บทที่ 1769 - แร่ทองคำปีศาจสวรรค์ เทพธิดาปีศาจดูดเลือด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1769 – แร่ทองคำปีศาจสวรรค์ เทพธิดาปีศาจดูดเลือด
  ”ฟุดๆ”
  ”นี่ก็นานมาแล้วที่ข้าไม่สัมผัสกลิ่นเลือดที่แสนหอมหวานและสดชื่นเช่นนี้ เจ้าได้กลิ่นหรือไม่? ดูเหมือนจะเป็นกินเลือดของคนสองคน มันช่างหอมรัญจวนใจเหลือเกิน”ปีศาจดูดเลือดสาวทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้า กำลังพูดจาด้วยน้ำเสียงชวนหลงเสน่ห์ แต่ก็เป็นน้ำเสียงที่แปลกประหลาด
  ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินสิ่งที่น่ารังเกียจจะปากพวกเธอ
  ”ฟุดๆ”
  ”อี้เป่ยเจ้าชอบเหยื่อผู้หญิงฉะนั้นข้ายกให้เจ้า ส่วนชายคนนั้น ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาข้าขอ”หญิงสาวเผ่าปีศาจดูดเลือดพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่เธอหัวเราะร่างกายของเธอสั่นสะเทือนเหมือนกับมีหูกระต่ายกระโดดโลดเต้นอยู่บริเวณหน้าอก
  ”พวกนางเหมือนลิงที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่จริงๆเลย”นี่คือความรู้สึกของชิงสุ่ยขณะที่เขามองดูหญิงสาวทั้งสอง
  แม้ว่าพวกนางจะมีเสน่ห์แต่ก็ยังไม่มากพอจะทำให้ชิงสุ่ยตกหลุมรักชิงสุ่ยจ้องมองหญิงสาวที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา บนมือของนางปรากฏให้เห็นเป็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเล็บยาวยืดออกจากนิ้วมือแต่ละนิ้ว เพียงแค่มองดูก็แทบไม่ต้องสงสัยแล้วว่ามันแหลมคมมากเพียงใด ความคมของมันคมชัดยิ่งกว่าอาวุธระดับตำนาน พวกมันสามารถฉีกกระชากร่างกายมนุษย์ให้ขาดออกจากกันได้เหมือนตัดกระดาษ
  ฝ่ามือเมฆา!!
  ในชั่วพริบตาชิงสุ่ยก็เริ่มเคลื่อนไหวเขาทำการโจมตีใส่แขนของศัตรู แม้ว่าเผ่าปีศาจดูดเลือดจะมีความว่องไวสูง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชิงสุ่ยช่องว่างความเร็วระหว่างพวกเธอกลับชิงสุ่ยนั้นต่างๆกันราวฟ้ากับดิน ฉะนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะสามารถต่อกรกับชิงสุ่ย
  ปีศาจดูดเลือดหญิง2 คนที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเพียงปีศาจตัวน้อยๆ พวกเธอยังไม่กลายร่างสมบูรณ์ แล้วเป็นเพียงปีศาจที่อยู่ในระดับชั้นเทพธิดาเท่านั้น ชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับพวกนางด้วยความจริงจัง
  เผ่าปีศาจดูดเลือดถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ตามชนชั้นวรรณะแต่ละพื้นที่จะมีเทพธิดาและราชินีปีศาจซึ่งสืบทอดสายเลือดส่งต่อกันครอบครองอาศัยพื้นที่เหล่านั้น อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นปีศาจดูดเลือดระดับวรรณะเทพธิดา แต่ความแข็งแกร่งของพวกนางก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรตั้งข้อสงสัยเลย
  อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยเองก็ไม่แน่ใจนะว่ารูปแบบสายเลือดของเผ่าปีศาจดูดเลือดจะเหมือนกับลำดับชั้นของราชวงศ์ต่างๆที่เขาเคยได้ยินเรื่องราวมาตั้งแต่โลกใบก่อนหรือไม่ แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ระดับชนชั้นจะมีลักษณะเดียวกับสิ่งที่เรียกว่าราชวงศ์ หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องเล่าที่อาจจะผสมความจริงมีเพียงบางส่วน
  ปังงงง!!
  เสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหวมันเป็นเพียงการโจมตีในรูปแบบธรรมดาเท่านั้น แต่หมัดที่แสนธรรมดาของชิงสุ่ย กลับสร้างแรงกระแทกบดขยี้กระดูกที่อยู่ในแขนของพวกนาง จนต้องร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
  อ๊ากกกกกก~~
  ความเจ็บปวดที่หญิงสาวจากเผ่าปีศาจดูดเลือดได้รับมันทำให้เธอถึงกับร้องกระวนกระวายเสียงแหลมเสียดฟ้าขณะที่หญิงสาวอีกคนนึง ก็พุ่งตรงเข้าหามูหยุนชิงเก้อ อย่างไรก็ตามด้วยระดับพลังของชิงเก้อในปัจจุบัน หญิงสาวจากเผ่าปีศาจดูดเลือดก็คงไม่คณามือเธอ novel-lucky
  ไม่ว่าจะอย่างไรชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อก็ไม่ได้ต้องการหมายเอาชีวิตหญิงสาวทั้งสองคนจากเผ่าปีศาจดูดเลือด และปล่อยให้ทั้งสองคนถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
  ชิงสุ่ยจ้องมองมูหยุนชิงเก้อและกล่าวว่า “แอบตามพวกมันไปกันเถอะ หากโชคดีพวกเราอาจจะได้เจอกกับแร่ทองคำปีศาจสวรรค์ก็เป็นได้”
  ”ใช่แล้วล่ะ แร่ทองคำปีศาจสวรรค์ไม่ใช่สิ่งของที่จะเจอกันง่ายๆ แม้จะอยู่ภายในผาราชินีปีศาจดูดเลือดก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งของคุณภาพสูงแต่การใช้งานของมันค่อนข้างจำกัด จึงมีน้อยคนนักที่จะยอมเสี่ยงชีวิตเข้ามาเพื่อช่วงชิงแร่ทองคำปีศาจสวรรค์”
  ชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อรอบติดตามหญิงสาวทั้งสองจากระยะไกลพวกเขาไม่ได้พยายามปกปิดร่องรอยของตัวเองเลยเนื่องจากหญิงสาวทั้งสองคนแห่งเผ่าปีศาจดูดเลือดไม่มีทางเลือกอื่น วิธีเดียวที่พวกนางจะเอาชีวิตรอดได้ก็คือต้องหาคนมาช่วย
  ชิงสุ่ยไม่ได้มีความเกรงกลัวหรือหวั่นเกรงใดๆฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องทำคือการตามติดหญิงสาวทั้งสองคน
  ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าไปยังส่วนลึกของผาราชินีปีศาจดูดเลือด อุณหภูมิที่นี่อบอุ่นขึ้นอีกเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้ชิงสุ่ยเกิดข้อสงสัยและข้อสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่ร้อนกว่าที่อื่น มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเผ่าปีศาจดูดเลือดเลือกที่จะไม่สวมเสื้อผ้า
  ปีศาจดูดเลือดสาวทั้งสองคนที่อยู่เบื้องหน้าตะโกนเสียงกรีดร้องทันทีที่ขึ้นไปถึงยอดเขาทันใดนั้นเสียงตอบกลับจำนวนมากก็ดังขึ้นจากบริเวณใกล้เคียง ชิงสุ่ยรับรู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น
  อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่ได้มีทีท่ากังวลใดๆมันเป็นเพราะเขาเพิ่งได้รับพลังอันยิ่งใหญ่มาไม่นานมานี้ หากเข้ามาที่นี่ก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางไปถ้ำมหาสมุทรเสียงสวรรค์ เขาก็คงไม่สามารถรู้สึกผ่อนคลายได้
  ความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของมูหยุนชิงเก้อเองก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายตราบใดที่เธอยังมีราชันย์ปูสงครามหยกคอยรับใช้
  ในช่วงพริบตาเผ่าปีศาจดูดเลือดกว่า 30 คนก็ปรากฏตัวลอยอยู่ในท้องฟ้าใกล้กับชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อ ชิงสุ่ยรีบตรวจสอบสภาพแวดล้อมทันทีและพบว่าผู้คนทั้ง 30 คนเป็นเพียงแค่บุคคลระดับพลังทั่วไป
  หนึ่งในท่ามกลางหญิงสาวทั้งหมดปรากฏให้เห็นเป็นคนที่ดูสูงวัยกว่าคนอื่นๆและยังมีเสียงกรีดร้องที่ดังกว่าคนอื่นอีกเล็กน้อย เธอแสดงท่าทางคงคิดอย่างถี่ถ้วนขณะที่เธอเข้าใกล้ชิงสุ่ย
  ในขณะที่เธอเริ่มเคลื่อนไหวคนที่เหลือของเผ่าปีศาจดูดเลือดก็เริ่มขยับเข้าใกล้พร้อมกับเธอ
  ชิงสุ่ยกำหมัดหลวมๆก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีผู้คนจากเผ่าปีศาจดูดเลือดที่อยู่บริเวณโดยรอบหมัดของชิงสุ่ยเคลื่อนไหวเร็วป่านสายฟ้าฟาด และยังเคลื่อนที่ในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้ เสียงดัง “กร๊อบบบบ” ดังขึ้นตลอดเวลา พร้อมกับเสียงกรีดร้องอ่ะน่าสังเวชจากปากของผู้คนเผ่าปีศาจดูดเลือด
  ความแตกต่างระหว่างชิงสุ่ยกับคนของเผ่าปีศาจดูดเลือดนั้นเปรียบเสมือนหมาป่ากับลูกแกะพวกมันทั้งบอบบาง จากพื้นที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก ในช่วงพริบตาก็กลับคืนสู่ความเงียบสงัด สิ่งเดียวที่เห็นคือกลุ่มของคนที่ถูกโจมตีนอนกองซมซานอยู่กับพื้น
  ไม่มีใครเลยสวมเสื้อผ้ามันเป็นภาพที่น่าอนาถใจจนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ ชิงสุ่ยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเลือกไม่ลงมือสังหารคนทั้งหมด ในขณะเดียวกันมูหยุนชิงเก้อก็เลือกที่จะโจมตีโดยปล่อยให้ทุกคนมีชีวิตรอด ชิงสุ่ยเองก็ค่อนข้างสงสัยในการกระทำของเธอ
  ชิงสุ่ยจ้องมองไปรอบรอบในขณะเดียวกันมูหยุนชิงเก้อก็กล่าวว่า “ราชินีแห่งปีศาจดูดเลือดคงจะมาปรากฏตัวในไม่ช้า บางทีเธออาจจะเป็นผู้ครอบครองแร่ทองคำปีศาจสวรรค์อยู่ก็เป็นได้”
  ชิงสุ่ยพยักหน้าก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วและจ้องมองออกไปยังที่ๆห่างไกลแสนไกล เขามองเห็นร่างของใครคนนึงกำลังบินตรงมาหาพวกเขา สิ่งที่น่าแปลกใจผู้หญิงสาวผู้นั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับคนของเผ่าปีศาจดูดเลือดเพียงแต่เธอไม่มีปีก แล้วยังสวมเสื้อผ้าสีแดงดุจเลือดสด นอกจากนี้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอนั้นสูงกว่าปีศาจดูดเลือดคนอื่นหลายเท่าตัว เธอเหมือนกับปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
  ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาจมูกโด่งผิวซีดปากเรียวยิ่งเพิ่มอารมณ์ความเย็นชาบนใบหน้า
  ชิงสุ่ยยิ่งรู้สึกประหลาดใจขณะมองดูผมสีดำที่กำลังโบกสะบัดอยู่กลางอากาศมันสร้างความนุ่มนวลให้กับรูปลักษณ์ของเธอ ในขณะที่ฝ่าเท้าของเธอกำลังรออยู่เหนือหิมะสีขาวนวล