บทที่ 311
ไม่ไป
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไป ไม่คิดเลยว่าหวังฉิงจะยังเหลือไม้ตายอยู่อีก
หลังจากนั้นสักพัก เธอก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งแล้วและเผยรอยยิ้มที่มุมปาก “เจ้าพูดว่าไงนะ? ทำไมข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลยล่ะ?”
“งั้นเหรอ? ไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ก็ตามนะ ข้าก็จะไม่พูดต่อ” หวังฉิงพูดเสียงเรียบ พร้อมทั้งรินชาและนั่งดื่มอย่างสบายใจ
มู่หรงเสวี่ยกำหมัดแน่นและอยากที่เตะเขาออกไปจริงๆ
“ข้าคิดว่าเจ้าควรจะรู้ไว้นะ ถ้าข้าอยากที่จะไปก็ไม่มีใครมาห้อมข้าได้หรอก” จากสิ่งที่หลินหยางบอกเธอ หวังฉิงเองก็รู้ว่าเธอหายตัวได้
หวังฉิงไม่ได้โมโหอะไร “แน่นอน เจ้าไปได้ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเก็บเจ้าไว้อยู่แล้ว แต่ข้าก็สามารถที่จะทรมานเฟิงจือหลิงได้ ข้าพูดถูกไหมล่ะ?”
มู่หรงเสวี่ยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
“มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังดีไหม?” หวังฉิงถาม
“ไม่!” ถ้าเธอออกไปไม่ได้ งั้นจะเหลืออะไรให้ทำอีกล่ะ?! เธอไม่มีอารมณ์หรอกนะ
ดวงตาของหวังฉิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ไปจริงๆงั้นเหรอ?”
“บอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไปไงล่ะ” มู่หรงโบกมืออย่างอดกลั้น
“งั้นคืนนี้ก็ฝันดีนะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่” หวังฉิงพูด
มู่หรงก้มหัวแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรให้เขาเห็น
หวังฉิงลุกขึ้น บอกให้แม่บ้านเข้ามาเก็บของแล้วจึงเดินออกไป เขาส่งสายตาไปที่อู่ชางและหวู่ฉิงเพื่อให้เฝ้าประตูไว้ ทันใดนั้นพวกเขาก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและยืนเฝ้าที่หน้าประตูด้วยสีหน้าน่าเกรงขาม
หวังฉิงเดินออกไปพร้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คืนนี้เขาจะต้องจัดการทุกอย่างให้ดีและไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรได้
กลางดึกมีเสียงการปะทะกันและตามมาด้วยเสียงระเบิด มู่หรงเสวี่ยที่นอนไม่หลับจึงรีบลุกขึ้นมาทันที
ทันทีที่เธอเปิดประตูก็ได้เห็นการ์ดสองคนที่หน้าประตู อู่ชางและหวู่ฉิงที่ยืนขวางประตูไว้
“ท่านมู่หรง ท่านควรที่จะกลับเข้าไปพักที่ห้องดีกว่า” หวู่ฉิงพูด
“พวกเจ้าไม่ได้ยินเสียงนั่นหรือไง?” มู่หรงผลักทั้งสองคนออก แน่นอนว่าไม่ขยับเลย
“นายท่านกำลังจัดการแต่ท่านมู่หรงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้หรอก” อู่ชางตอบพร้อมกับสีหน้าเย็นชา
“พวกเจ้ากำลังละเลยหน้าที่ ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงระเบิด เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายของพวกเจ้าจะถูกระเบิดเป็นชิ้นๆไปแล้วบ้างหรือไง?” มู่หรงพูดพร้อมแสยะยิ้ม
ต้องเป็นหลินหยางที่เข้ามาช่วยเธอแน่ๆ เธอเคยใช้ระเบิดมากก่อนและก่อนหน้านี้เธอก็แก้ไขปัญหาเรื่องระเบิดให้พวกเขาไปแล้วด้วย เธอเกรงว่านี่คงจะดังจนได้ยินไปทั้งสามดินแดนแล้ว
“กล้าดียังไงถึงพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ นายท่านได้รับการคุ้มครองอย่างดี” หวู่ฉิงจ้องมาที่มู่เทียนอย่างไร้ความปรานี พร้อมเจตนาที่อยากจะฆ่าเธอซะ
ถ้าตอนนี้นายท่านไม่ได้กำลังสนใจนางอยู่ ป่านนี้เธอก็คงจะจัดการนางไปเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ได้ล้อเล่น คนพวกนี้ถ้าไม่ได้เห็นเองกับตาก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจพลังของระเบิดได้หรอก ทั้งอู่ชางและหวู่ฉิงต่างก็มองหน้ากันและกัน ดูเหมือนจะกำลังแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่หรือไง?!
“ข้าจะออกไปดูเอง เจ้าอยู่ที่นี่แหละ” อู่ชางพูด มู่เทียนเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มาก งั้นปล่อยให้หวู่ฉิงเป็นคนเฝ้าไว้จะดีกว่า ไม่งั้นถ้านางแก้ผ้าขึ้นมาอีก เขาก็คงจะจัดการไม่ได้เหมือนกัน
หวู่ฉิงพยักหน้า ทั้งสองทำงานด้วยกันมานานหลายปีและเข้าใจกันเป็นอย่างดี
มู่หรงกลอกตา พร้อมทั้งมือที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบผงยาขึ้นมาและรีบเป่าไปที่หวู่ฉิงในทันที
อย่างไรก็ตาม หวู่ฉิงไม่ได้สลบไปอย่างที่เธอคิดไว้ แต่เธอกลับจับมือเธอและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโหดร้าย “นายท่านบอกว่าเจ้าเป็นนังจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริงซะด้วย”
มู่หรงเสวี่ยสะบัดมือเธอออก ดูเหมือนว่าผงยานี่จะใช้ไม่ได้ผล บางทีการที่หลินหยางบอกว่าเขาใช้ผงยานี่ที่บ้านหวังฉิงครั้งที่แล้วซึ่งเป็นการทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน แต่เธอก็ไม่คิดว่าพวกนี้จะปรุงยาถอนพิษได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?!
เธอมองไปที่หวู่ฉิงอย่างสงสัย
“ไม่ต้องมองหรอก นี่เจ้าคิดจริงๆงั้นเหรอว่านายท่านจะไม่เตรียมตัวอะไรเลยน่ะ?! แค่ผงยาของเจ้า มันไม่ได้ผลอีกแล้วล่ะ” หวู่ฉิงพูดอย่างประชดประชัน อันที่จริงพวกเธอไม่ได้คิดยาถอนพิษได้หรอก พวกเธอแค่ฝึกร่างกายให้สามารถที่จะกลั้นหายใจได้ก็เท่านั้น
“เจ้าไม่เป็นห่วงนายท่านของเจ้าหรือไง? ไม่เห็นหรือไงว่าดูเหมือนเขาจะออกไปนานมากแล้วนะ?” มู่หรงไม่ได้เถียงกับเธอแต่เปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“องค์ชายของเราทั้งฉลาดและทรงอำนาจ ไม่มีใครสู้ท่านได้หรอก แล้วจะมีเรื่องอะไรให้เราต้องห่วงล่ะ?” หวู่ฉิงพูดอย่างเย็นชา
“โอ้ งั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้ม “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าระเบิดคืออะไร?”
เมื่อเห็นท่าทางของหวู่ฉิง เธอจึงพูดต่อ “ระเบิดคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนตึกทั้งตึกให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา แล้วเจ้าคิดว่าถ้าเป็นกับคนล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?”
แน่นอนว่าสีหน้าของหวู่ฉิงเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้
“งั้นทำไมเจ้าไม่ไปดูกับข้าเลยล่ะ?” มู่หรงแนะนำ
“อย่ามาลูกเล่นนะ” หวู่ฉิงจับมือมู่หรงและหันหลังกลับ
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเย็นชา ขอให้เขาตายอย่างเจ็บปวด
“ไปสิ” หวู่ฉิงพูดกับมู่หรง ในหัวใจเต้นรัวอย่างร้อนรน โดยเฉพาะหลังจากที่อู่ชางยังไม่กลับมาอีกแบบนี้ หวู่ฉิงรู้จักอู่ชางดี ถ้าองค์ชายไม่กำลังเจอปัญหา เขาก็คงจะรีบกลับมาบอกเธอแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตาม บางครั้งหวู่ฉิงก็ผลักมาที่ด้านข้างก็เธอเพื่อให้เร่งฝีเท้าไปอีก
“อย่าผลักสิ ข้าเดินเองได้” มู่หรงสะดุดไปสักพักและจึงพูดออกมา
“รีบเดินเข้าสิ อย่ามัวแต่อืดอาด” หวู่ฉิงพูดอย่างเหลืออด
เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ทั่วทั้งบ้านเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์วุ่นวาย กลุ่มชายชุดดำกำลังสู้กับพวกการ์ด มู่หรงเสวี่ยเห็นร่างของหลินหยางได้ในทันที ถึงแม้เขาจะคลุมหน้าเอาไว้ รูปร่างแบบทหารสมัยใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาแค่นี้ก็เพียงพอให้เธอจำได้แล้ว
หวู่ฉิงหันซ้ายหันขวาไปทั่วแต่ก็ยังไม่เห็นร่างของหวังฉิง แม้แต่ร่างของอู่ชางก็ยังหาไม่เจอด้วยเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะวุ่นวายใจและนึกถึงเรื่องที่มู่หรงพูด สีหน้าเริ่มที่จะซีดไปเล็กน้อย ในตอนนี้เธอมู่หรงเสวี่ยอย่างรุนแรง “มากับข้า”
มู่หรงแสยะยิ้ม ยืนเฉย สะบัดมือออกจากหวู่ฉิง และทันทีที่หลุดออกจากมือของหวู่ฉิงแล้วเธอไม่ทันที่จะได้ตอบโต้ มู่หรงก็วิ่งไปหาหลินหยาง
หลินหยางเองก็เห็นมู่หรงเช่นกัน ดวงตาแวบประกายยินดี
เขารีบก้าวเข้ามาขวางหน้าหวู่ฉิงที่พยายามจะจับ มู่หรงเสวี่ยทันทีและทั้งสองก็เริ่มสู้กัน
ในตอนนี้ที่อู่ชางช่วยหวังฉิงไว้ได้แล้ว พร้อมทั้งสั่งออกมา “ทุกคนหยุด!”
หลินหยางเองที่กำลังยกมือขึ้นและเล็งไปที่คนของอีกฝ่ายก็หยุดการเคลื่อนไหวเช่นกัน
ทั้งสองต่างยืนเผชิญหน้ากันและกัน
“มู่เทียน เจ้าแน่ใจนะว่าอยากที่จะไป?” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชา
ไร้สาระน่า ถ้าเธอไม่หนี เธอก็จะต้องถูกขังอยู่ที่นี่
มู่หรงไม่ได้ตอบแต่กลับยืนนิ่งอยู่ข้างๆหลินหยาง
หวังฉิงผลักมือของอู่ชางออก ค่อยๆยืดตัวตรง สีหน้าเย็นชาอย่างมาก “เจ้าอยากที่จะไป ตอนนี้เจ้าก็ไปได้แล้ว ปล่อยพวกเขาไป”
มู่หรงเสวี่ยตะลึงไม่ชั่วขณะ ง่ายแบบนี้เลยงั้นเหรอ?!
“ในอีกสองวันเจ้าก็รอรับศพของเฟิงจือหลิงได้เลย ถอยไปแล้วปล่อยให้พวกเขาไป”
หวังฉิงสั่งพวกการ์ดและพวกเขาทุกคนก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง เปิดทางให้ผู้มาเยือนและไม่คิดที่จะหยุดพวกเขาจริงๆ
อย่างไรก็ตาม มู่หรงเสวี่ยไม่ได้เดินไปข้างหน้า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่มีความทรงจำ แต่เสี่ยวไป๋ก็บอกว่าเฟิงจือหลิงเป็นเพื่อนที่พร้อมจะเป็นและตายไปพร้อมกับพวกเธอ แล้วถ้าเธอทิ้งเขาไว้คนเดียว เธอก็คงจะเลวยิ่งกว่าสัตว์ซะอีก
หลังจากที่หลินหยางได้ฟังคำพูดของหวังฉิงจบ เขาก็หันหัวไปมองที่มู่หรงเสวี่ย ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะเคารพการตัดสินใจของเธอ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเขา เขาก็คงจะไม่หนีไปคนเดียวเหมือนกัน แม้ว่าตัวเองจะต้องตายก็ตาม
บางเรื่องก็ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน เมื่อเสียไปแล้วก็ไม่มีวันที่จะได้กลับคืนมาอีก
มู่หรงเสวี่ยมีสายตาที่เย็นชา อันที่จริง หลังจากที่เขาได้ยินคำขู่ของหวังฉิงเมื่อบ่ายนี้ เธอก็ไม่มีเจตนาที่จะหนีอีกแล้ว เหตุผลที่เธออยากจะออกมานี่ก็เพราะเธอเป็นห่วงเรื่องหลินหยางและคนอื่นๆ
“เจ้ากลับไปเถอะ ขอบคุณที่มานะ” ถึงแม้เธอจะไม่ได้หนีไปด้วย แต่เธอก็จะจดจำความช่วยเหลือของเขาไว้
หลินหยางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพื่อปลอบใจ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่ามู่หรงจะต้องทำแบบนี้
“ไปกันเถอะ” ครั้งนี้หลินหยางพาคนมาเพียง 20 คนเท่านั้น ทุกคนต่างก็มีทักษะการต่อสู้ชั้นสูง พวกเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและไม่มีใครต้องเสียชีวิต
ส่วนฝั่งของหวังฉิงไม่สู้ดีเท่าไร มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บมากมาย ยังไงซะไม่ใช่พวกทหารทุกคนที่จะมีทักษะการต่อสู้ชั้นสูง นอกจากนี้ในตอนแรกหลินหยางก็โยนระเบิดเข้ามาก่อนด้วยซึ่งทำให้พวกทหารได้รับบาดเจ็บมากมาย เพราะแบบนี้หลินหยางถึงเลือกที่จะโยนระเบิดเข้ามาก่อน ไม่งั้นการบาดเจ็บก็คงจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้
หลินหยางและคนอื่นๆกระโดดข้ามกำแพงออกไปทันที เหลือเพียงมู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่อีกฝั่งคนเดียว กำลังเผชิญหน้าหวังฉิงอยู่
“มานี่” หวังฉิงเรียกมู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเงียบไปสักพักและเดินเข้าไปใกล้ เมื่อเธออยู่ห่างหวังฉิงได้ประมาณเมตร เธอก็หยุดนิ่ง
“นายท่าน อยากให้ข้าสั่งสอนนางหน่อยไหม?” น้ำเสียงที่ถามออกมาอย่างเย็นชา ไร้ความปรานีดังออกมา
“พวกเจ้าสองคนลงไปข้างล่างและรับการลงโทษ!” หวังฉิงเหล่ตาไปมองหวู่ฉิงและอู่ชาง และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พวกเขาไม่ได้ตอบสนองในทันทีแต่มองมาที่หวังฉิงด้วยสายตาประหลาดใจ
“ข้าพูดไม่ชัดหรือไง? น้ำเสียงของหวังฉิงเริ่มที่จะเย็นชาขึ้นไปอีก
หวู่ฉิงมองไปที่มู่หรงอย่างไม่พอใจเท่าไร แต่แล้วสุดท้ายก็ลงไปข้างล่างกับอู่ชางเพื่อทำตามคำสั่ง
“มาช่วยพยุงข้าเข้าไปหน่อย” หวังฉิงพูดกับมู่หรงเสวี่ย
“อยากให้ข้าเข้าไปช่วย ไม่กลัวว่าข้าจะแทงเจ้าหรือไง”
“เจ้าไม่กล้าหรอก” หวังฉิงยืนมือออกมา
ใช่ เธอไม่กล้า มู่หรงก้าวออกมาพร้อมทั้งจับไปที่แขนเพื่อพยุงเขาและเธอก็ได้กลิ่นแรงของเลือดในทันที
เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บสาหัส น่าจะเกิดจากการระเบิดก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเล็กน้อย ซึ่งเดาว่าเขาน่าจะหนีไม่ทัน
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าไอ้สิ่งนั้นคืออะไร?” หวังฉิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” มู่หรงเสวี่ยรีบพยุงเขาเข้าไปในบ้านทันที
“ฮึ! เจ้าอยากที่ครองโลกกับผู้ปกครองของดินแดนดำมืดหรือไง? เจ้าคิดว่าถ้าข้ารู้ แล้วข้าจะปล่อยให้ดินแดนดำมืดนี่รอดไปได้งั้นเหรอ?”
“แล้ว? แล้วไงล่ะ? เจ้าอยากจะฆ่าข้าหรือไง?” มู่หรงไม่สนใจ
ในความคิดของเธอ อาวุธทางการทหารของทั้งสามดินแดนก็เทียบไม่ได้กับอาวุธสมัยใหม่หรอก