เยี่ยเม่ยหันหน้ากลับไปมองทหารทัพใหญ่เรือนแสน มุ่งมาเข่นฆ่านาง
อีกทั้งเข้าใกล้ขึ้นทุกที ดูท่าแล้วหากไม่ระวังตัว แค่ฝีเท้าม้าก็สามารถเหยียบนางเละเป็นดินเหนียวได้
เยี่ยเม่ยลูบข้อมือตัวเองครู่หนึ่ง เพิ่งล้มคนไปพันคน ปวดมืออยู่บ้าง มองคนจำนวนมากอีกครั้ง นางไม่มีกำลังภายใน สู้รบด้วยจำนวนคนเช่นนี้ไม่ใช่วิธีชาญฉลาด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางรีบควบม้าหนี
ส่วนหวันเหยียนหงเห็นเงาหลังเยี่ยเม่ย ตวาดก้อง “ตาม ต้องจับนางให้ได้ เป็นตายไม่เป็นไร”
“ขอรับ” เหล่าทหารตอบรับทันควัน พุ่งติดตามไป
เยี่ยเม่ยควบม้าหนีไปได้หลายร้อยเมตร หวันเหยียนหงห่างจากนางเพลือเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น นางมองไปยังเบื้องหน้าห่างออกไปหลายลี้ มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมุ่งมาทางนาง เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว หรือคนเหล่านี้คิดล้อมประกบ
จากนั้นคนเบื้องหน้าค่อยใกล้เข้ามา เห็นผู้นำสวมชุดแดง บุรุษหล่อเหลาชั่วร้าย เวลานั้นเยี่ยเม่ยเรียวคิ้วกระตุก
นั่นคือองค์ชายสี่ราชวงศ์เป่ยเฉิน?
เขามาทำไม
ก่อนหน้าอีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะจับตน หลังจากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับคนจากต้ามั่วด้านหลังกลุ่มนั้น คนจากเป่ยเฉินปลอดภัยกว่ามาก อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ฆ่านาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางตัดสินใจควบม้ามุ่งทางไปเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ไกลออกไปเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นนางควบม้ามาทางเขา นัยน์ตาชั่วร้ายคู่นั้นเผยความยินดี ค่อยๆ เชิดหน้าขึ้น ใช้สีหน้าอันตราย มองไปยังทหารที่ไล่ฆ่านาง
เวลานี้หวันเหยียนหงก็เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้วเช่นกัน
เขาพลันยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้ทหารของตนหยุดลง
เวลานี้ทหารทั้งสองฝ่ายห่างกันอยู่ห้าสิบเมตร ส่วนเยี่ยเม่ยกำลังควบม้าไปหาเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
นางกวาดตามองบุรุษหน้าตาหล่อเหล่าชั่วร้ายผู้นั้น เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ท่านมาหาข้า?”
องค์ชายสี่พยักหน้า ใบหน้าคลี่ยิ้มอ่อนยั่วยวนใจ เอ่ยปากช้าๆ ด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ไม่ผิด เยี่ยนคาดเดาได้ว่าแม่นางอาจพบความลำบาก ถึงได้นำทหารเหล่านี้มาช่วยเหลือคนงาม”
เขาพูดไป ใช้แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมองเยี่ยเม่ย
คนทั้งหลายต่างคิดว่าเยี่ยเม่ยจะซาบซึ้งเพราะเหตุนี้ คิดไม่ถึงว่านางจะพยักหน้านิ่ง เอ่ยเสียงเย็นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ยกให้ท่านแล้ว”
พูดจบ นางทำเหมือนไม่มีเกิดอะไรขึ้น ไสม้าผ่านข้างกายเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไป
ผ่านไปแล้ว
คราวนี้อย่าว่าแต่เหล่าทหารด้านข้างเลย แม้กระทั่งองค์ชายสี่ยังเลิกคิ้วสูง มองแผ่นหลังเยี่ยเม่ย ถามอย่างช้าๆ ว่า “แม่นาง เจ้าไม่คิดว่าอย่างน้อยเจ้าสมควรพูดอะไรกับเยี่ยนบ้างหรอกหรือ”
เยี่ยเม่ยดึงสายบังเ**ยนม้า หันมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
นางเสียงเย็นตอบ “โอกาสได้ช่วยเหลือข้าหาได้ยากนัก ข้ารู้ว่าท่านเป็นเกียรติมากที่ได้รับใช้สตรีที่รูปโฉมงดงามเช่นข้านี้ หวังให้ข้าพูดอะไรอีก หรือความหมายของท่านคือ ต้องการให้ข้าอยู่ต่อเพื่อชมการศึก?”
องค์ชายสี่มองท่าทางโอ้อวดอย่างจริงจังของนาง พลันยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ยังยั่วยวนใจคนมากกว่าปีศาจในยุคโบราณเสียอีก เขาค่อยก้มหน้าลง “ไม่เลว เยี่ยนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ช่วยเจ้า หวังว่าเจ้าจะอยู่รอชมศึกนี้”
อวี้เหว่ยใช้สายตาคล้ายเห็นผีมองเตี้ยนเซี่ยของตน
เตี้ยนเซี่ยคิดทำอะไรกันแน่
เขาคิดว่าเมื่อเตี้ยนเซี่ยได้ฟังประโยคนี้แล้ว สมควรตบสตรีผู้หน้าไม่อายผู้นี้กระเด็นไป
เยี่ยเม่ยนิ่งไป ใคร่ครวญชั่วครู่ คำขอของอีกฝ่ายหาได้เกินไป นางจึงตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำตามคำขอของท่าน”
คำขอ?
คนทั้งหมด “…” สรุปแล้วตอนนี้เตี้ยนเซี่ยช่วยแม่นางผู้นั้น หรือแม่นางผู้นั้นช่วยเตี้ยนเซี่ยกันแน่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว นัยน์ตาลุ่มลึกเผยแววน่าสนุก เบี่ยงกายเว้นที่ให้เยี่ยเม่ยชมการศึกด้านข้าง เอ่ยช้าๆ ว่า “แม่นาง ไม่ช้าเจ้าจะได้รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเยี่ยน เชื่อว่าหลังจากแม่นางได้รู้ ก็จะเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่า มีแต่เยี่ยนเท่านั้นถึงคู่ควรกับแม่นางผู้รูปโฉมงดงาม”
เยี่ยเม่ยควบม้าหยุดข้างกายเขา สายตาพอใจกับคำว่า “รูปโฉมงดงาม” ใช้ได้ดีจริง
หวันเหยียนหงเป็นชายโสดที่ภรรยาเพิ่งตายไปได้ครึ่งปี เห็นทั้งสองหยอกเย้ากัน รู้สึกว่าตนได้รับการโจมตีอย่างแสนสาหัส·
เวลานั้นความเจ็บปวดของคนไร้คู่ทำร้ายจนเขาไปใบหน้าบูดเบี้ยว จ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยเสียงแข็ง “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบเจ้าแล้ว”
เขาเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเขา
ถามด้วยเสียงน่าฟัง “คนที่อยากพบปีศาจในเร็ววัน ส่วนมากมักมีชีวิตอย่างสับสน รู้สึกว่ามีชีวิตอยู่มิสู้ตาย เยี่ยนเป็นปีศาจในสายตาคนทั่วหล้า กลับทำให้โย่วอี้อ๋องคำนึงหาได้เพียงนี้ โย่วอี้อ๋องคร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”
หวันเหยียนหงหน้าคล้ำ มองสีหน้าสบายของคนผู้นั้น ยิ่งโมโห
เขาชักกระบี่ประจำกาย เอ่ยปาก “เอาชนะเจ้า ชายแดนของราชสำนักเป่ยเฉินก็ถูกยึดได้โดยไม่เปลืองแรงแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เจ้ากล้านำทัพบุกแดนต้ามั่ว ดูท่าจะเชื่อมั่นเกินเหตุ ไม่รู้จักฝีมือของข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เถอะ ตายใต้เงื้อมมืออ๋องอย่างข้า ไม่นับว่าเสียเปรียบ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว จัดชุดตนเองด้วยท่วงท่าสง่างาม มองเขาช้าๆ “โอ้อวดตนเสร็จแล้วหรือ”
หวันเหยียนหงสีหน้าเขียว…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมุมปากน้อยๆ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ความจริงจึงเป็นหลักฐานที่เด่นชัดที่สุดในการพิสูจน์ความสามารถ โอ้อวดตนเอง นอกจากมีความอาจหาญแล้ว เป็นเพียงแค่การปกปิดใจที่หวาดกลัว ลงมือเถอะ หากไม่ตายภายในสามกระบวนท่า เยี่ยนจะปล่อยเจ้าไป”
คราวนี้สีหน้าหวันเหยียนหงยิ่งไม่น่าดูเข้าไปอีก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกำลังดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัด บอกว่าตนเองไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้เกินสามกระบวนท่า
เยี่ยเม่ยหันข้างมององค์ชายสี่ ครั้งก่อนนางประมือกับเขาสามกระบวนท่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่ป้องกันเท่านั้น ไม่ลงมือรุก คนที่เยือกเย็นมาตลอดแบบนางก็รู้สึกแปลกใจ หากเขาเป็นฝ่ายจู่โจม ความสามารถจะอยู่ถึงระดับใดกัน
ขณะที่นางถอนสายตากลับ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันหันข้างมองนาง
สายตาทั้งสองสบกัน เขาพลันยื่นมืออกมาจับคางตนเอง มองนางกระพริบตาปริบคล้ายกำลังดึงดูดนาง “แม่นาง เจ้าหลงใหลในตัวเยี่ยนแล้วใช่ไหม”
ท่าทางเช่นนี้ความจริงน่ารักมาก บ้องแบ๊วขัดกับภาพลักษณ์ปีศาจฆ่าคนไม่กระพริบตา ทั้งยังชอบทรมานคนเลยสักน้อย
เยี่ยเม่ย “…”
นางหันหน้ากลับอย่างเย็นชา เสียงไร้อารมณ์ตอบ “ไม่ใช่”
สีหน้าเขาแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน จากนั้นคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมาอย่างว่องไว กลับสู่ท่วงท่าสง่างามดุจแมวเปอร์เซียเช่นเดิม เอ่ยช้าๆ ว่า “เยี่ยนไม่รีบร้อน อีกไม่ช้าเจ้าก็จะเห็นถึงความจริงใจของเยี่ยน จากนั้นจะหยุดคิดถึงเยี่ยนไม่ได้”
อวี้เหว่ยกลอกตามองฟ้า คำว่า “จริงใจ” คำนี้ของเตี้ยนเซี่ยหมายความว่าอย่างไรกัน
เยี่ยเม่ยฟังแล้วไม่ตอบ
หลังจากสิ้นเสียงเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขามองหวันเหยียนหง ถามช้าๆ ว่า “ไม่ตอบคือไม่กล้ารับสามกระบวนท่าหรือ หากเจ้าไม่กล้าตกลงจริงๆ เยี่ยนจะฆ่าเจ้าทันที กันไม่ให้คนไร้สามารถเช่นเจ้ามีชีวิตอยู่นำทหารต่อไป อาศัยหัวหน้าโง่งมอย่างเจ้า เป็นการทำร้ายเหล่าทหารต้ามั่ว”
ยามนี้หวันเหยียนหงโมโหจนไม่อบยากโต้ตอบ ความละอายกลายเป็นความโกรธเคือง มีดในมือวาดออกไปทางเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างเกี้ยวกราด