” การบาดเจ็บของ อยี่กู้ฮั่น รุนแรงอย่างมาก  ข้าจักพยายามอย่างที่สุด แต่ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำให้เขาฟื้นฟูได้สมบูรณ์  อีกทั้ง แขนขวาของเขา แตกหักเกินกว่าจะแก้ไข  ดังนั้น เขาจักใช้มันถือกระบี่ได้อย่างยากลำบาก … แม้นว่าสุขภาพของเขาจักได้รับการฟื้นฟูแล้ว  ร่างของเขา จักต้องใช้เวลา เจ็ดสิบ ถึง แปดสิบวัน เพื่อฟื้นฟู  ด้วยเหตุนี้ เจ้าควรจักปล่อยเรื่องราวเท็จเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตของเขา  เจ้าจักต้องประกาศสู้สาธารณะว่า อยี่กู้ฮั่น สิ้นแล้วจากการบาดเจ็บ  และ … จักเป็นการดี หากเจ้าบอกข้าเมื่อเจ้าต้องการพบเขาในภายหน้า  และ ข้าจะปรับเปลี่ยนบางสิ่งเท่าที่จำเป็น  เจ้าคงไม่มีปัญหา ใช่หรือไม่ ? “

 

องค์หญิงหลิงเมิงขบริมฝีปาก และ พยักหน้า  นางรู้เป็นอย่างดีกว่า จวินโม่เวี่ยหมายถึงสิ่งใด เมื่อเขาบอกว่า หลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต  ตอนนี้ทั้งสองได้เข้าใจกัน  ไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม

 

องค์หญิงหลิงเมิง ถอนใจ เมื่อนางเห็น ตู่กู้เซี่ยวอี้ น้ำตานอง  จากนั้นนางเดินไปหาสาวน้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากเสื้อ และ เช็ดน้ำตาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้ นุ่มนวล

 

” น้องสาวงี่เง่า  ข้าไม่ต้องการแข่งขันกับเจ้า  อาจเพราะ …. ที่พวกเราพี่น้อง … จักมีชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนี้ ?  เจ้านั้น …สำหรับชายผู้นี้… เขาคู่ควรหรือไม่ ? “

นางกำลังจะเอ่ยว่า เสเพล แต่ระลึกได้ว่า นางสาบานไว้ว่าจักไม่เอ่ยมัน

 

เสียง ร่ำไห้ของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  เบาบางลง  จากนั้นนางลืมตา น้ำตานอง

” จริงหรือ ?  แต่เจ้า … เมื่อครู่ … “

 

” เป็นจริงดังนั้น  แต่ ข้ากระทำไปเนื่องจากข้าไม่มีหนทางอื่น … “

องค์หญิงหลิงเมิง ยิ้มนุ่มนวล  องค์หญิงน้อย อายุเกือบเท่าสาวน้อย  แต่กระนั้น คล้ายดั่งนางจะอาวุโสขึ้นมาทันที

” ข้าจักขอท่านพ่อให้ข้าแต่งกับ จวินโม่เซี่ย แล้วข้าจักสำเร็จในคำสาบาน  แต่เพียงหลังจากเจ้าทำสิ่งดีเพื่อวิวากับเขาก่อน … ข้าสัญญาว่านี่เป็นการกระทำเพื่อคำสาบานไม่มีสิ่งอื่นใด  เป็นสิ่งที่ยอมรับได้หรือไม่ ? “​

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้  หน้าแดง  จากน้ำตานางแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม  นางบ่นกับตัวเองชั่วครู่ จากนั้น เอ่ย

” เจ้าเป็นพี่ข้า เช่นนั้นเจ้าก่อน … “

แม้นว่าจักเอ่ยเช่นนั้น แต่นางไม่รู้สึกอ่อนไหว

 

จวินโม่เซี่ย เดินผ่านพวกนาง  ตอนนี้เขากำลังนั่งข้าง อยี่กู้ฮั่น  เขาเกือบหัวคะมำ เมื่อได้ยินคำนี้

 

ยังไร้วี่แววสำเร็จ  เหตุใด หญิงสาวทั้งสองจึงเอ่ยเช่นนี้ ?

 

ข้ายังไร้ประสงค์จะหาภรรยา …  แล้วหญิงสาวทั้งสองนี้ยังเร่งรีบแต่งกับข้า ?

 

ข้ายังไร้แผนการในเรื่องนี้ !

 

สีหน้าจวินโม่เซี่ยเริ่มไร้อารมณ์ ขณะเขาเริ่มถ่ายทอดลมปราณให้กับ อยี่กู้ฮั่น จากนั้นเอ่ยเยือกเย็น

” แม่นางซุน ! “

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย ขออภัยเสียงต่ำ

” เจ้ามิจำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใด  ข้ารู้สิ่งที่เจ้ากำลังจะพูด  ข้าจักไม่ทำเช่นนั้นอีก  ข้าขอโทษ ! “

 

” เจ้าคือ คู่หมั้นของเจ้าอ้วน อีกทั้งยังเป็นพี่ของสาวน้อยผู้นี้  เช่นนั้นข้าจึงมิได้สนใจ  แต่หากเจ้าทำเช่นนั้นอีก ข้าจักสังหารเจ้า  สิ่งที่ข้างรังเกียจที่สุดคือ … การทรยศ ! “

จวินโม่เซี่ยเลิกเปลือกตา  จิตสังหารเปล่งประกายรุนแรงในดวงตาเขา  จากนั้นเขาปลดปล่อยกลิ่นอายอาฆาตรอันเข้มข้น และ หญิงสาวทั้งสามเริ่มหนาวเย็น

 

วาจาจวินโม่เซี่ยเต็มไปด้วยจิตสังหาร  ไม่มีผู้ใดคลางแคลงถึงความร้ายแรงที่เขาคุกคาม  พวกนางมิอาจหาญทำให้เขาขุ่นเคืองเนื่องจากพวกนางรู้ว่าเขาจักทำตามสิ่งที่ข่มขู่ไว้

 

ซุนเซี่ยวเหม่ยนิ่งเงียบ  นางรู้จวินโม่เซี่ยมิได้พูดเล่น  จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้ กำลังสนทนากันโดยไร้อดกลั้น  แท้จริงแล้ว เขามิได้หยุดเอ่ยสิ่งที่คิดต่อหน้า ตู่กู้เซี่ยวอี้  สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เขาถือว่าพวกนางเป็นคนของเขา  เขาเชื่อว่าพวกนางจักไม่ทรยศ  หากพวกนางเผยความลับของเขาแก่ องค์หญิงหลิงเมิง … เขาจักถือเป็นเรื่องผิดพลาด … มิใช่การทรยศ …

ความจริงนี้จักไม่เปลี่ยน เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์และเหตุผล !

 

ข้ามืดบอดต่อพฤติกรรมแท้จริงของจวินโม่เซี่ยมาตลอด ?  นิสัยของคุณชายน้อยผู้นี้เป็นดั่งเช่น … จงเชื่อฟังข้ามิเช่นนั้นเจ้าตาย มันคือโองการทรราช

ทันใดนนั้น เซี่ยวเหม่ยเริ่มสั่นเทา  นางตระหนกยิ่งในวาจาที่เขาเอ่ย

 

เจ้าเป็นคนเช่นนั้น จวินโม่เซี่ย?

 

องค์หญิงหลิงเมิงตกตะลึง  นางมองไปยังจวินโม่เซี่ยดวงตาเบิกกว้าง

จวินโม่เซี่ยมีบุคลิกน่าประทับใจเช่นนี้ เมื่อไหร่กัน ?  เขา … เปลี่ยนไป ?

 

หรือนั่นคือเหตุที่ ตู่กู้เซี่ยวอี้ หลงรักเขาอย่างบ้าคลั่ง ?

 

องค์หญิงหลิงเมิง ไม่มั่นใจ  นางเดินไปหา อยี่กู้ฮั่น เชื่องช้า  โน้มตัวลงมอง ใบหน้าซีดเผือกและผอมบางของ อยี่กู้ฮั่น  สายตาของนางหม่นหมองในใจ แต่ปิดซ่อนน้ำตา

 

” เซี่ยวยี่ ! “

จวินโม่เซี่ยหลับตา ขณะใช้กำลังทั้งหมดแปรเปลี่ยนกลิ่นอาย

 

” อันใด ? “

อารมณ์ ตู่กู้เซี่ยวอี้ เริ่มนิ่ง เวลานี้  อารมณ์ของนางแปรเปลี่ยนว่องไว  น้ำตาของนางเหือดแห้ง และ รู้สึกอับอายกับโทสะของนางเมื่อครู่  นางสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยิน จวินโม่เซี่ย เรียกชื่อนาง

 

” ไปหาท่านน้าสาม และ ขอให้เขาส่งใครบางคนไปยัง หอชนชั้นสูง   บอกให้เขานำ ส่วนผสมยาเหล่านี้กลับมา “

จวินโม่เซี่ย เขียนรายชื่อสมุนไพรโดยไร้ซึ่งลังเล

” ยิ่งข้าได้มันมาเร็ว พวกมันจักยิ่งเป็นประโยชน์ “

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ พยักหน้า และหายไปราวหมอกควัน

 

องค์หญิงหลิงเมิง เคลื่อนตัวเข้าใกล้จวินโม่เซี่ย  นางมิเคยเข้าใกล้เขาเช่นนี้มาก่อน  เฝ้าดูขณะเขานั่งหลับตา และ ถ่ายทอดลมปราณแก่ อยี่กู้ฮั่น  ใบหน้าของเขามิได้เยือกเย็นหรือบ้าเลือด  แต่ดูคล้ายประหนึ่งเขาชิงชังทุกสิ่งภายใต้สรวงสวรรค์  นางมิอาจกลั่นความรู้สึกตื้นตันภายใน

 

จากนั้นนางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคยเจือจางในใจ

 

ความรู้สึกช่างคล้ายกับ … ผู้ที่ทำให้ปล่อดภัยอย่างยิ่ง  ช่างอบอุ่นและสุขสบาย … ข้ารู้สึกเช่นนี้ที่ใดกัน ?

 

เหตุใดข้ารู้สึกอบอุ่นเช่นนั้น ?

องค์หญิงหลิงเมิงขมวดคิ้วขณะครุ่นคิดหนักหน่วง …

 

ทันใดนั้น ลำแสงเปล่งประกายในความคิด

ความรู้สึกเช่นนี้ … เหตุใดจึงละม้ายยิ่ง.. ?

 

องค์หญิงหลิงเมิง มิอาจกลั่นใจมิให้เข้าใกล้จวินโม่เซี่ยยิ่งขึ้น  และ ยิ่งนางเข้าใกล้เขา … ความรู้สึกนั้นยิ่งรุนแรง  สิ่งนี้ ตักเตือนนางถึงบางสิ่งอย่างเชื่องช้า  แม้น นางมิอาจบอกได้ว่าคือสิ่งใด

 

นางลงไปนั่งเคียงข้าง แต่ไร้ซึ่งวาจาขณะครุ่นคิดหนักหน่วง

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย กำลังนั่งเคียงข้างนางพร้อมด้วย สีหน้ารำคาญ

 

” พี่ เซี่ยเหม่ย … เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่จวนสกุลจวิน ? “

องค์หญิงหลิงเมิง นั่งเกียจคร้าน  ด้วยเหตุนี้ นางจึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้รวดเร็ว และ มิอาจยับยั้งคำถาม  จิตใจองค์หญิงหลิงเมิงยังคงหลอกหลอนที่นางตัดสินใจกระทำสาบานเลือด …

 

” เจ้าขาวน้อย นำพา จวินโม่เซี่ย และ จวินวูอี้มาหาพวกเราหลังจากที่เจ้าถูกจับตัว … “

ซุนเซี่ยวเหม่ย เอ่ยซื่อตรง

” นายท่านสามแห่งสกุลนำพาน้าอยี่ มาที่นี่  และ จวินโม่เซี่ยออกไปตามหาเจ้า … “

 

” อะไรนะ ?  จวินโม่เซี่ย ออกไปตามหาข้าเพียงผู้เดียว ? “

องค์หญิงหลิงเมิง ลืมสงวนท่าที่ และถามเสียงลั่น  นางกระโดดยืนขึ้น ขณะ ความตกตะลึงแพร่บนใบหน้า

 

พยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อปลดความสับสนนั้น  แต่ ทันใดนนั้น ราวกับหมอกมืดดำในใจนางจางหายไปด้วยแสงตะวัน ทุกสิ่งราวเปล่งประกาย

 

ปรมาจารย์ลึกลับแบกนางขึ้น ขณะหนีออกจากถ้ำ  แท้จริงแล้ว ยอดฝีมือลึกลับผู้ปามีดบินปกป้องนางมาเสมอ  และสิ่งที่นางรู้สึกภายใต้อ้อมแขนของผู้นั้นละม้ายคล้ายกับสิ่งที่นาง … สัมผัสได้เมื่อเข้าใกล้ร่างของจวินโม่เซี่ย …

 

มันจักเป็นเช่นนั้นได้หรือ … ?

 

มันจักเป็นไปได้อย่างไร ?

องค์หญิงหลิงเมิง ส่ายหัวขันแข็งเพื่อปลดความคิดไร้สาระนั้น  แต่ ท้ายที่สุด ทั้งสองร่างนั้นเริ่มรวดเข้าเป็นหนึ่งในความคิดของนาง …

 

นางระลึกได้ว่า จวินโม่เซี่ย อยู่ใกล้ๆ เมื่อครั้งนางได้รับการลอบสังหารครั้งก่อน  จากนั้นเขาหายไปรวดเร็ว

 

หรือจักเป็นเขา ?

 

หัวใจ องค์หญิงหลิงเมิง เริ่มเต้นรุนแรง  นางมองจวินโม่เซี่ยด้วยพิศวง หัวใจนางสัมผัสถึงความรู้สึกที่มิเคยเกิดขึ้นในบัดดล

เขาช่างหล่อเหลา …

ใบหน้านางมีเลือดฝาดทันที

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ กลับมาว่องไว หลังจากเสร็จกิจธุระ  หัวใจของสาวน้อยฟื้นคืน และ เต็มไปด้วยกำลังใจ

ครั้งนี้เขาเรียกข้า เซี่ยวอี้  ช่างประเสริฐที่ได้ยิน  ต่อไปข้าหวังให้เขาเรียกข้าเช่นนี้ทุกครั้ง ฮี่ ฮี่ …

 

” น้องเล็กเซี่ยวอี้ “

องค์หญิงหลิงเมิง พยายามยิ่งยับยั้งอารมณ์  น้ำเสียงของนางราบเรียบขณะถาม

” ข้าได้ยินว่า คุณชายน้อยจวิน ได้สร้าง มีดประดับอัญมณีให้แก่เจ้า ?  ข้าจำได้ว่า มันมีชื่อที่น่ารื่นรมย์เมื่อครั้งก่อนที่เจ้าให้ข้าดู มีดพับเล่มแรกแห่งเทียนเชียง ?! เจ้าให้ข้าดูอีกหนได้หรือไม่ ? “

 

” ท่านดูหมิ่นมัน เมื่อครั้งก่อนที่ข้าพยายามให้ท่านดู  แต่ตอนนี้ ท่านประสงค์จะดูมันอีก  เอาละเช่นนั้น .. ข้าจะให้ท่านได้ดู “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ พึมพัม  จากนั้นนาง ล้วงเขาแขนเสื้อ และดึงมีดเรียวออกมา

 

จวินโม่เซี่ย เกือบเป็นลมหลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้

 

” ตู่กู้เซี่ยวอี้  !  ข้าให้มีดเล่มนั้นแก่เจ้า เพื่อตัดคนเป็นชิ้นๆ … มันมิใช้เป็นสายรัดแขน !  เสียของสิ้นดี ! “

จวินโม่เซี่ย เห่าหอนอย่างโกรธเคือง  เขาจริงจังอย่างมาก

 

สาวน้อยผู้นี้ ผูกมีดเล่มนั้นไว้ที่แขนของนาง  ซึ่งหมายความว่า บางครั้งนางสามารถดึงมันออกมาได้เมื่อต้องการ

สายรัดแขนและสิ่งนั้น ต่างอันใดกัน ?   การต่อสู้จักจบลงเมื่อนางดึงมีดออกมาเผชิญหน้ศัตรู !  แล้วมันใช้งานเช่นไร ?

 

ใบหน้า ตู่กู้เซี่ยวอี้ เป็นสีแดง  นางโอดครวญลำบากใจชั่วครู่  จากนั้น ตอบกลับ

” นี่ … เจ้าให้ข้า … ในฐานะ ป้ายตราแห่งความสัตย์ …. ข้าจักใช้มันหากต้องการ … เหตุใดเจ้าต้องโวยวายใส่ข้า … ? “

 

ใบหน้า งดงามของนางก้มต่ำ ขณะเอ่ยวาจา  สาวน้อยลูบชายเสื้อของนางด้วยความอับอาย ขณะโอดครวญคล้ายยุง  จากนั้นนางถาม

” จี้หยก … ของข้า … เจ้ายังใส่มัน ? “

 

คำสาบานเลือดขององค์หญิงหลิงเมิง มิได้มาจากหัวใจ  แต่ องค์หญิงยังคงเป็นภัยใหญ่ในสายตา ตู่กู้เซี่ยวอี้   ดังนั้น นางจึงเพิ่มเข้าไปสองคำคือ ป้ายตรา และ ความสัตย์ ทั้งที่ลำบากใจเมื่อ จวินโม่เซี่ย ถามนางถึงมีดนั่น  เป็นความคิดเพื่อสื่อสารว่า

” ไม่ว่าเจ้าจักชอบหรือไม่ … ข้านำหน้าเจ้าอยู่ !  พวกเราได้แลกเปลี่ยน ป้ายตราแห่งความสัตย์กันแล้ว ! “

 

อืม !  พวกเราอาจเป็นพี่น้องที่ดี แต่ข้าจักไม่รีรอ !  ข้า ตู่กู้เซี่ยวอี้  จะต่อสู้เพื่อคนรักถึงที่สุด !  ฮึ่ม !  และข้าก็จักกระทำสาบานเลือดเช่นกัน หากเจ้าทำให้ข้าขุ่นเคือง !  เจ้าอาจทำมันโดยไม่เต็มใจ แต่ข้าเต็มใจ แล้วมาดูกันว่าผู้ใดน่ากลัวกว่ากัน ?!

 

จี้หยก ?  ป้ายตราแห่งความสัตย์ ?

จวินโม่เซี่ยเพ่งมองไปไร่อารมณ์  เขาไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด  สำหรับ ชิ้นหยกที่ได้รับจากนาง ….

ข้าเก็บมันไว้สักที่ … แม้นข้าจำมิได้ว่าข้าเก็บมันไว้ที่ใด ..

 

องค์หญิงหลิงเมิง มิได้ใส่ใจ วาจาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้   แต่ มือของนางสั่นเครือเล็กน้อย  ดวงตานาง ลุกโชนด้วยความประหลาดใจอย่างรื่นรมย์เมื่องนางมองไปยัง มีดเล่มนั้น  จากนั้น นางเห็นแสงแปลกประหลาด เปล่งสะท้อนออกมาจาก อัญมณีที่ด้ามจับ  มันทำให้นางหลงไหล  เป็นอาวุธที่แน่วแน่  ด้ามของมีดเล่มนั้น และ มีบิน ชัดเจนว่าสร้างขึ้นด้วยคนผู้เดียวกัน

 

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตีขึ้นรูป ความชำนาญ การตกแต่ง หรือแม้นวิธีการหล่อใบมีด ช่างสร้างสรรค์และดั้งเดิม รวมถึงปลายแหลมของมีดนั้น  ชี้ให้เห็นถึงสิ่งหนึ่งและความจริงที่ชัดเจน !

 

มีดนี้จับถือง่ายดาย  มันประณีต เล็ก และ วิจิตร มันเหมาะสำหรับการเฉือน เช่นเดียวกับการเสียบแทง  ยิ่งไปกว่านั้น มันมิได้ทำให้มือผู้ถือบาดเจ็บ  จุดต่างๆของมีด ขอบ สันมีด ดามจับ … ทุกสัดส่วน … รวมทั้งส่วนโค้ง นั้นประณีต และละเอียดถี่ถ้วน  ยิ่งไปกว่านั้น ด้ามจับและใบมีด มิได้หล่อขึ้น … ชัดเจนว่า ผู้นั้นจักต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างยาวนานเพื่อหลอมมันขึ้น

 

รวมไปถึง ด้ามจับที่สั้น  ชัดเจนว่า ด้ามของมีดเล่มนั้นถูกสร้างมาเพื่อมือของหญิงสาว  แท้จริงแล้ว เจตนานี้อาจมีมาตั้งแต่การรวบรวมวัตถุดิบ

 

ด้ามจับแจ่มจรัส  เส้นโค้งเปล่งประกายราวดวงดาราท่ามกลางฟ้ายามราตรี  ราวกับทางช้างเผือกร่วงล่นลงจากชั้นฟ้า  ทั่วทั่งใบมีดหลั่งไหลประหนึ่งแม่น้ำแห่งแสงสว่าง

 

องค์หญิงรู้สึก ริษยาขึ้นทันที ขณะนางเฝ้ามองมีดเล่มนั้น

เขาดีกับนาง … ดียิ่งนัก …