บทที่ 593 ไว้ชีวิตข้าด้วย

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 593 ไว้ชีวิตข้าด้วย

 

“จ-เจ้ามาทําอะไรที่นี่ เจ้าอสูรร้าย” เจ้าสํานักทองสั่นระริกอย่างไม่หยุดยั้งอยู่ต่อหน้า ตัวตนของเซียวหรงผิวของเขาซีดเผือด ราวกับว่าเขากลายเป็นศพ

 

“เจ้าเรียกสาวสวยเช่นเธอว่าเป็นอสูรได้อย่างไรกัน นั่นหยาบคายมาก” ซูหยา งกล่าวด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

 

“จ-จ-เจ้า เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ ทําไมเธอจึงมาอยู่ที่นี่ จริงแล้วเจ้าเป็นใครกัน” เจ้าสํานักทองมองดูเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว

 

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเป็นเสียงซูหยาง ก็กลับเป็นเสียงอื่นที่ตอบคําถามของเขาแทนเร่งเข้ามา

 

“ครั้งนี้เจอได้หลอกตัวเองเข้าให้แล้ว เจ้าสัตว์บ้ากาม” ชิวเยว่กล่าวขณะ หาพวกเขาจากระยะห่าง

 

“จ-จ-เจ้าคือ ธิดาเทพเซียนซูเยวี่ย” เจ้าสํานักทองอุทาน

 

“ห-หุบปาก กล้าดีอย่างไรจึงเอ่ยถึงชื่อนั้นอีก” ชิวเยวพลันปรากฏตัวข้างเจ้าสํา นักทองด้วยใบหน้าแดงฉานและตบเขาอย่างรุนแรงจนเขาถูกส่งปลิวออกไปไกลหลายกิโลเมตร

 

“ไอ้ย่า เจ้ากําลังพยายามจะฆ่าเขาก่อนที่ข้าจะทํารี” ซูหยางส่ายหน้าให้กับเธอ

 

“ข-ข้าออมมือแล้ว” เธอรีบพูด

 

“เห็นชัดๆว่ามิได้เป็นเช่นนั้น ที่จริงดูเหมือนว่าเจ้าชัดเขาเต็มแรง” ซูหยางพูด

 

จากนั้นเขาก็มองไปทางเชี่ยวหรงแล้วกล่าวกับเธอว่า “เจ้าพอจะพาเขามาที่นี่ได้ไหม”

 

เชี่ยวหรงพยักหน้าและตรงเข้าไปจับเจ้าสํานักทองก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับร่างไร้สติในสองสามวินาทีให้หลัง

 

“ดูสิ เจ้าฆ่าเขาไปแล้วจริงๆ” ซูหยางกล่าวกับเธอเมื่อเขาเห็นร่างไร้สติของเจ้าสํานักทอง

 

“ไร้สาระ” ชิวเยวตรงเข้าไปหาเจ้าสํานักทองและตบเขาเพิ่มไปอีกสองสามครั้ง

 

“ตื่น ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย”

 

“คือ ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับข้า” เจ้าสํานักทองตื่นขึ้นในเวลาต่อมาด้วยความสับสนกับสถานการณ์อย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าเขาสูญเสียความทรงจํา

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นชิวเยว่กับเซี่ยวหรง เขาก็นึกถึงสถานการณ์ของตนเองได้ในทันทีและเขากล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าจะทําอะไรกับข้า ข้าเป็นเจ้าสํานักสุวรรณสิงห์นะ เจ้าฆ่าข้าไม่ได้”

 

“ข้ามสามารถฆ่าเจ้ารี หรือว่าเจ้ากลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้วจากการถูกตบไปเมื่อกี้นี้” ซูหยางแผ่นเสียงเย็นชา แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าพยายามที่จะลวนลามหญิงของข้า ข้าย่อมคิดฆ่าเจ้าต่อให้เจ้าเป็นลูกชายของจักรพรรดิ์สวรรค์ก็ตาม”

 

“ด-ได้โปรด ข้าผิดไปแล้ว ข้ามควรแม้แต่จะคิดกระทั่งในการพยายามที่จะแตะต้องหญิงของท่านไว้ชีวิตข้าสักครั้ง” เจ้าสํานักทองเริ่มร้องขอชีวิต

 

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าวิชาการฝึกปรือของข้าที่เพิ่มความตื่นกระหายอย่างเห็นได้ชัด จนคล้ายกับสัตว์ป่าและแทบทุกครั้งข้าก็มิอาจจะควบคุมตัวเองได้”

 

อย่างไรก็ตามซูหยางยังคงไม่ใส่ใจหลังจากที่ได้ยินคําพูดแบบนั้น เขากล่าวว่า “กล่าวโทษวิชาการฝึกปรือของเจ้าสําหรับการกระทําความผิดของเจ้าอย่างนั้น เจ้ายังเป็นผู้ฝึกยุทธอยู่ หรือเปล่าเป็นความผิดของใครกันที่เจ้ามิสามารถควบคุมวิชาของเจ้าได้ วิชาของเจ้าเป็นตัวบีบให้เจ้าออกเดินทางไกลมาจนถึงทวีปตะวันออกนี้เพื่อรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างงั้นรี มิใช่ใครอื่นแต่เป็นความผิดของตัวเจ้าเองที่ขาดคุณสมบัติ

 

หลังจากที่พูดคําเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็ค่อยยกมือขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

“ด-ด-ได้โปรด ไว้ชีวิตข้า ไว้ชีวิตข้าด้วย” เจ้าสํานักทองร้องขอชีวิตพร้อมกับน้ําตาที่หลั่งไหล

 

แต่อนิจจา สายตาของซูหยางยังคงเย็นเยียบ เขาพูดว่า “เจ้าจะทําอะไรหากว่าเจ้าอยู่ในฐานะเดียวกับข้า เจ้าจักยอมให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างงั้น แล้วผู้หญิงที่เจ้าได้ทําร้ายมาก่อนล่ะ เจ้าได้หยุดมือหรือไม่เมื่อพวกเธอร้องขอความกรุณา ข้ามิได้คิดเช่นนั้น”

 

ซูหยางวาดมือของเขาลงด้านล่างอย่างไม่ใส่ใจ ทําให้กระบี่ยักษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าสั่นสะเทือนและในเวลาต่อมากระบี่ขนาดยักษ์นั้นก็เริ่มลดขนาดลงจนมีขนาดเท่ากับกระบี่ขนาดธรรมดาอีกครั้งแต่กระแสพลังของมันยังคงอยู่ ดูเหมือนจะยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ําไป

 

“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์”

 

กระบี่พลันเปล่งประกายสดใส ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังเจ้าสํานักทอง

 

“ม-ม-ม-ไม่ ไม่ ไม่”

 

เจ้าสํานักทองหันตัวกลับวิ่งหนีไปในทันที แต่กระบี่ได้ไปถึงตรงหน้าเขาก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว

 

“อาาาาา”

 

กระบี่ปักลงไปตรงกลางอกของเจ้าสํานักทอง ก่อนที่จะผลักร่างของเขาลงไปในทะเลหยก

 

ทะเลหยกถูกแหวกเป็นช่องด้วยกระแสพลังของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าสํานักทองก็ถูกส่งลงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลหยก

 

ในเวลาต่อมา เจ้าสํานักทองก็ลงไปถึงยังก้นทะเลหยก และเขาก็ถูกกระบี่ตรึงติดพื้นไว้ไร้พลังที่จะถอนดึงมันออก

 

อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาด แม้ว่าเขาจะอยู่ที่ก้นทะเลหยก แต่เจ้าสํานักทองก็ยังสามารถที่จะหายใจได้เป็นปกติ แม้ว่าจะเจ็บปวดอยู่บ้าง

 

“อย่ากังวล ข้ามปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถที่จะรักษาชีวิตของเจ้าไว้ด้วยพลังวิญญาณรอบข้างและมันก็จะไล่สัตว์ทะเลที่อาจจะต้องการกินเจ้าด้วยกระแสพลังของมันข้าจักให้เจ้าได้สํานึกถึงความผิดไปตราบชั่วชีวิตของเจ้าใต้น้ําโดยมีสัตว์ทะเลน่าเกลียดพวกนี้รายล้อม”เสียงของซูหยางดังขึ้นอยู่ในหัวของเจ้าสํานักทอง

 

“อาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” เจ้าสํานักทองกรีดร้องสุดเสียง แต่อนิจจา ไม่มีใครที่ได้ยินเขา

 

หลังจากที่ได้ตรึงเจ้าสํานักทองไปยังก้นท้องทะเลหยกแล้ว ซูหยางก็หันไปมองยานและคนที่เจ้าสํานักทองได้พามากับเขา

 

และเมื่อคนบนเรือสังเกตเห็นซูหยางมองมาที่พวกเขา บรรดาผู้ที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณต่างพากันบินหนีกันไปด้านตรงกันข้าม

 

แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะไปได้ไกล สัตว์ทะเลที่ได้อยู่อย่างสงบมาตลอดช่วงเวลานี้ก็เริ่มโจมตีพวกเขา

 

“อาาาา”

 

และในเมื่อปราศจากการปกป้องจากเจ้าสํานักทอง แม้กระทั่งจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณก็สามารถต่อสู้อยู่ได้เพียงไม่กี่วินาทีจากเหล่าสัตว์ทะเลที่แข็งแกร่งพวกนี้ก่อนที่จะถูกพวกมันกลืนกิน

 

ส่วนสําหรับผู้ที่ไม่สามารถบินขึ้นไปได้แต่อยู่ในเรือนั้น ซูหยางได้ใช้กระบี่ตัด เรือออกเป็นสองส่วนจมทั้งยานและคนที่อยู่ในนั้น ปล่อยให้สัตว์ทะเลจัดการกับพวกเขา

 

หลังจากที่ได้จัดการกับสํานักสุวรรณสิงห์แล้ว ซูหยางก็กลับไปข้างกายซีหวังกับซีซิงฟาง

 

แน่นอนว่าทั้งชีหวังกับชีชิงฟางต่างก็พากันพูดไม่ออกตลอดระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้เป็นพยานรู้เห็นอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่ควรรับรู้