาสั่นหัวเบาๆ “หลายปีมานี้ท่านพ่อไม่ได้อยู่สุขสบาย ดูออกว่า ในใจของท่านพ่อเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน รู้สึกละอายใจต่อท่านแม่มาตลอด 

 

 

ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต จะให้อภัยหรือไม่ควรเป็นเรื่องที่ท่านแม่พูดเอง ข้าพูดแทนท่านแม่ไม่ได้ ข้าไม่ได้โกรธท่านพ่อ จวนตระกูลกู้ตกต่ำอย่างนี้ ข้ารู้สึกเสียใจมาก คนในครอบครัวอยู่ดีๆ ก็เกลียดกันหมด” 

 

 

“ใช่ เจ้าไม่สามารถให้อภัยแทนแม่เจ้า เรื่องราวในอดีตไม่ต้องพูดถึงอีกต่อไป ที่สมควรชดใช้ก็ชดใช้ไปแล้ว” 

 

 

“เจ้ารู้เรื่องอะไรหรือ” 

 

 

กู้หลียวนถามด้วยความประหลาดใจ 

 

 

ฟู่เฉินหรงย่อมไม่เล่าเรื่องนี้ให้กู้หลียวนฟัง เขาแสร้งทำเป็นโง่ “ข้าจะรู้อะไร นี่เป็นเรื่องของคนรุ่นพ่อแม่” 

 

 

“ข้าได้ยินว่าฟู่เย่ว์อี้ก็อยู่ที่แคว้นเว่ย” 

 

 

กู้หลียวนเดินไปที่โต๊ะหนังสือ พยักหน้า “เคยได้ยินเหมือนกัน” 

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมมาก แต่ไหนแต่ไรก็เป็นศัตรูของเรา เวลานี้นางอยู่ที่แคว้นเว่ย ไม่รู้ว่าไปก่อเรื่องอะไร ข้ากลัวว่านางจะทำร้ายจิ่วซือ 

 

 

แต่ไม่ใช่ว่ากลัวคนพวกนี้แล้วไม่กลับบ้าน เวลานี้แคว้นเจียงกับแคว้นเว่ยยังมีความสัมพันธ์กันดี ผ่านไปอีกสองสามปี ไม่แน่อาจจะกลับไปไม่ได้” 

 

 

สถานการณ์บ้านเมือง ไม่มีใครขัดขวางได้ ไม่มีใครคาดเดาได้ กู้หลียวนนึกถึงเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจ เขาเป็นคนแคว้นเว่ย ฮ่องเต้แคว้นเจียงก็เป็นน้องชายของเขา ถ้าสองแคว้นเป็นศัตรูกัน เขาจะยืนอยู่ข้างแคว้นเจียงหรือแคว้นเว่ย 

 

 

เวลานี้คิดไปก็ไร้ประโยชน์ ถ้าถึงเวลาเข้าจริงๆ เขาจะไม่ยืนอยู่ข้างไหนทั้งนั้น ยืนข้างไหนก็ไม่ดี 

 

 

กู้หลียวนอยู่ต่อจนใกล้เวลาปิดประตูวังจึงออกไป พอเขาไปแล้ว ฟู่เฉินหรงก็ยังไปวังเจาหยาง เขาอยากกินมื้อค่ำกับซูจิ่วซือ 

 

 

 

 

 

จวนตระกูลกู้ 

 

 

กู้จื่อหยวนอ่านหนังสือราชการในห้องหนังสือ เวลานี้เขากับซูเหิงต่างก็เป็นขุนนางในราชสำนัก ทั้งสองได้รับความไว้วางจากฮ่องเต้ แต่ซูเหิงเป็นที่โปรดปรานมากกว่า ตำแหน่งสูงกว่า 

 

 

ทั้งสองในทางเปิดเผยไม่มีความขัดแย้งอะไร แต่โดยส่วนตัวไม่เคยไปมาหาสู่กัน พอเห็นหน้ากันต่างก็รู้สึกขัดตา 

 

 

กู้จื่อหยวนวางเอกสารในมือลง ฟู่เย่ว์อี้ยกชาโสมเข้ามาทันที พอเห็นฟู่เย่ว์อี้ กู้จื่อหยวนก็ยิ้มให้นาง