Dual Cultivation บทที่ 596 ทางข้างหลัง
“อย่างไรก็ตามข้ามีแผนที่จะอยู่ที่นี่กับเจ้าในช่วงเวลาที่เหลือของข้าในโลกนี้จนกว่าข้าจะคืนร่างนี้ให้กับหงอวี่เอ๋อร์” ถังหลิงซีกล่าวกับเขาหลังจากนั้น
“อะไรก็ได้ที่ทําให้เจ้าพึงพอใจ” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะหลับลงไปจากความอ่อนเพลีย
“พักผ่อนให้สบาย….” ถึงหลิงซีทําการจ้องมองชั่วเวลาขณะที่ซูหยางหลับด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นอีกสองสามชั่วโมงให้หลัง
หลังจากที่ซูหยางตื่นขึ้น เขาก็กล่าวกับเธอว่า “ข้าต้องไปร่วมฝึกกับเหล่าศิษย์ ข้าจักกลับคืนมาในอีกไม่กี่ชั่วโมง
ถังหลิงซีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไปเถอะ ข้ามีธุระอะไรบางอย่างกับชิวเยว่อยู่แล้ว”
“ชิวเยวรี” ซูหยางเลิกคิ้วด้วยท่าทางประหลาดใจ
“เจ้ามิต้องการถามข้ารีว่าทําไม” เธอถามเขาในเวลาต่อมา
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าจักบอกข้ารีถ้าหากว่าข้าถาม
“ไม่” เธอตอบในทันที
“เช่นนั้นข้าจักพบกับเจ้าในภายหลัง” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะหายไปจากที่แห่งนั้นเพื่อที่จะไปฝึกกับเหล่าศิษย์
ถังหลิงซีมุ่งตรงไปยังห้องของชิวเยว่หลังจากนั้น
“พ-พี่สาวใหญ่หลิงซี ท่านมาทําอะไรที่นี่” ชิวเยว่ประหลาดใจเมื่อเห็นเธอในนิกายกุสุมาลย์พนพิสัย
“ข้าจักกลับคืนสู่ร่างของข้าในอีกไม่กี่เดือน ดังนั้นข้าจึงต้องการที่จะใช้เวลาที่เหลือที่นี่กับซูหยาง” ถังหลิงซีกล่าว
“ข้าพอจะเข้าไปข้างในได้หรือไม่” เธอถามหลังจากนั้นไม่นาน
“เชิญเข้ามา” ชิวเยว่เปิดประตูกว้างให้กับเธอ
“อย่างไรก็ตาม ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะดูว่าเจ้าทําอะไรกับซูหยางไปบ้างแล้ว มีความก้าวหน้าอะไรบ้างระหว่างพวกเจ้าสองคน” ถึงหลิงซีถามเธอหลังจากที่เข้าไปในห้อง
“ข-ข้ากับซูหยางนะ” ชิวเยว่มองเธอพร้อมกับทําตาโต
“ใช่ ข้าได้ให้สัญญากับเจ้าว่าข้าจักให้คําแนะนําแก่เจ้าเป็นระยะๆ ใช่ไหม เอาล่ะข้ามาที่นี่เพื่อที่จะให้คําแนะนําแก่เจ้าแล้ว จากการตัดสินจากปฏิกิริยาของเจ้าเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้าสองคนก่อนหน้านี้ สนใจที่จะเล่าเรื่องราวนี้ให้กับพี่สาวใหญ่คนนี้บ้างไหม”
ชิวเยว่พูดไม่ออกในเมื่อเธอไม่คาดคิดจริงๆเลยว่าจะได้คําแนะนําเรื่องความสัมพันธ์จากเจ้าหญิงของเผ่าเทพอาชูร่า มันไม่น่าเชื่อถึงขั้นที่ว่าถ้าเธอเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง พวกเขาก็คงคิดว่าเธอบ้า
“ฮ่าาา… ในเมื่อพี่สาวใหญ่หลิงซีต้องการรู้ ข้าก็จักบอกให้…” ชิวเยวถอนหายใจด้วยน้ําเสียงยอมแพ้
“เอ่อ มันเริ่มต้นแบบนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนซูหยางมาที่ห้องของข้า และข้าก็ขอให้เขานวด จากนั้นเรื่องราวก็ลุกลามบานปลาย” ชิวเยว่ทําการเล่าเรื่องประสบการณ์กับเขาให้กับถังหลิงซี
ถังหลิงซีแสดงสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาในที่สุด และเธอก็กล่าวด้วยเสียงประหลาดใจว่า “บอกเจ้าตามตรงข้ามิคิดว่าจะมีความก้าวหน้ามหาศาลปานนี้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆแค่นี้ เมื่อมาคิดว่าเจ้าได้รับนิ้วร่วมรักจากซูหยาง”
“น-นิ้ว ” ใบหน้าชิวเยวแดง…หลังจากที่ได้ยินคําหยาบโลนเช่นนั้นออกมาจากปากของถังหลิงซี แล้วอีกฝ่ายนั้นก็ยังพูดด้วยน้ําเสียงผ่อนคลายอีกด้วย
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงมินานก่อนที่เจ้าจะร่วมรักกับเขา” ถังหลิงซีพูดต่อ
“เอ๋” อย่างไรก็ตาม ชิวเยวมองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสับสน
“ท่านหมายความว่าอย่างไรกับคําว่า “อีกคงไม่นาน” ข้ามสามารถที่จะทําเรื่องนั้นกับเขาได้เพราะว่าคําสาป…”
“คือ ข้ารู้ว่าเจ้ามิสามารถ แต่ข้าพูดถึงเรื่องอื่น” ถึงหลิงซีกล่าวแล้วพูดต่อไปอีกว่า “บางทีเจ้ายังมิรู้เรื่องนี้”
“รู้เรื่องอะไร พี่สาวใหญ่ หยุดพูดคลุมเคลือแล้วบอกข้าตามตรงเถอะ…” ชิวเยว่กล่าวพร้อมกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง
“แม้ว่าคนจากตําหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์มิสามารถร่วมรักกับคนภายนอกได้เหมือนปกติทั่วไป เพราะคําสาปในสายเลือดอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าการที่มแทงนั้นมิใช่ช่องคลอดของเจ้า เจ้าก็ยังสามารถที่จะร่วมรักกับซูหยางได้ อีกนัยหนึ่งก็คือเจ้าสามารถรับมันเข้าทางด้านหลังได้โดยมีกระตุ้น คําสาป มันเป็นช่องโหว่ที่กระทั่งเทพจันทราก็มิสามารถแก้ไขได้” ถังหลิงซีอธิบายให้กับเธอ
“ร-รับมันเข้าทางด้านหลังรี” ดวงตาของชิวเยว่กลมโตเหมือนจานรองถ้วยชา คางของเธอร่วงลงไปกองที่พื้นจากความแตกตื่น เธอยังไม่ได้มีโอกาสรับรู้ถึงการร่วมรักตามปกติเลย เธอจะสามารถทําอะไรทํานองนี้ได้อย่างไรกัน
“มันอาจจะฟังดูน่ากลัวในตอนแรก แต่ข้าสามารถรับประกันได้ว่ามันก็มิได้เลวเลยแม้ แต่น้อย” ถังหลิงซีกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจราวกับว่าเธอมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มากมาย
“ม-หมายความว่า พี่สาวใหญ่หลิงซีก็…” ชิวเยวมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“แน่นอน” ถังหลิงซีพยักหน้าโดยไม่ลังเล “เมื่อเจ้าใช้เวลากับใครสักคนมากพอ บางทีเจ้าก็ต้องการที่จะลองอะไรใหม่ๆ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าทํากับซูหยาง”
“ข้ามิรู้ว่าข้าสามารถทําได้หรือไม่…” ชิวเยวถอนใจและเธอก็พูดต่อไปอีกว่า “มิว่าอย่างไร ข้าเองก็มิได้มีประสบการณ์อะไรที่ปกติ”
“ใครจะไปสนใจเรื่องนั้นกัน มิว่าเจ้าจะรับมันเข้าด้านหน้าหรือทางด้านหลังก่อนนั่นมิได้มีความหมายแต่อย่างใด ในเมื่อเจ้าก็ยังกอดคนที่เจ้ารัก มิใช่ว่าเจ้าต้องการที่จะทําอะไรทํานองนี้กับซูหยางหรอก ข้าคิดว่าคนประเภทเจ้าน่าจะสนุกกับการกระทําประเภทนั้น” ถังหลิงซีกล่าวกับเธอ
“อะไร ใครพูดกัน ข้ามิได้มีความปรารถนาอะไรประเภทนั้น” ชิวเยวรีบปฏิเสธคํากล่าวหาของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามถังหลิงซีก็ไม่ได้รบเร้าอีกต่อไป เธอกล่าวว่า “ข้าเดาว่าเจ้ายังคงมิได้ “ตื่น” เพราะว่าเจ้ายังบริสุทธิ์อยู่ แต่ทว่าครั้นเมื่อเจ้าก้าวเข้าไปถึงอายุระดับหนึ่งหรือสูญเสียความบริสุทธิ์ เจ้าจักต้องเริ่มโหยหาปรารถนาสิ่งเหล่านั้น”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรกับคําว่า “ตื่น” ชิวเยวมองดูอีกฝ่ายด้วยท่าทางตื่นตะลึง ทําไมคนภายนอกจึงรู้เรื่องราวมากกว่าเธอในเรื่องเชื้อชาติของเธอเอง
“หรือว่าพ่อแม่เจ้าจริงแล้วมิได้สั่งสอนเจ้าอะไรเลยเกี่ยวกับสายเลือดของเจ้า ทั้งเจ้าก็ยังเป็นลูกสาวของเทพจันทราอีกด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าทําไมเจ้าจึงรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพื้นหลังของเจ้า” ถังหลิงซีส่ายหน้า
ชิวเยว่ยังคงนิ่งเงียบ เมื่อเธอไม่มีข้อแก้ตัวกับความไม่รู้ของตัวเธอเอง
“อ้าาาา…ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จักบอกเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้เกี่ยวกับตําหนักจันทราศักดิ์สิทธิ์และ คนของเจ้า อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าต้องการที่จะรู้มากกว่านี้ เจ้าสามารถที่จะพูดกับซูหยางในเมื่อเขา เป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน” ถังหลิงชีถอนหายใจ
ชิวเยวพยักหน้า เธอมีสีหน้าจริงจังขณะที่รอให้ถังหลิงพูด