เซียวส่ารู้สึกราวกับถูกชกหน้า เมื่อเห็นเฉียวเหลียงลงจากรถ หางตาเขาหรี่ลง เขาคำรามใส่ถังซี “ทำไมถึงไม่บอกพี่ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะพาเธอไปส่งที่โรงเรียน! พี่รอเธอนานมาก! และตอนนี้พี่ก็ยังต้องเห็นเธอสองคนแสดงความรักต่อกันอีก!”
ถังซียักไหล่ มองเขาอย่างไร้เดียงสา “เมื่อกี้ฉันไม่เห็นรถเขา และเขาก็ไม่ได้บอกฉันว่าเขาจะมา ฉันไม่รู้จริงๆ”
“ไปให้พ้นหน้าพี่เลย” เซียวส่ากล่าวพลางโยนกระเป๋านักเรียนของถังซีให้เฉียวเหลียง แล้วขับรถออกไป
เมื่อเห็นเซียวส่าจากไปด้วยความโกรธถังซีก็หัวเราะออกมา จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาหาเฉียวเหลียง จูงมือเขา “ทำไมคุณถึงมาที่นี่”
“ผมอยากไปส่งคุณไปโรงเรียน” เฉียวเหลียงโยนกระเป๋านักเรียนไปที่เบาะหลัง และเปิดประตูรถให้เธอ “คุณหลับสบายไหม”
“ฉันนอนหลับมายี่สิบสี่ชั่วโมง ทานโจ๊กเป๋าฮื้อไปสองชาม ตอนนี้ฉันรู้สึกมีพลังเต็มเปี่ยม” ถังซีขึ้นรถและถามเขาว่า “แล้วคุณล่ะ หลับสบายไหม”
รอยคล้ำบนใบหน้าเฉียวเหลียงไม่ชัดเจนเหมือนเคย
เฉียวเหลียงพยักหน้า ขณะคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ และกล่าวว่า “ผมเพิ่งได้ข่าวจากปารีส คนตระกูลฉินพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาตัวฉินซินหยิ่งออกจากห้องขัง คุณคิดยังไงเรื่องนี้”
ถังซีขมวดคิ้ว เธอเกือบลืมฉินซินหยิ่งไปแล้ว เธอครุ่นคิดแล้วยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ต้องทำอะไร ท้ายที่สุดแม้เธอจะถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่เธอก็จะติดคุกไม่นาน”
เฉียวเหลียงพยักหน้า “ฉินซินหยิ่งอาจกลับมาประเทศจีนในอีกประมาณเดือนหนึ่ง คุณยอมรับเรื่องนี้ได้ไหม”
“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน” ถังซีนั่งเท้าคางมองเฉียวเหลียง “ฉันไม่คิดว่าฉันจะจัดการฉินซินหยิ่งได้ในครั้งเดียว แต่…” ถังซียืดตัวขึ้น มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ “ฉันจะเสียขวัญ ถ้าศัตรูของฉันเอาชนะได้ง่ายเกินไป เพราะฉะนั้นรอดูกันต่อไปค่ะ”
เมื่อไปถึงโรงเรียนจู่ๆ เธอก็รู้สึกไม่อยากเสียเวลาในโรงเรียนอีกต่อไป เริ่มแรกเธออยากได้ประกาศนียบัตร จากนั้นเธอก็สนใจชีวิตในโรงเรียน แต่ตอนนี้เธอเริ่มมีภาระยุ่งยากมากมาย และแค่อยากจบชีวิตในโรงเรียนให้เร็วที่สุด
ตอนนี้เธอต้องเดินทางไปมาระหว่างเมืองหลวงกับเมือง A ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามประสบความสำเร็จในแวดวงบันเทิง เธอจะยุ่งมากขึ้น และไม่มีเวลาไปโรงเรียน… แต่ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย…
ดูเหมือนว่าเธอจำเป็นต้องคุยกับคุณครูใหญ่เกี่ยวกับปัญหานี้
อย่างไรก็ตามเธอต้องประหลาดใจ เมื่อทันทีที่เธอเข้ามาในห้องเรียน นักเรียนทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ถังซีเดินไปยังที่นั่งของเธอ เมื่อเธอได้ยินเสียงนักเรียนกระซิบกระซาบกัน
“เซียวโหรวหลอกคุณครูผู ให้ยอมอนุญาตให้เธอลาหยุด เพื่อที่เธอจะได้เดินทางไปปารีสได้ใช่ไหม”
“เธอไม่ได้ไปรับการรักษาที่ต่างประเทศ แต่เพื่อไปเป็นนางแบบ”
“แต่เธอก็ไปเป็นนางแบบหลังจากได้รับการรักษาแล้วได้นี่ แล้วอีกอย่างก็ไม่ได้มีผลต่อการเรียนของเธอสักหน่อย”
“ใช่ เธอเป็นนางแบบได้เพราะเธอโดดเด่น ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่มีใบหน้าที่สวยงามอย่างนี้”
“ไม่ นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเธอเป็นตัวแทนภาพลักษณ์น้ำหอมเมจิกบัตเตอร์ฟลาย! ฉันเคยสงสัยว่าตัวแทนภาพลักษณ์แสนสวยคนนั้นคือใคร ปรากฏว่าเป็นเธอ! เธอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอเพราะต้องการเข้าสู่วงการบันเทิงหรือเปล่า”
“โอ เธอเป็นเหมือนตำนานเลยล่ะ เมื่อหลายเดือนก่อนเธอยังอยู่ในชนบท! แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวแทนภาพลักษณ์น้ำหอมเมจิกบัตเตอร์ฟลาย ยังไงก็ตามโฆษณาทางทีวีนั้นเปิดตัวตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนไม่ใช่เหรอ เธอถ่ายโฆษณาทางทีวีนั้นหลังจากกลับมาหาครอบครัวไม่นานใช่ไหม”
ถังซีนั่งลงบนที่นั่งของเธอ เมื่อหนิงเคอเข้ามากล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้มว่า ”ผมดูวิดีโอที่พี่ชายผมส่งมาให้ เธอดูสวยงามมากเลยในวันนั้น”
ถังซีมองหน้าหนิงเคอ “ขอบคุณนะ”
หนิงเคอวางสมุดบันทึกไว้บนโต๊ะเรียนและกล่าวว่า “สมุดบันทึกบทเรียนที่เราเรียนไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เธอลองอ่านดูนะ”
ถังซีมองดูสมุดบันทึกและรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แม้เธอจะไม่ชอบการถูกเขาตามจีบ แต่สิ่งที่เขาทำก็ไม่น่ารำคาญ เธอยิ้มให้หนิงเคอ “ขอบคุณมากนะ ฉันจะอ่านอย่างละเอียด” จากนั้นเธอก็หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเริ่มปิดอ่าน
เมื่อเห็นท่าทีของทุกคนเผิงอวี้ก็ส่งเสียงตะคอก “หยุดเสแสร้งได้แล้ว เธอโกหกเพื่อให้เธอได้หยุดเรียน”
ถังซีไม่สนใจเผิงอวี้ อ่านสมุดบันทึกต่อไป หลังจากอ่านไปหลายหน้าเธอก็รู้ว่าคุณครูสอนอะไรไปบ้าง เธอเก็บสมุดบันทึกและหยิบหนังสือเรียนออกมา พลางคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรให้คุณครูผูยินยอมให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงโดยไม่ต้องเข้าชั้นเรียน
เผิงอวี้เกลียดถังซีเพราะถังซีไม่ได้มาเรียนหนังสือเท่าไรนัก แต่ผลการเรียนถังซีดีกว่าเธอ ซึ่งทำให้เธอดูเหมือนคนโง่ เธออดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ในเมื่อเธอไม่ชอบโรงเรียน แล้วยังมาโรงเรียนทำไม ออกไปให้พ้นจากโรงเรียนของเราเลย! ตอนนี้เธอมีชื่อเสียงแล้ว ง่ายจะตายที่เธอจะหาเงิน!”
ถังซีเหลือบมองเผิงอวี้ ขมวดคิ้ว และกล่าวอย่างเย็นชา ”เธอก็เหมือนแมลงวันที่น่ารำคาญ เธอรู้ตัวไหมว่าเธอกำลังส่งเสียงดัง”
เผิงอวี้โกรธคำพูดของถังซี เธอจ้องมองถังซีอย่างเคียดแค้น “เธอพูดอะไร!”
“ฉันบอกว่าเธอเสียงดัง!” ถังซีมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อย่าสร้างความรำคาญ เห็นไหมว่าฉันไม่ได้อยากพูดกับเธอ ทำไมเธอถึงไม่หุบปาก และปล่อยให้ฉันอยู่เงียบๆ เชื่อฉันเถอะว่าการเป็นคนน่ารำคาญไม่ดีสำหรับเธอหรอก”
“หยุดเทศนาใส่ฉัน!” เผิงอวี้ผุดลุกขึ้น จ้องมองถังซีอย่างเกลียดชัง
ถังซียิ้มเยาะ “ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามายุ่งกับฉัน”
เธอไม่อยากคุยกับเผิงอวี้ แต่ก็ยังยั่วโมโหหล่อนอยู่!
“อย่ามาวางท่าแบบนี้ใส่ฉันเพียงเพราะพ่อเธอรวย!” เผิงอวี้จ้องหน้าถังซีและตะโกนว่า ”เธอมันไม่มีอะไรนอกจากเป็นนัง…”
“เผิงอวี้ หุบปาก!” ผูกั๋วชิ่งได้ยินคำพูดของเธอเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องเรียน เขามองหน้าเผิงอวี้อย่างเย็นชา “ถึงเวลาเรียนแล้ว อย่าทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้น! นั่งลงและมีสมาธิกับการเรียนของเธอ”
“และถังซี กรุณาออกมานี่”
เผิงอวี้กำลังจะแก้ตัว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผูกั๋วชิงเธอก็ยิ้มกริ่ม มองหน้าถังซีแล้วนั่งลง
ถังซีลุกขึ้น เดินออกไปนอกห้อง