ก่อนที่หลิงหยุนจะจากไปนั้นเขาได้สอบถามหลวงจีนเจี๋วยหยวนกับนักพรตชงซวีว่า เหตุใดจึงพายอดฝีมือมามากมาย แต่กลับไม่ยอมลงมือ และนักพรตชงซวีก็ตอบกลับมาเพียงว่า.. พวกเขาทั้งสองคนมาเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น..
สังเกตการณ์อะไรอย่างนั้นหรือ
ความจริงแล้วทั้งคู่มาเพื่อดูว่าหลิงหยุนจะใช่‘คนผู้นั้น’ ตามที่ตำนานจีนปรัมปราเล่าขานหรือไม่นั่นเอง!
ยอดฝีมือจากสำนักอื่นๆนั้นอาจมาที่นี่เพราะความแค้นส่วนตัว หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง หรืออาจจะมาเพียงเพราะต้องการสังหารมาร มีเพียงเส้าหลินกับบู๊ตึ๊งเท่านั้นที่มาเพื่อจุดประสงค์นี้เพียงอย่างเดียวจริงๆ!
ในยุทธภพนั้น..เส้าหลินกับบู๊ตึ๊งนับว่ามีสถานะที่สูงส่ง จึงสามารถล่วงรู้ความลับมากมายในยุทธภพ สายตาของพวกเขาทั้งคู่จึงมองหลายสิ่งแตกต่างจากชาวยุทธคนทั่วไป..
ในสายตาของหลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีนั้นเรื่องราวของมารไม่มีค่าให้สนใจเท่ากับตำนานเล่าขานปรัมปรานั่น..
เวลานี้หลิงหยุนจากไปแล้ว..นักพรตชงซวีจึงรีบถามคำถามที่อยู่ในใจออกมาทันที และกำลังต้องการฟังความคิดเห็นจากหลวงจีนเจี๋วยหยวน
หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่หลวงจีนเจี๋วยหยวนจึงพูดขึ้นมาว่า “อามิตตาพุทธ.. เรื่องเดียวที่ข้ารู้มีเพียงหลิงหยุนเป็นผู้ที่มีชะตาต้องกับพุทธองค์อย่างลึกซึ้ง!”
คืนนี้..สิ่งที่หลิงหยุนแสดงต่อหน้าเหล่าชาวยุทธนั้น ทำให้หลวงจีนเจี๋วยหยวนรู้สึกตกใจอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจอย่างที่สุดนั้นกลับไม่ใช่กระบี่วิเศษ ไม่ใช่ยันต์ และไม่ใช่มือข้างซ้ายที่สามารถบันดาลสิ่งต่างๆออกมาได้มากมาย..
แต่มันคือธรรมชาติแห่งพุทธะในตัวหลิงหยุนต่างหากบุคคลผู้ไม่เคยฝึกตนตามหลักของพุทธศาสนา ไม่เคยมีพุทธองค์อยู่ในใจ แต่กายของเขากลับมีธรรมชาติแห่งพุทธะเช่นนี้ แม้แต่หลวงจีนเจี๋วยหยวนเองก็ยังไม่สามารถอธิบายได้..
ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาที่สอนให้ปล่อยวางตัวตนและยิ่งไร้ตัวตน กลับยิ่งทำให้น่าสนใจ และยิ่งอยากจะศึกษาธรรมะที่ลึกซึ้งให้ยิ่งๆขึ้นไป
หลวงจีนเจี๋วยหยวนนั้นเป็นผู้ที่มีศรัทธาหนักแน่นต่อพุทธองค์ยิ่งนักต่อหน้าพลังพุทธะที่รุนแรงเช่นนั้น เขาจะกล้าลงมือกับหลิงหยุนได้อย่างไรกันเล่า
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนยกน้ำเต้าวิเศษขึ้นจรดริมฝีปากนั้นหลวงจีนเจี๋วยหยวนสัมผัสได้ถึงพลังพุทธะที่แผ่ซ่านออกมาจากน้ำเต้าเก่าแก่ใบนั้นได้อย่างชัดเจน แม้แต่ตัวเขาเองที่ศึกษาธรรมะของพุทธองค์มานานหลายปี ยังไม่สามารถมีพลังพุทธะที่รุนแรงเช่นนั้นได้..
และจากพลังพุทธะที่พลุ่งพล่านนั้นทำให้หลวงจีนเจี๋วยหยวนเกือบจะสามารถเข้าสู่ระดับที่สองของขั้นเซียงเทียน-9 ได้เลยทีเดียว!
ด้วยเหตุนี้..หลวงจีนเจี๋วยหยวนจึงสามารถสรุปได้ในทันทีว่า น้ำเต้าเก่าแก่นั้นจะต้องเป็นสมบัติพุทธองค์อย่างแน่นอน และเจ้าของน้ำเต้านี้ก็คือหลิงหยุน!
ดังนั้น..เขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าหลิงหยุนจะต้องมีความเกี่ยวพันกับพุทธองค์อย่างลึกซึ้ง!
เมื่อได้ยินหลวงจีนเจี๋วยหยวนตอบกลับมาเช่นนั้นนักพรตชงซวีจึงได้แต่หัวเราะ..
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งนักพรตชงซวีจึงพูดขึ้นว่า “ก่อนที่ข้าจะได้พบกับหลิงหยุน ข้าเองยังคิดว่าเขาคือคนจากคุนหลุน! แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็น..”
หลังจากนั้น..ทั้งสองคนต่างก็พูดคุยกันผ่านกระแสจิต และมีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่จะได้ยิน ศิษย์เส้าหลินและบู๊ตึ๊งคนอื่นๆ ไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน..
เพราะเรื่องที่ทั้งคู่จะคุยกันต่อไปนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่หากผู้ใดได้รู้ก็คงตระหนกตกใจไม่น้อย..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนเองก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า–คนจากคุนหลุนงั้นรึ ขอบอกตามตรง.. ข้าเองก็เคยคิดเช่นนั้น! เพราะประสกน้อยหลิงหยุนผู้นี้ดูช่างคล้ายคลึงยิ่งนัก..–
–ประสกน้อยหลิงหยุนไม่เพียงมีกระบี่มารอยู่ในมือยังมีความรู้เรื่องยันต์อีกด้วย แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือเขาสามารถสร้างพื้นที่ในร่างกายได้ อีกทั้งพละกำลังก็แข็งแกร่งอย่างแปลกประหลาด เรียกได้ว่าเกินกว่าอายุของเขาอย่างมาก โดยเฉพาะพลังบ่มเพาะในตัวของเขา ในสายตาของข้านั้นเขาไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่น้อย! ลักษณะเฉพาะเช่นนี้.. หากไม่ใช่มาจากคุนหลุน แล้วจะมาจากใหนได้เล่า-
–แต่หากเป็นคนจากคุนหลุนจริง..พวกเขาย่อมไม่สังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนแน่ และคนของสำนักกระบี่คุนหลุนย่อมต้องไม่กล้าสังหารหลิงหยุนเช่นกัน! เพราะฉะนั้น.. ประสกน้อยหลิงหยุนย่อมไม่ใช่คนจากคุนหลุนอย่างแน่นอน!”
เมื่อนักพรตชงซวีได้ฟังคำวิเคราะห์ของหลวงจีนเจี๋วยหยวนเขาก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะคาดเดาต่อว่า
–ถ้าเช่นนั้น..หรือว่าเขาจะมาจากเขาฉู่ซาน!-
หลวงจีนเจี๋วยหยวนส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย–เป็นไปไม่ได้! หากไม่มีปีศาจร้ายปรากฏตัวในยุทธภพ หรือประเทศจีนไม่ได้ตกอยู่ในภัยพิบัติใหญ่หลวงแล้วล่ะก็ คนจากฉู่ซานจะไม่มีทางมาข้องเกี่ยวกับเรื่องทางโลกแน่!”
นักพรตชงซวีเองยังนึกขันความคิดของตนเอง–นั่นสินะ! อีกทั้งคนจากเขาฉู่ซานก็มีกระบี่เป็นสัญลักษณ์ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมใช้กระบี่โลหิตแดนใต้แน่..–.novel-lucky.
แต่นักพรตชงซวีก็ยังคงคาดเดาต่อ–หรือจะเป็นศิษย์ของผู้ฝึกตนที่ซ่อนตัวอยู่บนเขาจงหนาน-
หลวงจีนเจี๋วยหยวนส่ายหน้าไปมาเช่นเคย..
ในที่สุดนักพรตชงซวีก็สะบัดหน้าพร้อมกับร้องขึ้นอย่างตกอกตกใจ–อย่าบอกนะว่ามาจากเผิงไล๋ แต่นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้..–
เมื่อได้ยินคำว่าเผิงไล๋หลุดออกจากปากนักพรตชงซวีสีหน้าของหลวงจีนเจี๋วยหยวนถึงกับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที และคิ้วหน้าของเขาก็ขมวดเข้าหากัน จากนั้นจึงเอ่ยเตือนนักพรตชงซวีว่า
–อามิตตาพุทธ..ท่านนักพรต แม้ว่าท่านกับข้าจะฝึกตนคนละแนวทาง ท่านฝึกตนตามแนวทางแห่งเต๋าซึ่งสามารถมีอิสระได้มากกว่า แต่ในเมื่อพวกเราฝึกตนมาถึงขั้นนี้แล้ว ควรจะต้องระมัดระวังกับเรื่องนี้ให้มากกว่านี้..–
นักพรตชงซวียกมือขึ้นโบกไปมาพร้อมกับหัวเราะหึหึ“จริงดังที่ท่านกล่าว.. ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรกล่าวออกมา..”
และเพื่อป้องกันไม่ให้หลวงจีนเจี๋วยหยวนอบรมต่อนักพรตเต๋าจึงรีบพูดต่อทันที
–แต่หากไม่ใช่คุนหลุน..ไม่ใช่ฉู่ซาน.. และไม่ใช่เผิงไล๋ แล้วหลิงหยุนมาจากที่ใหนกันนะ”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนฝืนยิ้มแล้วจึงตอบไปว่า “เจ้าถามข้า.. แล้วข้าจะไปถามใครได้เล่า”
นักพรตชงซวีย่อมรู้ดีว่าจะไม่ได้รับคำตอบจากหลวงจีนเจี๋วยหยวนอย่างแน่นอนเขาจึงพูดขึ้นว่า
“เดิมทีเขาเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยมธรรมดาๆคนหนึ่งแต่ภายในเวลาเพียงแค่สองสามเดือน เขากลับฝึกฝนจนก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้ได้ ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อจริงๆ!”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“แต่ไม่ว่าอย่างไร.. ข้อมูลที่พวกเราได้มาก็ตรงกับความจริงที่พวกเราได้ประจักษ์กับตาตัวเองในคืนนี้ไม่ใช่รึ ข้าเองก็ไม่สามารถตอบคำถามของท่านได้..”
แต่จู่ๆทั้งหลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน –แต่ที่แน่ๆ หลิงหยุนต้องเป็นผู้ฝึกตนอย่างแน่นอน!-
การที่นักพรตชงวีคาดเดาว่าหลิงหยุนมาจากคุนหลุนจากเขาฉู่ซาน จากเขาจงหนาน หรือแม้กระทั่งจากเผิงไล๋นั้น เป็นเพราะเขาปักใจเชื่อว่าหลิงหยุนนั้นเป็นผู้ฝึกตนที่มุ่งสู่ความเป็นเซียนนั่นเอง!
แต่แล้วนักพรตชงซวีก็พูดขึ้นอย่างขมขื่นใจ–แต่ก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่า.. หลิงหยุนจะใช่คนผู้นั้นที่ถูกลิขิตมาให้รับทัณฑ์สวรรค์หรือไม่ ถึงแม้พู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิจะถือกำเนิดขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเวลานี้อยู่ในมือของผู้ใดกันแน่?”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยหยอกเย้านักพรตชงซวี“แต่ที่แน่ๆ หลิงหยุนก็มีหม้อเสินหนงไม่ใช่รึ!”
นักพรตชงซวีตอบยิ้มๆ“ท่านเองก็พูดว่าหลิงหยุนมีชะตาต้องกับพุทธองค์ไม่ใช่รึ”
“แต่น่าเสียดายที่รอบกายหลิงหยุนมีสาวงามมากมายแต่ละนางล้วนงดงามราวกับพระจันทร์ ข้าว่าเขาคงไม่มีทางบวชเป็นพระอย่างแน่นอน!”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนตอบกลับเพียงแค่สั้นๆ“อามิตตาพุทธ.. พุทธะอยู่ที่ใจ!”
นักพรตชงซวียิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“มารก็อยู่ที่ใจเช่นกัน!”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนได้ฟังก็ถึงกับอึ้งไปและได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบโต้..
นักพรตชงซวีเองก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่เช่นกันและในที่สุดก็ถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า
“พุทธ..เต๋า.. มาร.. อยู่ที่เขาจะเป็นอะไร”
นักพรตเจี๋วยหยวนลืมตาขึ้นมองไปยังสนามต่อสู้เมื่อครู่นี้เขาจ้องมองร่างไร้วิญญาณของเหล่าจอมยุทธด้วยแววตาเศร้าโศก และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็เปี่ยมไปด้วยเมตตา
“ชะตากรรมของเขาอย่างไรก็ต้องได้รับทัณฑ์สวรรค์..”
นักพรตชงซวีได้ฟังถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
จากนั้นริมฝีปากของหลวงจีนเจี๋วยหยวนก็ขยับขึ้นลงและเสียงสวดมนต์สูงต่ำก็ค่อยๆ ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งยอดเขาหลงเหมิน เสียงสวดมนต์ของเขากังวานใสราวกับเสียงระฆัง และแสงแห่งพุทธะในตัวหลวงจีนเจี๋วยหยวนก็เปล่งประกายเจิดจ้าสว่างไสวแข่งกับแสงจันทร์ และเวลานี้ทั่วทั้งยอดเขาหลงเหมินก็ปกคลุมไปด้วยแสงแห่งพุทธะ..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนกำลังสวดมนต์เพื่อส่งวิญญาณของเหล่ายอดฝีมือผู้ล่วงลับให้กลับสู่สรวงสวรรค์เพราะจอมยุทธเหล่านี้ล้วนตายในสภาพที่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความหวาดผวา คับแค้นใจ และเสียใจ แต่หลังจากที่เสียงสวดมนต์ดังก้องกังวานไปทั่ว ก็ดูเหมือนว่าใบหน้าของร่างไร้วิญญาณเหล่านั้นจะค่อยๆ สงบขึ้นมาก คล้ายว่าได้ไปสู่สรวงสวรรค์แล้ว..
และเมื่อสวดมาถึงคำสุดท้ายของบทสวด..แสงแห่งพุทธะรอบตัวของหลวงจีนเจี๋วยหยวนก็สว่างวาบขึ้น และในที่สุดเขาก็เข้าสู่ระดับที่สองของขั้นเซียงเทียน-9!
นักพรตชงซวีถึงกับตกตะลึงและอึ้งไป ภายในใจของเขานั้นมีทั้งความอิจฉา และตกใจสลับกันไปมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลวงจีนเจี๋วยหยวน..ท่านช่างมีเมตตากรุณานัก ข้า – ชงซวีไม่อาจเทียบท่านได้! ยินดีด้วยที่ท่านสามารถก้าวหน้าไปได้อีกขั้น!”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนที่สามารถผ่านระดับที่หนึ่งของขั้นเซียงเทียน-9มาได้แล้วนั้น พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ที่แท้เมื่อเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9แล้ว ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนอีก แต่มันคือการบรรลุธรรม!”
นักพรตชางซวีพูดขึ้นอย่างปิติสุข“ขอบไต้ซือที่กล่าวเตือนข้า!”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนยิ้มและพูดต่อว่า “ข้าสามารถข้ามผ่านระดับที่หนึ่งมาได้เช่นนี้ หนึ่งคนที่ข้าต้องขอบคุณก็คือประสกหลิงหยุน..”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนไม่ได้ขอบคุณที่หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือไปมากมาอย่างแน่นอนแต่เขาขอบคุณที่หลิงหยุนนำน้ำเต้าเก่าแก่ใบนั้นออกมาต่างหาก..
นักพรตชงซวีร้องถามออกไปว่า“แล้วพวกเราจะทำเช่นใดต่อไปดี ท่านยังจะไปพบหลิงหยุนเพื่อสอบถามเรื่องของหลวงจีนมี่ชิง และหลวงจีนสิงฉีอีกหรือไม่?”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนตอบไปว่า“มันเป็นเรื่องจำเป็น.. อย่างไรข้าก็ต้องไปพบเขาเพื่อคลี่คลายเรื่องนี้..”
นักพรตชงซวียิ้มและถามขึ้นว่า“แล้วเหตุใดเมื่อครู่ท่านจึงไม่ถามหลิงหยุนเล่า”
“ยังไม่ใช่เวลาและสถานที่ทีเหมาะสม..” หลวงจีนเจี๋วยหยวนตอบเพียงแค่สั้นๆ
นักพรตชงซวีจึงพูดต่อว่า“เอาล่ะ.. ข้าเองก็ต้องไปพบหลิงหยุนเพื่อดูหม้อทองแดงนั่นเช่นกัน ยังไงพวกเราสองคนก็ไปพบกับเขาพร้อมกันไม่ดีกว่ารึ”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนเพียงแค่พยักหน้าและหลังจากนั้นศิษย์วัดเส้าหลินและบู๊ตึ๊งต่างก็ช่วยกันเก็บกวาด และฝังซากศพที่อยู่บนยอดเขา..