ผู้เจนจัดดั่งขุนนางเหวินจะมิเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองได้อย่างไร ?

 

เขาวางแผนการช่วยเหลือองค์หญิง  แต่กระนั้น คนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น แต่กระนั้น ชัดเจนว่าผู้นี้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยองค์หญิงได้  แต่ กลับโยนองค์หญิงใส่มือเขาหลังจากหนีออกมาภายนอก

แต่ …. คนผู้นี้มั่นใจได้เช่นไรว่าข้ามาช่วยเหลือองค์หญิง

 

ผู้นี้ช่างน่ารังเกียจ !  เขาใส่ร้ายข้าสำหรับการกระทำของเขา เพื่อปกปิดร่องรอยตัวเอง … แล้วข้าจักทำอันใดได้ ?

 

เป็นปริศนาอย่างแท้จริง !

 

เขาตัดสินใจติดตามพวกเขาอย่างลับๆ  เช่นเดียวกับ ตั๊กแตนที่ออกล่าจั๊กจั่นโดยไม่รู้เลยว่ามีนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง หรือ คล้ายดั่งชาวประมงเฒ่าผู้ที่ใช้ประโยชน์จากสองนกเรียนที่ต่อสู้กัน  แต่กระนั้น ไม่เพียงแต่ประมงเฒ่าไม่ได้รับประโยชน์อันใด แต่เขาต้องกลับเป็นแพะรับบาปไปด้วย !  ไร้สาระนัก

 

ตัวเขาถูกเปิดโปง  เขามิอาจสืบสวนเรื่องยอดฝีมือสวรรค์เชวียนลึกลับได้อีกแล้ว … ยิ่งไปกว่านั้น เขามิอาจจับผู้ลักพาตัวได้ เนื่องจากองค์หญิงอยู่ในมือเขาแล้ว  และแผนการสืบสวนพวกเขาก็พังทะลายลงหมดสิ้น  ชัดเจนว่ามันกลายเป็นปัญหาใหญ่เนื่องเขามิอาจขอความช่วยเหลือผู้ใดได้   ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเพ่งมองไปยัง ผู้ลักพาด้วยหน้าตะลึงงัน

 

เขาพินิจสถานการณ์

ข้ามิอาจทำการสืบสวนสิ่งใดได้ เนื่องจากผู้ลักพาหนุ่มสาวเหล่านี้เปิดโปงข้า …

 

เห็นได้ชัดว่า ขุนนางเหวิน ทรงพลังยิ่งกว่า เล่ยเจียนฮ้ง และ สหาย แต่กระนั้น อารมณ์ของเขายังคงโศกเศร้ายิ่งนัก

 

คนลึกลับผู้นั้นมาช่วยเหลือองค์หญิง … แต่เหตุใดเขาจึงส่งนางให้ข้า ?  และ เหตุใดจึงทิ้งนางไว้กลางทาง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ไล่ล่าสามคน  พวกเขาสามารถจับตัวองค์หญิงกลับได้ไป !  สมมุติว่าแผนการของเจ้าใช้ได้ ….. เจ้าจะเรียกตัวเองว่าชายชาตรีได้เช่นไร แม้นว่าเจ้าจะทำเช่นนี้ว่าเร็ว ?

 

องค์หญิงหลิงเมิง ยังคงดิ้นรนและอ้อนวอนไม่หยุดหย่อน

” ท่านพี่ ข้าขอวิงวอนแก่เจ้า สังหาคนเหล่านี้ และพาข้าไปหาว น้าอยี่ … “

 

องค์หญิงหลิงเมิงไม่สามารถเห็นท่านพี่ลึกลับผู้นั้นได้ชัดเจน แม้นว่าแท้จริงแล้วนางเคยอยู่ในอ้อมแขนของเขา  แต่กระนั้น นางยังคงรู้สึกปลอดภัย

เขาเหมือนท่านน้า อยี่ ยิ่งนัก  ข้าจักไม่มีอันตรายใดตราบที่เขาอยู่ที่นี่

นางจึงคิดถึงความเป็นอยู่ของ อยี่กู้ฮั่น

 

จากนั้นผู้ยิ่งใหญ่นั้นโยนนางทิ้งไป  แล้วนางก็ตกลงสู่มือของอีกผู้หนึ่ง  หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับประสาทสัมผัส  นางสามารถบอกได้จากกลิ่นอายของคนผู้นี้ว่าเขาคือ แขกผู้ทรงเกียรติแห่งราชสำนัก สหายลึกลับองค์จักรพรรดิ ขุนนางเหวิน

 

เขาก็อยู่ที่นี่ !  เวลานี้ สองผู้มากฝีมือร่วมมือกัน !  ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากความแข็งแกร่งของทั้งสองได้  พวกเขาจักล้างแค้นแก่ น้าอยี่ !  และผู้มากฝีมือเช่นนี้สามารถช่วยชีวิตน้าอยี่ได้ ….

 

อ้อมกอดขุนนางเหวินอบอุ่น  แต่ขาดแคลนความอบอุ่นภายในซึ่งก่อให้เกิดสัมผัสที่ปลอดภัย …

 

ความคิด องค์หญิงหลิงเมิงถูกครอบงำด้วยความประหลาดใจ  แต่กระนั้น ยังคงไร้เดียงสาและแปลกประหลาด  ชีวิตจะเคลื่อนไหวไปตามความปรารถนาของผู้คนได้เช่นไร ?  ความเป็นจริงในเรื่องนี้ต่างไปจากสิ่งที่นางต้องการให้เป็น  ความจริง พวกเขาไม่คล้ายคลึงกัน

 

ขุนนางเหวิน โกรธเคืองเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น  ธรรมดาแล้ว เขาเต็มเปี่ยมด้วยปรารถนาแห่งการต่อสู้  มือหนึ่งปกป้ององค์หญิง อีกมือวางตำแหน่งพร้อมต่อสู้  ซึ่งไร้ซึ่งอาวุธใด  แต่คล้ายกับเขามีขวานขนาดมหึมาอยู่ในมือนั้น  ความน่าเกรงขามดูเหมือนจะสร้างความได้เปรียบแก่เขา  เขามองชั่วร้ายไปยังหนุ่มสาวทั้งสาม ราวกับประสงค์จะสับพวกนั้นเป็นชิ้น

 

ขุนนางเหวินคาดว่า คนผู้นั้นตามรอยพวกเขาไปโดยไม่ถูกจับได้  เขามั่นใจว่า ยอดฝีมือลึกลับช่วยเหลือองค์หญิง และ สร้างเรื่องไร้สาระนี้ขึ้นเพื่อปกป้องตัวตนที่แท้จริงของเขา  เขาบอกได้ว่า ผู้ลึกลับนี้ไม่ประสงค์จะเผยตัว เนื่องจากมันมีความหมายกับเขาอย่างมาก  ด้วยเหตุนี้ ยอดฝีมือผู้นี้จึงโยนความผิดโทษสู่ขุนนางเหวิน  ผู้แรกที่ยืนหยัดจักถือว่าเป็นเลิศเสมอ นั่นคือวิธีการคิดของโลกนี้  ธรรมดาแล้ว ขุนนางเหวินอับอายที่เป็นอันดับสอง  แต่กระนั้น สิ่งที่ทำให้ขุนนางเหวินเจ็บใจที่สุดคือความจริงที่ว่า เขามิได้เห็นยอดฝีมือลึกลับนั้นได้แม้นเพียงแวบเดียว

 

เขาจึงรู้สึกโศกเศร้า และ อ่อนด้อย ด้วยเหตุนี้จึงยังคงสงบปากไว้อยู่  นี่คือเหตุผลหลักที่อยู่เบื้องหลังความเดือดดาลในใจ  เขาคือผู้ที่มากสามารถไม่สามัญ  แต่ขุนนางเหวินมิเคยรู้สึกอ่อนด้อยเช่นนี้มาก่อนในชีวิต  ความแข็งแกร่งของขุนนางเหวินนั้นมิอาจคาดเดา  ไม่มีผู้ใดคาดว่าเขาคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสูงสุด  ความจริง แม้แต่ แปดยอดปรมาจารย์ ก็พบว่าไม่ง่ายที่จะต่อสู้กับเขา

 

แต่กระนั้น ขุนนางเหวินกลับติดกับดักเล่ห์กลที่นี่  แต่เขาคือผู้มากประสบการณ์ และ สามารถประเมินสิ่งที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว  เขากระโดดออกจากวงล้อม และเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าเข้มขรึม

” เช่นนั้น พวกเจ้าเป็นศิษย์แห่งมหาปรมาจารย์เลือดเย็น ?  ข้ามิรู้ถึงความเป็นอยู่ของ มหาปรมาจารย์เล่ย ในช่วงหลัง  และข้าไม่รู้ว่าอาณาจักรเทียนเขียงของข้ากระทำสิ่งให้ให้ท่านมหาปรมาจารย์เล่ยขุ่นเคือง !  สิ่งใดที่พวกเราทำให้เขาต้องกระทำเช่นนี้ … ส่งศิษย์มาจับตัวองค์หญิงแห่งราชวงศ์เรา ?  ท่านพี่ผู้ทรงเกียรติหลงลืมสัญญาพันธมิตรระหว่างเราแล้วหรือ ?

 

” มหาปรมาจารย์ ?  เจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใดผู้เฒ่า ?  มาตายโดยน้ำมือของพ่อเจ้าซะ ! “

เล่ยเจียนฮ้งปฏิเสธและต่อว่า  แม้นเขาจะประหลาดใจที่เป็นเช่นนี้

 

ผู้เฒ่าผู้คือใคร ?  ความแข็งแกร่งของเขาคล้ายดั่ง สวรรค์เชวียนสูงสุด  เขาเพียงผู้เดียว ถูกล้อมรอบโดยศัตรูรอบด้าน … แต่เขากลับสงบนิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ …  ความแข้งแกร่งของเขา มิใกล้เคียงพ่อข้า … และยิ่งกว่านั้น …  ผู้มากฝีมือระดับนี้อยู่ที่นี่ในช่วงเวลาอันสำคัญได้อย่างไร ?  เรื่องนี้ยากยิ่งจะรับมือ !

 

. แต่กระนั้น ระดับปราณเชวียนของอาวุโสชั่วผู้นี้จักต้องสูงส่ง  เขาสังหารพี่น้องทั้งสี่ของข้าด้วยมีบินเหล่านั้น … แต่ความเป็นปฏิปักษ์นี้มิอาจลดละได้ง่าย !

” ผู้เฒ่าเขลา จงกล้าที่จะบอกชื่อเจ้าแก่เรา  พวกเรามีความแค้นล้ำลึกถึงสายเลือดกับเจ้า และมันสำคัญที่ต้องชำระหนี้แค้นนี้ ! “

 

ขุนนางเหวินคำรามทางจมูก  เขารู้ว่ามิได้รับความยุติธรรม  รู้ดีว่าไม่คุ้มค่าที่อธิบายสถานะที่แท้จริงของเขาแก่เหล่าหนุ่มสาวหัวรั้นเหล่านี้ และแม้นว่าเขาจักพยายามอธิบาย … เขาจักสามารถทำมันได้เหมาะสมหรือ ?

 

แต่ เขาโมโหวาจาหยาบคายของเล่ยจียนฮ้ง  เขาพุ่งตรงไปยังเล่ยเจียนฮ้งทันในและต่อเข้าที่ใบหน้าของเขา  จากนั้นตะโกน

” เจ้าไม่มีค่าพอจะรู้ชื่ออาวุโสผู้นี้ !  พวกเจ้าทำให้ชื่อเสียงเล่ยวูเบ้ยพินาศ !  เล้ยวูเบ้ยมิอาจช่วยพวกเจ้าจากโทสะของข้าได้ หากเจ้าละเมิดสนธิสัญญาอีกครั้ง ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นหน่อเนื้อของเขาก็ตามที !  ตอนนี้ไปซะ ! “

 

เท้าของเขาลอยขึ้นจากพื้นเมื่อเขาเอ่ยจบ เขายังคงเผชิญหน้ากับ เล่ยเจียนฮ้ง และ สหาย ขณะยังคงประคองร่างขององค์หญิงอยู่  จากนั้น ลอยถอยหลังมาเชื่องช้าและลึกเข้าไปในป่าเขียวชอุ่ม  แต่เขากลับมิได้ชนต้นไม้ใดเลย ราวกับมีดวงตาอยู่ด้านหลังของศีรษะ  คล้ายดั่งกำลังขี่เมฆ … แต่กระนั้น พวกเขาได้ยินเสียงเลือนลางอีกครั้ง

” บอก เล้ยวูเบ้ยว่าผู้ที่พวกเจ้าสนทนาด้วยนั้นมีนามขานว่า เหวิน  จงบอกพวกเขาอย่างถูกต้องแล้วเขาจักเข้าใจแจ่มแจ้ง “

 

เล่ยเจียนฮ้ง และสหาย มิอาจกลั้นความตกตะลึงที่ครอบงำ ขณะที่มอหน้ากัน  โจวเจียนหมิง ตะโกนโกรธเคืองหลังจากผ่านไปชั่วครู่

” เจ้าเฒ่าเลวนั้นสังหารพี่น้องสี่คนของเรา  และเขายังเอ่ยอ้างยกตัวไร้ยางอาย !  พวกเราจักต้องชำระหนี้นี้ !  พวกเราจักเฝ้าดูว่าเจ้าชั่วผู้นี้จะหนีไปที่ใดเมื่อ อาจารย์ของพวกเรามาถึง ! “

 

เล่ยเจียนฮ้ง และ ฟางเปียวฮ้ง เห็นด้วยพร้อมกัน  ฝีมือของศัตรูเขานั้นเกินกว่าสามัญ  ไร้หนทางที่พวกเขาจะรับมือได้  ดังนั้น พวกเขาจึงไร้หนาทางเว้นแต่ยอมแพ้ไม่ต่อสู้ … แม้นจะไม่เต็มใจนัก  พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ารอ อาจารย์มาถึง และทำตามแผนการ …

 

นายน้อยจวินผิวปากขณะเขาเดินกลับไปยังม้าที่ผูกไว้อย่างไม่รีบร้อน  ปลดมันเป็นอิสระ และจวินโม่เซี่ยขึ้นขี่  นายน้อยจวินรู้สึกพึงพอใจในความสำเร็จนี้  เขาบกแซ่ขึ้นเฆี่ยนม้า และกลับจวน

 

จวินโม่เซี่ยวางแผนการทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อตระหนักได้ว่า ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นกำลังติดตามเส้นทางของ เล่ยเจียนฮ้ง มาเช่นกัน  เขารู้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถเห็นเขาได้เมื่อเขากระตุ้นเคล็ดอิสระหยินหยาง

อืม !  อย่างแรก มาหาข้า และสุนัขของเจ้าก็ต่อสู้กันเอง !  น้าชายผู้นี้ไม่มีเวลาว่างเพียงพอเล่นกับเจ้า !

 

ดีแล้ว ข้าได้ช่วยองค์หญิงโดยมิได้เผยตัว  ข้าสำเร็จงานด้วยความพึงพอใจสูงสุด  องค์หญิงควรจะปรบมือขอบคุณข้า

 

เขากลับจวนไปหาจวินวูอี้ผู้รอคอยเขามาถึงอย่างกระวนกระวาย

 

อะไร ?  แต่ทำไม ?

 

สภาพของอยี่กู้ฮั่นเลวร้ายมากจนเขาสามารถสิ้นลมได้ตลอดเวลา …  แม้นจะขอ ให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถ่ายทอดปราณเชวียนของเขาก็ไร้ผล  แม้นจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ปราณเชวียนบริสุทธิ ก็มิอาจส่งผลใดกับอาการของ อยี่กู้ฮั่นได้ … แม้แต่ปราณเชวียนมากมายก็มิอาจส่งผลใด …

 

…. เพราะเขาขาดพลังที่จำเป็นในการก่อร่างสร้างเลือดเนื้อ …

 

แม้แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็มิอาจช่วยเหลือ ไร้ซึ่งหนทาง !  เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวส่งปราณเชวียนบริสุทธิ์ระดับสูงมากมายให้แก่อยี่กู้ฮันโดยไม่รู้ว่าคนผู้นี้จะสามารถรับมันได้หรือไม่ …

 

ทุกผู้ยืนขึ้นขณะจวินโม่เซี่ยเดินเข้ามา  ใบหน้านิ่วขณะพวกเขาถาม

” เจ้าหาองค์หญิงเจอหรือไม่ ? “

จวินโม่เซี่ยพยักหน้าไร้ว่าจาขณะนั่งลงเก้าอี้  จากนั้นเขาดื่มชาและอธิบาย

” เจ้าคาดหวังกับข้าสูงส่งเกินไป !  เหล่าผู้ที่จับตัวนางไป หนีไปก่อนหน้านานแล้ว  ข้าจักหานางเจอได้อย่างไร ?  ข้าไม่สามารถ ! “

 

จวินวูอี้ถอนใจและเงียบนิ่ง  ตู่กู้เซี่ยวอี้ ประสงค์เอ่ยบางส่ิง แต่นางยังคงเงียบปากไว้เนื่องจาก ซุนเซี่ยวเหม่ย คว้ามือน้อยไปของนางไปและบีบเบาๆ  แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคำรามทางจมูกและเอ่ย

” อาวุโสผู้นี้ใช้ปราณเชวียนมากมายเพื่อถ่ายทอดสู่ร่างของชายผู้นี้  ข้าจักไม่เสียสิ่งใดอีก เนื่องจากเด็กน้อยจวินกลับมาแล้ว  อาวุโสผู้นี้ควรกลับไปบำเพ็ญต่อ “

จากนั้น เขาจากไปทันทีโดยไร้การบอกกล่าว ขณะจากไปดูคล้ายหมดกังวล

 

ริมฝีปาก ตู่กู้เซี่ยวอี้ กระตุก

” อาวุโสผู้นี้โอ้อวด  เขาเพียงแค่ตรวจสอบชีพจรเพียงเท่านั้น … สกุลจวินของเจ้าเชิญคนคดโกงเช่นนี้มาได้อย่างไร ?  เสียข้าวสุก ! “

 

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไปถึงประตู  เขาโซเซขณะได้ยินประโยคนี้ แท้จริงแล้วเขาเกือบล้มพับ  เขาเปล่งเสียงทางจมูกโกรธเคือง

เจ้าเด็กสาวนี่เป็นอะไร ?  เจ้าเด็กผู้ได้รับบาดเจ็บนี่มิอาจอยู่ได้ หากขาดซึ่งการช่วยเหลือจากอาวุโสผู้นี้  เขาจะไม่อยู่รอดจนกระทั่งเจ้าจวินร้ายนั่นกลับมา เว้นแต่อาวุโสผู้นี้ส่งปราณของเขาเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้ !

 

แต่กระนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มิอาจมีโทสะได้อีก เมื่อมองไปยังใบหน้าน้อยๆอันงดงามของเด็กสาวผู้นั้น  จากนั้นเขาสะบัดปลอกแขน และหายไปไร้ร่องรอย

 

จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้ มีสีหน้าแปลกประหลาด  พวกเขาคงหัวเราะลั่นหาก อยี่กู้ฮั่น มิได้อยู่ปากประตูวังมัจจุราช

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย และ ลูกสาวคนโตสกุลซุน มากยิ่งประสบการณ์และความรู้กว่าสาวน้อย  นางมิอาจเข้าใจที่มาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว  แต่นางสามารถบอกได้ว่า คนผู้นี้มิสามัญ จากการเฝ้ามองวิธีการที่เขายื้อชีวิตของ อยี่กู้ฮั่น ผู้ใกล้สิ้นใจด้วยการถ่ายทอดลมปราณบริสุทธิ์ของเขากระทั่งตอนนี้  นางบอกได้ว่าผู้นี้ดูคล้ายทรงพลังผู้นี้ฉลาดล้ำ เนื่องจากเขาอดกลั่นโทสะจากการยั่วยุของเด็กสาวไร้เดียงสาและอ่อนหัด

ผลที่ตามมาจะรุนแรงหากเขาสูญเสียความใจเย็น

 

” โม่เซี่ย ไปดูอยี่น้อยเร็วเข้า !  สภาพของเขาย่ำแย่ยิ่งนัก ! “

จวินวูอี้เอ่ย

 

จวินโม่เซี่ยกระแอมและนั่งลงข้างชายผู้บาดเจ็บ  ด้วยความสัตย์ เขามิได้ชอบอยี่กู้ฮั่น  และเช่นกัน อยี่กู้ฮั่น มิได้ชอบเด็กเสเพลแห่งสกุลจวิน  แต่กระนั้น เขาจะช่วยชีวิตชายผู้นี้เนื่องด้วยสัญญากับน้าช่ายไว้

 

ไม่พยายามช่วยชีวิตหรือฟื้นฟูเขาจนแล้วเสร็จ  นี่คือพฤติกรรมปกติของมือสังหารจวิน

 

ยิ่งไปกว่านั้น อยี่กู้ฮั่น คือนักรบกระดูกเหล็ก และคนดี  ไม่มีอันตรายใดในการช่วยชีวิตเขา