บทที่ 1147 ก็ต้องแฟนสำคัญกว่าสิ / บทที่ 1148 รู้สึกปลอดภัย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1147 ก็ต้องแฟนสำคัญกว่าสิ

เยี่ยหวันหวั่นกำลังนั่งรอรอกงซวี่กับลั่วเฉินอยู่กับหานเซี่ยนอวี่ จู่ๆ มือถือก็ดังขึ้น

แจ้งเตือนบนหน้าจอเป็นชื่อสวี่อี้

เวลานี้สวี่อี้โทรหาเธอทำไมกัน?

เยี่ยหวันหวั่นหยิบมือถือขึ้นมาดูอย่างสงสัย จากนั้นก็เดินออกไปรับสายบนทางเดินลับตาคน

“ฮัลโหล พ่อบ้านสวี่?”

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะรับสาย เสียงลนลานของสวี่อี้ก็ดังมาจากปลายสาย “คุณหนูหวันหวั่นครับ คุณหนูกับคุณชายเก้าทะเลาะกันเหรอครับ?”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นก็งง “หา? ทะเลาะ? ไม่นี่ พวกเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย!”

สวี่อี้รีบบอกว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ! ถ้างั้น…ทำไมจู่ๆ คุณชายเก้าถึงได้สติแตกอย่างนี้ล่ะครับ…”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นก็พูดไม่ออก “นี่! เขาสติแตกก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นเพราะฉันเสมอไปนี่ อย่าเอาแต่โยนความผิดมาให้ฉันได้ไหมเนี่ย…”

สวี่อี้ทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ เสียงของแตกหักดังปนมาจากปลายสายรางๆ “คุณหนูหวันหวั่น! เอาเป็นว่าคุณหนูมาดูที่บริษัทหน่อยแล้วกันนะครับ ขอร้องล่ะ! วันนี้คุณชายเก้าดูอารมณ์ไม่ดีเลยครับ!”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นก็หนักใจ

สวี่อี้ไม่เคยโทรหาเธอส่งเดช นอกจากว่าสถานการณ์จะคับขันจริงๆ

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว จะรีบไป”

เยี่ยหวันหวั่นรับสายเสร็จก็กลับเข้าไปในห้องทำผม เธอกระซิบข้างหูเยี่ยมู่ฝาน “ฉันขอตัวแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวรีบกลับมา”

“ไปไหนล่ะ?” เยี่ยมู่ฝานถาม

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “แฟนฉันไม่ค่อยสบาย ฉันจะไปดูเขาหน่อย”

เยี่ยมู่ฝานขนลุกซู่ “ให้ตาย! วันสำคัญขนาดนี้ นี่แกเห็นแฟนสำคัญกว่าหรือพิธีประกาศรางวัลจินหลานสำคัญกว่ากันแน่!”

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ก็ต้องแฟนสิ”

เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก

เยี่ยหวันหวั่นเกลี้ยกล่อม “พี่ ฉันไปแป๊บเดียวก็กลับมา ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะนี่!”

เยี่ยมู่ฝานเบะปาก “ไปเถอะๆ!”

……

ขณะเดียวกัน ที่ซือกรุ๊ป

สวี่อี้ยืนรออยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นมาถึงก็รีบพาเธอขึ้นข้างบนด้วยตัวเอง โดยใช้ลิฟต์ผู้บริหาร

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างร้อนใจ

สวี่อี้ทำหน้าเหมือนน้ำตาจะไหล “คุณหนูหวันหวั่น ผมจะไปเดาความคิดของคุณชายเก้าออกได้ยังไงล่ะครับ ผะ…ผมว่าผมควรจะถามคุณหนูมากกว่านะครับ…”

เยี่ยหวันหวั่นเอือมระอา

ปัญหาคือคราวนี้เธอไม่ได้เป็นคนก่อปัญหาจริงๆ! วันนี้ก่อนจะแยกกันยังดีๆ อยู่เลย!

ถึงตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นจะยังไม่ได้เจอเขา แต่แค่สัมผัสถึงบรรยากาศอึดอัดบริเวณออฟฟิศขณะเดินผ่าน รวมถึงสีหน้าหวาดกลัวของเหล่าพนักงาน ก็รู้แล้วว่าสวี่อี้ไม่ได้พูดเกินจริงซักนิดเดียว

ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานประธานบริษัท สวี่อี้เคาะประตูอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป

เยี่ยหวันหวั่นก้าวขาเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือสภาพห้องทำงานที่เละเทะเหมือนพายุเพิ่งผ่านไป

ด้านหน้าโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ซือเยี่ยหานสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ นั่งทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้หนังแท้อย่างหมดสภาพ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหน้าผาก รอบกายเต็มไปด้วยราศีอำมหิตและกลิ่นอายบ้าคลั่งที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่ง…

อย่าว่าแต่สวี่อี้เลย ขนาดเธอยังกลัว สัญชาตญาณแรกที่มีต่อความกลัว คืออยากจะหนีไป

สวี่อี้ยืนเงียบอยู่หน้าประตู ไม่กล้าส่งเสียง

เยี่ยหวันหวั่นชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบก้าวเท้าเข้าไป “คุณเก้าคะ…”

หลังจากก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เยี่ยหวันหวั่นพบว่าสีหน้าของซือเยี่ยหานไม่ค่อยดีนัก หน้าเขาซีดจนแทบไม่มีสีเลือดแล้ว

เธอห่างเขาไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ?

————————————————————————————-

บทที่ 1148 รู้สึกปลอดภัย

พอได้ยินเสียงของเธอ คล้ายว่าชายหนุ่มจะชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองมาที่เยี่ยหวันหวั่น

“มานี่” สายตาของซือเยี่ยหานดั่งบ่อน้ำลึกที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด จ้องหน้าเธอไม่กระพริบ

เยี่ยหวันหวั่นเดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างว่าง่าย เธอขมวดคิ้วแล้วยกมือแตะหน้าผากซือเยี่ยหาน เหมือนอุณหภูมิร่างกายจะปกติดีนี่นา

เสี้ยววินาทีที่เยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัวต่อหน้าเขา ซือเยี่ยหานก็เหมือนสัตว์ดุร้ายที่เห็นเจ้าของ รังสีอำมหิตถูกเก็บงำในชั่วพริบตา

“คุณเก้า คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ?” เยี่ยหวันหวั่นถาม

ซือเยี่ยหานปล่อยให้เธอเอามือเล็กๆ แตะหน้าผากตัวเอง แล้วเอื้อมแขนทั้งสองข้างมาโอบเอวหญิงสาวโดยไม่พูดอะไร เงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดเสียงเอื่อยว่า “ตอนแรกก็ไม่สบายอยู่นิดหน่อย”

เยี่ยหวันหวั่นอึ้งเล็กน้อย เอิ่ม ตอนแรกไม่สบายเหรอ

หมายความว่า…พอเธอมาก็หายเลย?

ซือเยี่ยหานใช้คำพูด “อ้อมค้อมเข้าใจยาก” อีกแล้ว…

สวี่อี้ที่แอบยืนอยู่หน้าประตูเงียบๆ เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่อึ้งงัน ขณะเดียวกันก็แอบโล่งอกด้วย เขารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่คุณหนูหวันหวั่นมาต้องจัดการได้แน่…

เยี่ยหวันหวั่นปล่อยให้ซือเยี่ยหานกอดตัวเอง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “สองสามวันนี้งานยุ่งมาก เลยเหนื่อยใช่ไหมคะ? คุณนอนซักหน่อยไหม? ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”

ซือเยี่ยหานดูเหนื่อยมากจริงๆ เขากอดเธอนิ่งไม่ยอมขยับ “เธอต้องไปร่วมพิธีประกาศรางวัลจินหลานไม่ใช่เหรอ?”

เยี่ยหวันหวั่นพูดโพล่งออกไป “พิธีนั่นจะสำคัญสู้คุณได้ยังไง!”

เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ปลอบประโลมซือเยี่ยหานได้ สีหน้าตึงเครียดของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น”

ซือเยี่ยหานพูดจบ ก็หันมาส่งสายตาตำหนิให้สวี่อี้

เยี่ยหวันหวั่นเห็นอย่างนั้นก็รีบกล่าวว่า “คุณอย่ามองสวี่อี้อย่างนั้นเลยค่ะ ฉันเป็นบอกสวี่อี้ให้คอยรายงานเวลาเกิดเรื่องเอง ฉะนั้นห้ามตำหนิเขา ห้ามลงโทษเขานะคะ!”

ซือเยี่ยหานเอ่ย “อืม”

สวี่อี้ที่ถูกจ้องหน้าจนวิญญาณเกือบหลุดจากร่างได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างนั้น ก็แทบน้ำตาไหลด้วยความซึ้งใจ

มีเถ้าแก่เนี้ยคอยหนุนหลังให้นี่ดีจริงๆ!

รู้สึกปลอดภัยสุดๆ…

พอเห็นว่าแก้ไขวิกฤติได้แล้ว สวี่อี้ก็รีบถอยออกไปเงียบๆ

เยี่ยหวันหวั่นมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเป็นห่วง

ทำไมอารมณ์ของซือเยี่ยหานถึงขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้นะ ผู้ชายไม่มีประจำเดือนซักหน่อย…

แต่ว่า การอยู่บนตำแหน่งสูงๆ นั่น ต้องคอยดูแลตระกูลและบริษัทที่ใหญ่ขนาดนั้นด้วยตัวคนเดียว ต้องคอยจัดการอารมณ์ของตัวเอง ก็ไม่แปลกที่จะกดดันขนาดนี้

“คุณไม่ได้มีเรื่องอะไรจริงๆ เหรอคะ?” เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความเป็นห่วง

ซือเยี่ยหานเอ่ย “ฉันจะมีอะไรได้ล่ะ ก็มีแค่เธอนี่แหละ”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “เป็นเกียรติจริงๆ เชียว…”

เยี่ยหวันหวั่นดันตัวเข้าไปนั่งบนตักซือเยี่ยหาน แล้วกอดเอวเขาด้วยแขนทั้งสองข้าง “มา ฉันจะมอบอ้อมกอดชาร์จพลังให้คุณเอง”

ซือเยี่ยหานหัวเราะเบาๆ สองแขนกอดหญิงสาวแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งก็บอกว่า “กลับไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร”

เยี่ยหวันหวั่นมองพิจารณาซือเยี่ยหานอยู่นาน พอเห็นว่าสีหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้วจริงๆ จึงค่อยวางใจ

“อืม งั้น…ก่อนจะไป ฉันต้องการกำลังใจ! กำลังใจแห่งความรัก!” เยี่ยหวันหวั่นออดอ้อน

มือใหญ่ของซือเยี่ยหานประคองใบหน้าของหญิงสาว จากนั้นก็ประทับจูบลงบนกลีบปากของเธอ “เอารางวัลกลับมาด้วยล่ะ”

หัวใจของเยี่ยหวันหวั่นเต้นรัว เธอบ่นเสียงเบา “ฉันขอกำลังใจจากคุณ ไม่ได้ขอให้คุณยั่วยวนฉันนะ…”

……………………………