จวินโม่เซี่ยสูดหายใจลึก และเร่งความเร็วขึ้น  เขาตามหลังชายชุดดำอยู่ราวร้อยหลา และเดินตามจังหวะพวกเขา  ทันใดนั้นเขาสัมผัสถึงปราณผันผวนได้ และตระหนักได้ว่ามีบางผู้กำลังสะกดรอยทั้งสามอยู่  และบอกจากการเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นได้ว่า การบำเพ็ญของเขาสูงส่งยิ่งกว่าชายทั้งสามที่เขากำลังไล่ตามอยู่ …

 

อย่าบอกข้า ว่า เขามาจากราชสำนัก ?

จวินโม่เซี่ย ครุ่นคิดชั่วครู่และวางแผนการ …

 

ขุนนางเหวินสัมผัสการมีอยู่ของใครบางคนได้  แต่กระนั้นเขาก็มิอาจระบุตำแหน่งของคนผู้นั้นได้ขณะเขามองไปรอบๆ  อย่างไรก็ตาม ขุนนางมีสติอันทรงพลัง และและบอกได้ว่าคนผู้นี้คือยอดฝีมือที่น่าเกรงกลัวมิอาจคาดเดา

 

แต่เหตุใดข้าจึงมิอาจระบุตัวเขาได้ ?

 

เบื้องหน้าโล่งแจ้ง  เงาที่มิอาจแยกแยะกระโดดขึ้นกำแพงเมือง และเหาะจากไปในไม่นาน  ขุนนางเหวินใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อพินิจและหยุดอยู่ชั่วครู่  เขาไม่เชื่อว่าเด็กพวกนั้นสามารถหลบหนีเขาได้  ดั้งนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาว่า คนผู้นั้นปิดบังตัวเองในพื้นที่กว้างใหญ่ได้อย่างไร

 

ข้าไม่คิดว่าผู้อาวุโสชั้นเลิศจะปิดบังตัวเองจากสายตาข้าในที่กว้างใหญ่เช่นนี้ได้ !

 

แต่กระนั้น ขุนนางเหวินต้องผิดหวัง

 

เขารออยู่ชั่วขณะ แต่ยังไม่พบคนผู้นี้  ทั้งหมดที่ทำได้คือ สัมผัสการมาถึงของลมปราณที่แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัว จากนั้นห่างออกไปไกล  แท้จริงแล้ว กลิ่นอายนั้นเคลื่อนผ่านพื้นที่อันว่างเปล่านั้นไป  แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นผู้ใด

 

นี่ … เป็นไปได้เช่นไร ?

 

มีคนเช่นนี้อยู่ในโลกมนุษย์ !

ขุนนางเหวินสูดหายใจลึก  แต่กระนั้น ภายในร้อนรุ่มไปด้วยความปรารถนา

ชีวิตจะดีได้เพียงใด … หากข้าต่อสู้กับยอดฝีมือเช่นนี้ตัวต่อตัว ?

 

นางเหวินจัดแต่งตัวเองหลังจากพ่นอากาศออกมา และกระโดดขึ้นอย่างแผ่วเบา  เขาร่อนลงสู่กำแพงเมืองแผ่วเบาประหนึ่งเส้นผม จากนั้น หายตัวไปในทิศนั้นเช่นกัน  องครักษ์ประตูเมืองที่ง่วงเหงาหาวนอนมิอาจสังเกตุได้ และยังคงไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

 

” พี่ใหญ่ สภาพของน้องห้าไม่ค่อยดีนัก  ข้าถ่ายปราณเชวียนเข้าสู่ร่างของเขา แต่ยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง  พวกเราจักต้องฟื้นฟูการบาดเจ็บของเขาเร่งด่วน  มิเช่นนั้น ข้ากลัวว่า … “

น้ำเสียง โจวเจียนหมิง ร้อนรน

 

” อยี่กู้ฮั่น โหดร้ายอย่างแท้จริง !  สภาพน้องสี่ก็เลวร้ายเช่นกัน “

เล่ยเจียนฮ้งขบฟันด้วยความเกลียดชัง  จากนั้นเอ่ยอย่างรวดเร็ว

” สภาพของน้องห้านั้นรุนแรง  แต่เขาจักกลับมาเป็นปกติเมื่อเรารักษาเขาสำเร็จ  แต่กระนั้น น้องสี่อาจจะพิการไปตลอด  หัวไหล่ของเขาถูกตัดออก และใบหน้ายับเยิน … แม่เจ้า อยี่กู้ฮั่น ! “

 

” ข้ามิคาดว่า อยี่กู้ฮั่น ผู้นี้จักเป็นปัญหามากยิ่งเช่นนี้ !  พวกเราแต่ละคนอยู่ขั้นสวรรค์เชวียน มิได้อ่อนด้อยในอาณาจักรนี้ !  คนผู้นั้นเผชิญหน้ากับเราทั้งหมดเพียงผู้เดียว และทุกสิ่งกลับกลายเช่นนี้ไป ! “

ศิษย์สาวสาม ฟางเปียวฮ้ง ถอนใจ

” โชคดี ที่เขาตายไป !  แม้นสิ่งที่เขาทำกับน้องสี่จะน่าเวทนา …. “

 

” ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนังโสเภณีหลิงเมิงผู้นี้ ! “

เล่ยเจียนฮ้งคำรามโกรธเคือง

” ข้าจักทำให้นางโสเภณีผู้นี้มีชีวิตอย่างเสียใจ หลังจากข้าพบเรื่องราวของผู้ลึกลับที่ขว้างมีดบินนั้นมา  !  ข้าจักดูแลจัดการนาง … องค์หญิงน่ารังเกียจผู้นี้ ! “

 

” พวกเราจักต้องรอคอยจนกระทั่ง อาจารย์มาถึงแม้นเราจะได้สิ่งที่ต้องการแล้ว “

ฟางเปียวฮ้งถอนใจอีกหน

” น้องสี่และกำลังจะตาย น้องหกไม่มีหวังจะฟื้นฟู  กระดูกน้องเจ็ด ถึงสิบ ถูกฝังไว้ภายในนครเทียนเชียง  ผู้ใดคาดคิดจะเกิดสิ่งเหล่านี้ … มันควรเป็นเช่นนี้หรือ ?! “

นางต่อด้วยการถอนใจอีกครั้ง

” โทสะอาจารย์จักพุ่งพล่านเมื่อได้ยินสิ่งนี้ !  พี่ใหญ่ อาจารย์จักมาถึงในสองวัน  พวกเราจักต้องตระเตรียม ! “

 

” ข้าจักตระเตรียมอันใดได้ ? “

เล่ยเจียนฮ้งเอ่ยสิ้นหวัง

” หากพ่อไม่เฆี่ยนตีข้าจนตาย ข้ากลัวว่าเขาจักทำให้ข้าอยู่ในสภาพเจียนตายนานนับครึ่งปี !  ข้านำพาศิษย์เก้าคนมาที่นี่ … และเวลานี้ หลงเหลือเพียงแค่สาม  มันจักไม่ทำให้ผู้เฒ่ามีโทสะมหาศาลหรือ ?  หากอภัยให้ข้าโดยง่ายคงเป็นเรื่องอัศจรรย์ ! “

 

โจวเจียนหมิงถอนใจเช่นกัน

” ข้าคาดว่าทั้งสามก็มิสามารถทำอันใดได้ง่ายในเวลานี้  ท่านอาจารย์จักมาถึงในสองวัน  เมื่อถึงเวลานั้น … โอ้วพระเจ้า !  ข้ามิอาจคาดว่าท่านอาวุโสจักกระทำเช่นไร “

 

” อาจารย์ทุ่มเทใจให้แก่ศิษย์ทั้งสิบเอ็ด … ตอนนี้ …. เฮ้อ !  ข้ามิอาจรู้ได้เขาจะเสียใจเพียงใด ! “

ฟางเปียวฮ้งเอ่ยโศกเศร้า  นางมิอาจห้ามปรามดวงตามิให้แดงก่ำ …​

 

ชายป่าปรากฏขึ้นตรงหน้าขณะพวกเขากำลังพูดคุยกัน  พวกเขาหันมองด้านหลังเป็นครั้งแรกเพื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดตามมา  จากนั้นพวกเขาเข้าไปด้านใดโดยไร้ลังเล  มือสังหารจวินติดตามพวกเขาไปโดยไร้รูปร่าง หรือสมบัติทางกายภาพใดๆ  เขาล่อลอยอยู่ในอากาศขณะติดตาม

 

จวินโม่เซี่ยฟังเหล่าผู้ลักพาอย่างระมัดระวัง  ศิษย์ของ เล้ยวูเบ้ยเป็นส่วนหนึ่งในการโจมตีเพื่อแกนเชวียน ในค่ำคืนพายุฝนฟ้าคะนอง

 

จวินโม่เซี่ยเสียขวัญจากสิ่งที่เขาได้ยิน

เลวูเบ้ย ปรมาจารย์เลือดเย็นจะมาถึงเทียนเชียงในอีกสองวัน ?!

 

นี่คือข่าวใหญ่ !

 

ทั้งสามยังคงระมัดระวังแม้นจะอยู่ในป่ารก  พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางและเลี้ยวสองครั้ง ครั้งแรกซ้าย จากนั้นขวา  แล้วหยุดตรงตอไม้แห้งยาว จากนั้น พี่ใหญ่ของพวกเขา เล่ยเจียนฮ้ง ยื่นมือไป และกดบางสิ่งลงบนพื้นที่ปริศนา  ตอไม้สามตอหายไปในทันที และเผยให้เห็นแผ่นหินใหญ่  จากนั้นแผ่นหินเคลื่อนออกและเผยเส้นทางเข้าถ้ำ

 

จวินโม่เซี่ยก้าวเพียงหนึ่ง และหายเข้าสู่ด้านในขณะที่มันเผยออกมา  ถ้ำปลอดภัยอย่างมากเนื่องด้วยไม่มีผู้ใดอยู่ภายใน  ทั้งสามรวมทั้ง เล่ยเจียนฮ้งประจำตำแหน่ง และเดินลึกเข้าไป ช้าๆและระมัดระวัง  ถ้ำนี้คับแคบ จนสองคนมิอาจเดินเข้าสู่ด้านในเคียงข้างโดยมิชนกันได้  พวกเขาจักรู้หรือไม่ว่า นายน้อยจวินอยู่ที่นั่น … เฝ้ารอพวกเขาเข้าไปอย่างเงียบเฉียบ …

 

ตอไม้ค่อยๆกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมหลังจากพวกเขาเข้าไปแล้ว  ธรณีกลับดูเงียบสงบลงอีกครั้ง ไม่มีเสียงของสิ่งใดให้ได้ยิน …

 

ขุนนางเหวินติดตามทั้งสามมาถึงชายป่า  พวกเขามิอาจหลบซ่อน หรือทิ้งห่างจากจิตสัมผัสของเขาได้  ความจริง เขาเห็นพวกเขาเดินเข้าไปในป่า  แต่กระนั้น เขาได้สูญเสียเวลาไปในการค้นหาผู้ที่น่าเกรงขามนั้น  ดังนั้น เขาจึงมาถึงทางเข้าถ้ำช้าเกินไป  แผ่นหินกลับคืนสู่ตำแหน่งในขณะที่เขามาถึง  ไม่มีร่องรอยของทางเข้าหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย  เขาค้นหาทุกที่ แต่มิอาจะค้นพบผู้ที่เขาตามมาได้เลย  ขุนนางเหวิน สัมผัสได้เพียงกลิ่นอายของพวกเขา  รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกล แต่มิอาจระบุตำแหน่งได้  เขามิอาจกลั้นความกังวล  สิ่งนี้เป็นดั่งเช่น แมวแก่เผาหนวดตัวเอง

 

ขุนนางเหวินรู้ว่าคนเหล่านั้นจักต้องหลบหนีลงใต้พื้นดินโดยใช้กลไกลับเพื่ออำพรางเส้นทาง  แต่กระนั้น พวกเขาจักไปที่ใดหลังจากมุดลงใต้ดินแล้ว ?  เขามั่นใจว่า สามารถรู้ได้หากเขาขับเคล็ดวิชาให้ครอบคลุมพื้นที่นี้  แต่สิ่งนั้นจักทำให้พวกเขาสงใส  น่าเวทนาที่จักต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น เขามิอาจคิดแผนการอื่นได้

 

แต่กระนั้น องค์หญิงหลิงเมิงจะตกในเงื้อมมือพวกเขาหากพวกเขาไม่แสดงตัว  และข้าจักทำเช่นไรหากบางสิ่งเลวร้ายเกิดแก่นาง … ?  ข้าจักเผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิได้เช่นไร ?

ขุนนางเหวิน รู้สึกอึดอัดใจขณะขมวดคิ้ว  เขาคิดหนักมากมายเกี่ยวกับการตอบโต้สิ่งที่มิอาจคาดเดาได้ …

 

โพรงนำไปสู่พื้นที่ขนาดมหึมา  ผืนดินแบนราบมั่งคง  แต่กระนั้น สถานที่นี้มีกลับอับชื้นเนื่องจากอยู่ใต้ดิน

 

” พวกเจ้าทั้งสอง รีบเร่งฟื้นฟูน้องสี่และห้า  ข้าจักสอบสวนนางโสเภณีนี่ ! “

เล่ยเจียนฮ้ง มีสีหน้าอาฆาตรแค้น

 

” พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าพวกเขาคือ ศิษย์น้องของเจ้าและ เจ้ากำลังโมโห องค์หญิงหลิงเมิง แต่ข้าจักขอให้เจ้า พิจารณาวิธีการของเจ้าเล็กน้อย “

ฟางเปียวฮ้งลังเล แต่นางยังคงต่อ

” ข้าเห็นได้ว่าเรื่องนี้จักนำพาความเจ็บปวดสู่น้องโย่วหลานได้  ข้าเข้าใจ … ว่าตัวตนของพวกเรายังมิถูกเปิดเผย  หากเขาขอให้ น้องโย่วหลานมาที่นี่เสแสร้งคนดี .. และเขาจักกลายเป็นวีรบุรุษช่วยเหลือองค์หญิงจากอันตราย … หากโย่วหลานทำสำเร็จ … มันจักถือได้ว่า … “

 

” ..​ดีมาก  ติดต่อ น้องโย่วหลาน  ข้ามิต้องการทำอันตรายนาง “

เล่ยเจียนฮ้ง ขบฟัน

 

ฟางเปียวฮ้ง กระแอม แต่ยังคงเงียบ  จากนั้นนางจึงหันไปรักษาสหายศิษย์ของนางอย่าเต็มกำลัง

 

หัวใจ จวินโม่เซี่ย เริ่มเต้นรัวในความมืด

” น้องโย่วหลาน ?! “​

 

สองคนนี้

” โย่วหลาน … ลี่โย่วหลาน … หมายความว่า เจ้าหนุ่มนั่นมิอาจสำราณได้อีกต่อไป

 

อย่าบอกข้านะ … ลี่โย่วหลานเกี่ยวพันกับคนเหล่านี้ในเรื่องใหญ่เช่นนี้ ?

 

เล่ยเจียนฮ้งใช้แขนยอก องค์หญิงหลิงเมิงขึ้น และวางนางลงพิงกำแพง  จากนั้นเขายื่นมืออกไปและวางลงบนหัวของนาง  ปลดปล่อยปราณเชวียนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างนาง  สิ่งนี้ทำให้องค์หญิงตื่นขึ้น

 

” เจ้าคนเลว !  ปล่อยข้าไป ! “

องค์หญิงหลิงเมิง เพิ่งจะลืมตา และโกรธเคืองอย่างมาก  นางตะโกน

” ข้าต้องการไปหาน้า อยี่ !  ปล่อยข้าไป ! “

 

” พระองค์ ท่านประสงค์เป็นอิสระ และ ท่านจะไปได้ … อย่างง่ายดาย  ทั้งหมดที่ข้าต้องการจากท่าน คือตอบเพียงหนึ่งคำถาม  จากนั้น ท่านจักถูกปล่อยตัว “

เล่ยเจียนฮ้งคำรามทางจมูก  เขาเอ่ยกับนางขณะเยาะเย้ย

” พระองค์ ท่านโอบกอดมีดบินจำนวนหนึ่ง และเก็บมีดอันตรายไว้อย่างรักใคร่  ไม่ประหลาดไปหน่อยหรือ องค์หญิงหลิงเมิง ?  ด้วยเกียรติขององค์หญิง ข้าจักปล่อยท่านเป็นอิสระ หากบอกข้าว่าเจ้าของมีดเหล่านั้นคือผู้ใด …  ข้าจักไม่ผิดสัญญา “

 

” เจ้าของมีดบิน ? “

องค์หญิงหลิงเมิง เบิดตากว้างอย่างประหลาดใจ  คนเหล่านี้ลักพานางมาเพื่อถามเรื่องนี้ ?

” ข้ามิเคยพบผู้ที่ฝีมือสูงส่งเช่นนั้น เช่นนั้นข้าจักรู้ได้อย่างไร ?

 

” ฮ่า ฮ่า !  … องค์หญิง เมื่อท่านเอยเช่นนั้น … ท่านคิดว่าพวกเราทั้งสามเป็นเด็กกระนั้น ! “

เล่ยเจียนฮ้ง ยิ้มชั่วร้าย

” ศิษย์น้องข้าจำนวนมากถูกเขาสังหาร  แท้จริงแล้ว พวกเรามิเคยได้ยินว่าผู้ใดมีฝีมือเช่นนั้นในโลกหล้า  แต่งานแรกที่เขาทำคือช่วยชีวิตท่าน !  อย่าบอกข้าว่าองค์หญิงลืมไป ?  คนผู้นั้นมาถึงในเวลาสุดท้ายที่ท่านเผชิญหน้ากับมือสังหาร สิ่งแรกที่เขาทำ คือการช่วยชีวิตท่าน !  แต่เขาคงจะเป็นวิญญาณอย่างแท้จริง หากองค์หญิงยืนยันว่าไม่รู้ตัวตนของเขา ! “

 

จวินโม่เซี่ย กระสับหระส่ายอยุ่ภายใน  เขาช่วยเหลือองค์หญิงอย่างลับๆเมื่อนางประสบการลอบสังหารครั้งล่าสุด

ข้าเกี่ยวพันกับนาง เพราะช่วยนาง ?

ความขุ่นเคืองนี้ยากจะคิดถึง …

 

คนเหล่านี้รู้ถึงการเชื่อมโยงของสองเหตุการณ์ที่อิสระต่อกันได้เช่นไร ?

ความคิดของจวินโม่เซี่ย กลับไปยัง ลี่โย่วหลาน ทันที

 

มันเป็นเช่นนี้เอง !  ทุกสิ่งจักชัดเจนเมื่อเรานำ สกุลลี่มาพิจารณา !

 

” เจ้าสังหารน้าอยี่เพื่อถามคำถามนี้ ? “

องค์หญิงหลิงเมิง มิอาจขยับตัว  แต่กระนั้น ดวงตาของนางยังคงเบิกกว้างขณะมองอย่างเกลียดชังไปยังผู้ที่จับตัวนางมา  ราวกับนางจะพ่นใฟใส่เขาในไม่ช้า

 

” เอาละ !  องค์หญิง ลืมเรื่องที่จะออกไปจากที่นี่เสีย เนื่องจากนางยืนยันจะไม่บอกพวกเราเกี่ยวกับเจ้าของมีดเหล่านั้น … ! “

เล่ยเจียนฮ้งยิ้มชั่วร้ายขณะเขาเอ่ยเสียงต่ำ

” พวกเรามีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เจ้าพูดออกมา “

 

จวินโม่เซี่ยรีบคิดถึงกระบวนท่าที่เขาสามารถใช้ได้  เขาคิดจะเข้าไปใกล้ๆองค์หญิงหลิงเมิง และหายตัวไปพร้อมกับนางโดยใช้เจดีย์หงษ์จวิน  แต่กระนั้น แม้เขาพยายามหลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ

ชัดเจนว่า เจดีย์หงส์จวินไม่ส่งผลต่อผู้ใดนอกจากเขา … ?  หรือการบำเพ็ญของข้าอาจยังไม่เพียงพอ ?

 

ความปรารถนาของเขา แตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากแผนการนี้มิอาจใช้ได้  มันจักเป็นการง่ายสำหรับเขาหากเขาสามารถนำพาองค์หญิงไปในเจดีย์หงส์จวินได้  จวินโม่เซี่ยมั่นใจว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากความสับสนนั้นได้  เขาจักพาตัวนางหนีไป  ความจริง เขาสามารถทำให้มือสังหารผู้หนึ่งบาดเจ็บหรือตายได้

 

ช่วยเหลือองค์หญิงจึงมิใช่เรื่องงยาก  แต่กระนั้น คนเหล่านี้คือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน  ดังนั้นเขาจักต้องเผชิญกับหายนะ หากพวกเขาพบตำแหน่งของเขา

 

เล่ยเจียนฮ้ง บีบกรามองค์หญิง และบังคับให้นางเงยหน้า  จากนั้นถามอย่างดุร้าย

” ข้าจักถามเจ้าครั้งสุดท้าย เจ้าจะยังไม่เอ่ยใช่หรือไม่ ?  ข้าต้องลงโทษองค์หญิงอย่างไร้ทางเลือกหากนางยังคงปากแข็งเช่นนี้ ! “

 

ทันใดนนั้น เสียงหัวเราะ อันสูงส่ง รุนแรง และเยาะเย้ยดังขึ้นอย่างปริศนา มันก้องสะท้อนไปทั่วภายในถ้ำ

” เล้ยวูเบ้ยสั่งสอนขยะเช่นนี้ ?  เขาเป็นพี่ที่เลือดเย็นเช่นไร ?  ช่างน่าขันยิ่งนัก ! “

 

เสียงยังไม่จางหายเมื่อแสงสีครามปรากฏครอบคลุมพื้นที่  จากนั้น มีดบินบางๆ ถูกปาออกมาจากที่ใดก็มิอาจทราบ  และเปล่งประกายแสงดั่งฝันขณะที่มันสะท้อนใบหน้าของทุกคน

 

ฉึบบ !

 

มีดบินเล่มนั้นปักลงพื้นดิน  ส่งเสียงคล้ายดั่งท่อนไม้ผุ

 

ทั้งสามกระโดดขึ้นด้วยความตะลึง  เล่ยเจียนฮ้ง เอามือปกป้องหน้าอก  จากนั้นเขาตะโกนลั่น

” เนื่องจากท่านผู้ได้รับเกียรติมาถึง … ท่านต้องการสิ่งใด ?  เหตุใดท่านจึงหลบซ่อน ?  ข้าเฝ้ารอท่านมายาวนาน ! “

 

โจวเจียนหมิง และ ฟางเปียวฮ้งคว้าด้ามกระบี่และดึงมันออกมา พวกเขาประทับกระบี่ไว้ตรงหน้าอกเป็นแนวขวาง จากนั้นมองไปรอบๆราวกับเผชิญกับศัตรูที่อันตราย

 

เสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่วเบา

” เด็กหนุ่มอย่างพวกเจ้าประเมินความสามารถตัวเองสูงส่งเกินไปที่มาท้าทายข้า ! “

 

ดวงตาขององค์หญิงหลิงเมิงเอ่อนองด้วยน้ำตา เนื่องจากมันส่งผลต่อความรู้สึกของนาง  นางตะเกียกตะกาย ขณะถาม

” ท่านพี่ … เป็นท่าน ?  ข้าขอร้อง !  ข้าขอร้อง ให้ท่านนำพาข้าไปหา น้าอยี่ !  ข้าวิงวอนให้ท่านสังหารคนเหล่านี้เพื่อแก้แค้นให้ท่านน้าข้า ! “​

 

การเคลื่อนไหวใต้ดินเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงตะโกนของ เล่ยเจียนฮ้งดังชัดเจนในหูของ ขุนนางเหวินที่อยู่ด้านนอก  สิ่งนี้ช่วยให้เขาระบุตำแหน่งของพวกเขาได้

 

เขากำลังค้นหาเบาะแส  แต่กระนั้น เสียงตะโกนของ เล่ยเจียนฮ้ง ทำให้เขาระบุตำแหน่งของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น  เขาไปยังทางเข้าถ้ำอย่างรวดเร็ว และกลั้นหายใจขณะตั้งใจฟัง  เขาสามารถเข้าไปในที่ซ่อนตัวได้ตราบใดที่เขาสามารถบอกตำแหน่งของมันได้

 

แต่กระนั้น เล่ยเจียนฮ้ง และสหายทั้งสอง เพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์อันน่าตกตะลึง  ความจริง มันน่าหวาดกลัว แปลกประหลาด และบังเกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ … ร่างอันบอบบางขององค์หญิงถูกยกขึ้นพิงกำแพง แต่ทันใดนั้นนางลอยขึ้นในอากาศด้วยเสียง ฉึบ  จากนั้นนางเริ่มลอยไป  ราวกับ เกาทัณฑ์ ที่ถูกยิ่งออกมาจากคันศร

 

เล่ยเจียนฮ้ง กระโดดขึ้นด้วยความตระหนก และกระโจนเข้าใส่องค์หญิง  แต่แล้ว เขาช้าไป  จวินโม่เซี่ย พุ่งทะลุแผ่นหินตรงทางเข้าด้วยเสียง ตู้ม ! พร้อมด้วยองค์หญิงในมือ  ลำแสงพระอาทิตย์สาดส่องเข้าไปในถ้ำ

 

เล่ยเจียนฮ้ง และคนอื่นๆ ร้องตะโกนขณะติดตามไป

 

ขุนนางเหวิน เดินไปมาหน้าตอไม้  เขาคิดทำลายพื้นดินเพื่อช่วยเหลือองค์หญิงอย่างลังเล  จากนั้น เขาได้ยินเสียงดังลั่นราวดินถล่ม  และตามมาด้วยเสียงระเบิด ขณะทางเข้าถ้ำพังทะลาย  ขุนนางเหวิน ไม่ทันตั้งตัวและล้มลงสู่พื้น  เขากำลังจะอ้าปากสถบขณะเห็นร่างหนึ่งตรงมาที่เขา ราวกับว่าถูกโยนใส่เขา ร่างอันบอบบางนี้คือ องค์หญิงหลิงเมิง …

 

คนชุดดำสามหน้ากากทั้งสามรีบออกมาด้านนอกและล้อมเขา  จากนั้น พวกเขาผู้หนึ่งตะโกน

” เจ้าชั่ว !  ครั้งก่อนเจ้ายังหลบซ่อน และครั้งนี้เจ้ายังหลบซ่อนอีก !  แต่เจ้าหนีไปไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม ?!  ข้าจักเฝ้าดูว่าเจ้าจะหนีไปอย่างไร ! “

 

ขุนนางเหวินยื่นมืออกไปและคว้าตัวองค์หญิงหลิงเมิง  จากนั้นพบว่าตัวเขาถูกลอมและกำลังเผชิญหน้า  เขามิอาจกลั้นเสียงครวญครางแห่งทุกข์ยากนี้ ! …..

 

คนผู้นี้ใส่ร้ายเขา !