บทที่ 594 ผู้ฝึกยุทธจากภพที่สูงกว่า

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 594 ผู้ฝึกยุทธจากภพที่สูงกว่า

 

“ผู้บุกรุกถูกจัดการแล้ว และผู้นําของดาบเสี้ยวจันทร์ก็ถูกพวกเจ้าควบคุมตัวไว้ ข้าเชื่อว่าตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว ซิงเอ๋อร์” ซูหยางกล่าวกับซีซิงฟางหลังจากที่พวกเขากลับคืนไปยังยานบิน

 

“ข้าข้ามิรู้ว่าควรจะขอบคุณท่านสําหรับทุกสิ่งทุกอย่างนี้อย่างไรจริงๆ ซูหยาง” ซีซิงฟางถอนใจ

 

“เจ้ายังคงคิดเรื่องนั้นอยู่อีกรี ข้าได้กล่าวเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้วว่าจริงแล้วเจ้ามจําเป็นต้องตอบแทนอะไรข้าเลยในเมื่อข้าเองเพียงทําสิ่งเหล่านี้ไปตามความพึงพอใจของข้าเอง” เขาส่ายหน้า

 

“ว่าแต่ว่า เจ้าจักทําอะไรกับพวกเขารี” เขาชี้มือไปทางดาบเสี้ยวจันทร์ที่ยังคงติดอยู่ในกับดักของค่ายกล

 

“ข้ากําลังจะพาพวกนี้กลับไปที่ตระกูลซีและให้ลูกของข้าจัดการกับพวกเขา ถ้าเป็นตัวข้า ข้าก็อาจจะฆ่าพวกนี้เสียที่ตรงนี้ แต่นั่นจักเป็นการปรานี้มากเกินไปสําหรับพวกเลวพวกนี้” ซีหวังกล่าว

 

ซูหยางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจักปิดกั้นพลังการฝึกปรือของพวกเขาเพื่อที่จะทําให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นสําหรับพวกท่าน”

 

จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปหาดาบเสี้ยวจันทร์และใช้วิชาปิดสกัดจุดปิดกั้นพลังการฝึกปรือของคนพวกนี้ทั้งหมด

 

ครั้นเมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาก็โยนคนเหล่านี้ขึ้นไปบนยานบินและกล่าวกับชิวเยวว่า “พวกเราจะพาพวกเขาไปส่งยังเมืองหิมะโปรยก่อนที่พวกเราจะกลับคืนไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”

 

ชิวเยวพยักหน้า และจากนั้นอีกสองสามนาที พวกเขาก็ไปถึงเมืองหิมะโปรย

 

เมื่อเจ้าซีและทุกคนในเมืองมองเห็นยานบินขนาดยักษ์เหนือหัวพวกเขา พวกเขาต่างก็พากันไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร ต่างพากันรู้สึกเหมือนกับว่าถูกรุกรานจากเซียนหรืออะไรทํานองนั้น

 

แต่เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นซีหวังกับชีซิงฟางบนยานบิน เจ้าซีจึงค่อยถอนหายใจโล่งอก

 

หลังจากที่ปล่อยชีซิงฟางกับชีหวังลงไปพร้อมกับดาบเสี้ยวจันทร์แล้ว ซูหยางก็กลับคืนไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้วยกันกับชิวเยว่และเชี่ยวหรง

 

“ท่านพ่อ พวกเราจับผู้นําของดาบเสี้ยวจันทร์ได้” ซีซิงฟางกล่าวกับเจ้าชีฟังหลังจากกลับบ้านแล้ว

 

“อะไรนะ ผู้นําของดาบเสี้ยวจันทร์อย่างงั้นรี ให้ข้าดูหน้าเจ้าเลวนี้”

 

ต่อจากนั้น เจ้าซีก็ถูกพาไปยังที่ซึ่งผู้นําเลยและพรรคพวกของเขากําลังถูกมัดอยู่

 

“เจ้าคือ…นายพลเล่ยมิใช่รึ เจ้ายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้รี” เจ้าซีตกใจเมื่อเห็นนายพลเก่าแก่ของเขา

 

“ชีอี้มู่…” ผู้นำเล่ยจ้องมองเขาพร้อมกับหรี่ตาเต็มไปด้วยความคิดฆ่าฟัน

 

“ดาบเสี้ยวจันทร์… นี่คือวิธีแก้แค้นของเจ้างั้นรี” เจ้าซีเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและ ได้แต่ทอดถอนใจ

 

“หุบปาก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของเจ้า ตอนนี้เจ้าได้จับข้าเอาไว้ เจ้าสามารถฆ่าข้าได้เลย” ผู้นําเลยตะโกน

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าซีเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้ามฆ่าเจ้าง่ายๆอย่างนั้น และเป็นเพราะว่าเจ้าได้หนีไปก่อนที่พวกเราจักได้ลงโทษเจ้าข้อหากบฏ พวกเราจักเพิ่มมันลงไปรวมกับอาชญากรรมของเจ้าและลงโทษเจ้าตามนั้น”

 

“ผู้คุมพาคนพวกนี้ไปยังคุกมืด”

 

สองสามนาทีให้หลัง ยามเมื่อบรรดาดาบเสี้ยวจันทร์ถูกผู้คุมคุกพาตัวไปหมดแล้ว เจ้าซีก็ถามซีหวังว่า “พวกท่านพบพวกนั้นที่ไหนกัน”

 

“พวกเรามิได้เป็นคนที่พบพวกเขา” ซีหวังส่ายหน้าแล้วกล่าวต่ออีกว่า “เป็นซูหยางที่ทํางานเกือบทั้งหมดนี้”

 

“หือ ซูหยางรี เขาทําอะไรในครั้งนี้” เจ้าซีเลิกคิ้วด้วยความสนใจ

 

“เจ้าอาจจะไม่เชื่อว่าเกิดอะไรขึ้น…” ซีหวังถอนใจ เขากล่าวต่อไปอีกว่า “มันเป็นเรื่องยาวดังนั้นพวกเราหาที่นั่งกันก่อนดีกว่า”

 

สองสามนาทีให้หลัง ยามเมื่อพวกเขาได้ผ่อนคลายแล้ว ซีหวังก็เริ่มเล่าประสบการณ์ของพวกเขาในช่วงเวลาสองสามวันนี้ออกมา

 

เขาบอกเจ้าซีเกี่ยวกับผู้บุกรุกจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซูหยาง วิธีการจัดการสถานการณ์ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว ตัวตนของชิวเยว่กับเชียวหรง รวมไปถึงค่ายกลสุดอลังการที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

เมื่อถึงตอนสุดท้าย เจ้าชีก็มีสีหน้าสับสนแขวนค้างอยู่บนใบหน้า เต็มไปด้วยความงงงัน

 

“ซูหยาง…ว่าแต่ว่าเขาเป็นใครกัน เพียงแค่คนรุ่นเยาว์กลับประสบความสําเร็จเช่นนั้นได้อย่างไรกัน โดยปกติแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ”

 

“ข้ามีสมมติฐานเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่ไกลตัว” ซีหวังกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ซูหยาง….เขาเป็นผู้ฝึกยุทธที่ทรงอํานาจเป็นอย่างมากที่กลับชาติมาเกิดใหม่”

 

“….”

 

เจ้าชีมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูเหมือนว่าจะพูดไม่ออก

 

“ท่านเชื่อจริงๆนะรีว่าการกลับชาติมาเกิดนั้นมีจริง”

 

“มิได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนที่บ่งชี้ว่ามันเป็นจริง แต่ถ้าเจ้าคิดให้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราผู้ฝึกยุทธฝึกฝนก็เพื่อหวังที่จะได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นเซียน แต่อย่างไรก็ตามพวกเราก็ไม่เคยเห็นเซียนตัวจริงมาก่อน แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ยังคงฝึกฝนและไล่ตามมันยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็สามารถอธิบายได้ว่าทําไมซูหยางจึงมีความรู้เหนือโลกมากมายนักที่กระทั่งพวกเราก็มิสามารถจักเข้าใจ ได้ตั้งแต่เริ่มแรก”

 

“ซูหยางถือว่าเป็นผู้ฝึกวิชาคู่ แต่เขาก็ถือว่าเป็นจอมกระบี่ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของกระบี่จนมิอาจจะจินตนาการได้เช่นกัน เจ้าคิดว่าเขาประสบความสําเร็จเช่นนั้นเมื่อมีอายุเพียง 17 ปีได้อย่างไร ต่อให้เป็นโอรสสวรรค์ก็มิอาจจะมีพรสวรรค์เช่นนั้นได้”

“แล้วเรื่องทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางล่ะ เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้อง” เจ้าชีถาม ยังคงสงสัยในสมมติฐานนั้น

 

“ข้าก็ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นไว้เช่นเดียวกัน แต่นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ ผู้บุกรุกก็เป็นยอดยุทธจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไร้กําลังที่จะต่อกรกับซูหยาง” ซีหวังส่าย หน้า

 

“แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีกหนึ่งสมมติฐาน…”

 

ซีหวังสูดลมหายใจลึกแล้วกล่าวว่า “สองเทพธิดาที่อยู่ข้างกายของซูหยาง พวกเขามิได้เป็นคนของโลกนี้”

 

“ท่านคงมิได้หมายความว่า…” เจ้าซีดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

“พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธจาก “ภพที่สูงกว่า” ซีหวังกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง เขาพูดต่อไปอีกว่า “ก็เหมือนกับเชียนกับการกลับชาติมาเกิดตํานานเกี่ยวกับ “ภพที่สูงกว่า” นั้นปรากฏอยู่ในสถานที่ซึ่งพวกเรามสามารถเห็นหรือเข้าถึงด้วยวิธีการปกติ นี่ก็สามารถอธิบายได้ถึงตัวตนของซูหยาง และทําไมเขาจึงมีความรู้เหนือโลกมากมายนัก”

 

“ผู้ฝึกยุทธจากภพที่สูงกว่า…” เจ้าชีพึมพัมด้วยใบหน้าครุ่นคิด

 

“ท่านคิดว่าซูหยางจะบอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ถ้าเราถามเขา” เจ้าชีถามชีหวัง

 

“เราสามารถทดลองดู”

 

เจ้าชีพยักหน้าและกล่าวว่า “เช่นนั้นเราจักถามเขาเมื่อเขามาที่นี่เพื่อรับรางวัลของพวกเขาจากการแข่งขันระดับภูมิภาคในอีกสองสามสัปดาห์”