บทที่ 989 ผู้บุกรุกในยามวิกาล

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ภายในบ้านเลขที่-1ของหลิงหยุนเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว..
  หลังจากที่หลิงหยุนออกจากบ้านเพื่อแอบตามฉินตงเฉี่วยไปยังเขาหลงเหมินนั้นภายในบ้านจึงเงียบสงัด ทุกคนต่างกก็พากันฝึกฝนวิชาของตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ และไม่มีท่าทีเกียจคร้านเลยแม้แต่น้อย..
  เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลิงหยุนเมื่อตอนกลางวันนั้นได้กระตุ้นจิตสำนักของทุกคนที่อยู่ในบ้านให้เกิดความระมัดระวังตัว และนับว่าหลิงหยุนคาดเดาได้อย่างแม่นยำ เพราะเวลานี้กลิ่นอายของอันตรายได้ปกคลุมไปทั่วทั้งจิงฉูแล้ว แต่ถึงกระนั้นทุกคนที่อยู่ในบ้านกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว ทุกคนได้แปรเปลี่ยนความกดดันที่เกิดขึ้นให้เป็นพลังแทน เวลานี้ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนวิชากันอย่างเอาเป็นเอาตาย..
  แม้แต่เด็กสาวที่ไม่ค่อยมีความอดทนอย่างเสี่ยวเม่ยหนิงก็ยังนั่งลงฝึกวิชาอย่างตั้งใจ แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว เธอก็ยังคงนั่งฝึกวิชาอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่แม้แต่จะกลับไปพักที่ห้อง และยังคงนั่งหลับตานิ่งอยู่บนอาสนะเช่นนั้น..
  สำหรับเด็กสาวตัวแสบอย่างเสี่ยวเม่ยหนิงนั้นการกระทำเช่นนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำไป แต่ถึงแม้ว่าเสี่ยวเม่ยหนิงจะเป็นเด็กสาวเลือดร้อนเอาแต่ใจ และไม่เกรงกลัวผู้ใด อีกทั้งดูเหมือนจะไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใดด้วย แต่สิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือ.. การที่ต้องเห็นหลิงหยุนมีท่าทางเหน็ดเหนื่อย และมีแววตาท้อแท้สิ้นหวัง..
  แม้กระทั่งเสี่ยวเม่ยหนิงยังรู้สึกเช่นนี้จึงแทบไม่ต้องพูดถึงหนิงหลิงยู่ เหมี่ยวเสี่ยวเหมา หลินเมิ่งหาน และเหยาลู่เลย พวกเธอต่างก็พากันนั่งหลับตานิ่งอยู่บนอาสนะ และฝึกวิชาของตนเองไปอย่างเงียบๆ
  ยิ่งแทบไม่ต้องพูดถึงตี้เสี่ยวอู๋..เวลานี้นับว่าวิชานู่เตาของเขานั้นก้าวหน้าไปมากทีเดียว ทุกครั้งที่ตี้เสี่ยวอู๋ฝึกวิชานี้ พลังชี่ในร่างกายก็จะรุนแรงดั่งคลื่น และเกิดเป็นเสียงดังครืนๆ คล้ายคลื่นที่ซัดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  นอกเหนือจากชายหญิงทั้งหกคนที่ฝึกฝนวิชาอยู่ที่สวนนอกบ้านแล้วก็ยังมีอีกสามคนที่อยู่ภายในบ้าน..
  แน่นอนว่าในคืนนี้ถังเมิ่งไม่ได้กลับบ้านตัวเองและในเมื่อหลิงหยุนยังไม่กลับมา เขาเองก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เช่นกัน จึงยังคงรอหลิงหยุนอยู่ในห้องทำงานไปเรื่อยๆ และเวลานี้ถังเมิ่งก็กำลังเอนกายผ่อนคลายอยู่บนเก้าอี้อย่างสบาย แต่ยังคงเปิดคอมพิวเตอร์ค้างไว้..
  ถังเมิ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่ต้องทำไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกว้านซื้อที่บริเวณรอบๆเมืองใหม่หลินเจียง ทรัพย์สินมากมายของกู่เหลียนเฉิงที่ต้องทำการบูรณาการ และปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ และที่สำคัญที่สุดสำหรับถังเมิ่งก็คือ.. การก่อตั้งบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น..
  และด้วยงานในมือที่มากมายจนล้นเช่นนี้ต่อให้ถังเมิ่งใช้ทั้งสองมือสองเท้าพร้อมกัน ก็คงจะทำไม่ทันอย่างแน่นอน เวลานี้ถังเมิ่งจึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหมดเรี่ยวหมดแรงเป็นอย่างมาก..
  หากจะพูดตามตรง..เวลานี้ความสามารถของถังเมิ่งยังห่างไกลที่จะบริหารจัดการทรัพย์สินจำนวนมากมายของหลิงหยุนได้
  แต่ถังเมิ่งคือพี่น้องที่ตายแทนกันได้ของหลิงหยุนถังเมิ่งจึงต้องทำหน้าที่เป็นฐานให้กับหลิงหยุน และรับผิดชอบในงานของตนเองให้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่คู่ควร และมีคุณสมบัติพอที่จะเรียกหลิงหยุนว่าพี่ได้อีก..
  แต่นี่ก็นับว่าเป็นปัญหาใหญ่โตของเด็กหนุ่มที่เพิ่งอายุเพียงแค่สิบแปดปีอย่างถังเมิ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลยที่จะผงาดขึ้นมาในแวดวงธุรกิจได้ แต่เขาก็จำเป็นต้องปกปิดความลำบากใจนี้ไว้ เพราะไม่ต้องการเห็นแววตาผิดหวังของหลิงหยุน..
  ที่ห้องนอนชั้นสองของบ้าน..เกาเฉินเฉินยังคงไม่หลับไม่นอน เธอแอบเข้าไปในห้องนอนของหลิงหยุน และกำลังยืนมองผ่านกระจกหน้าต่างภายในห้องไปทางสวนด้านนอก สายตาของเกาเฉินเฉินที่มองทุกคนฝึกวิชาอย่างตั้งอกตั้งใจนั้นแฝงไว้ด้วยความอิจฉา..
  สามเดือน..เพียงแค่สามเดือนเท่านั้น หนิงหลิงยู่ที่เคยเป็นเพียงเด็กนักเรียนหญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่เวลานี้กลับสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8 ได้แล้ว ในขณะที่ตี้เสี่ยวอู๋อยู่ในระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-6 แม้กระทั่งเด็กสาวหน้าตาน่ารักอย่างหนิงน้อย ก็ยังสามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-5 ได้เช่นกัน..
  แต่ตัวเธอเองที่ต้องผ่านความเป็นความตายมานั้นกลับทำได้เพียงแค่ยืนมองนิ่งๆ และถูกทิ้งไว้ข้างหลังเขาและเธอเหล่านั้น
  เกาเฉินเฉินเป็นหญิงสาวที่มีบุคลิกเข้มแข็งและไม่ต้องการเดินตามหลังผู้อื่น เวลานี้เห็นคนอื่นๆ ทิ้งห่างตนเองไปอย่างมากเช่นนี้ แม้ว่าสีหน้าจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ภายในใจลึกๆ ก็ไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน!
  ยิ่งไปกว่านั้น..คนในตระกูลเกาเวลานี้ก็ยังต้องทุกข์ทนอยู่กับสภาพที่ไม่ใช่มนุษย์ เธอจึงปรารถนาที่จะได้ฝึกฝนวิชาให้ก้าวหน้าโดยเร็วที่สุด!
  และทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องเหล่านี้เกาเฉินเฉินก็แทบจะทนรอไม่ไหว เธออยากจะเข้าไปหยิบมีดในครัว แล้วตรงเข้าไปที่ห้องเก็บของในสวนหลังบ้าน จัดการจ้วงแทงเฉินเจี้ยนกุ่ยให้หนำใจ..
  แต่เพราะหลิงหยุนยังไม่สามารถคิดค้นโอสถที่จะสามารถรักษาคนตระกูลเกาได้เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงยังตายไม่ได้ เกาเฉินเฉินจำต้องอดทนอดกลั้นต่อความเคียดแค้นภายในใจไว้..
  จากนั้นเกาเฉินเฉินจึงค่อยๆหันหน้ามองไปทางเขาหลงเหมิน และครุ่นคิดถึงเด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่ได้ช่วยชีวิตของเธอไว้ และกำลังรอคอยการกลับมาของเขาอยู่..
  “หลิงหยุน..นายบอกว่าถ้าฉันเริ่มฝึกวิชาเมื่อไหร่ ก็จะสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าทุกคน ฉันเองก็จะรอคอยให้ถึงวันนั้น..”
  ส่วนไป๋เซียนเอ๋อนั้นได้กลับไปที่ห้องนอนของตนเองซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของหลิงหยุนแล้วจัดการเปลี่ยนเป็นชุดผ้าแพรไหมดำ และกำลังนั่งฝึกฝนวิชาจิ้งจอกสวรรค์เหินอยู่บนเตียง..
  ตั้งแต่กลับมาจากเกาะเตียงหยูนั้นนอกเหนือจากหลิงหยุนแล้ว ไป๋เซียนเอ๋อซึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหาง ก็ไม่เคยสนใจสิ่งอื่นใดบนโลกใบนี้เลย ทุกวันนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว นางก็ไม่ทำสิ่งอื่นเลย..
  แต่ระหว่างที่นั่งฝึกวิชาอยู่บนเตียงนั้นไป๋เซียนเอ๋อก็ลืมตาหรี่เล็กที่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างสุนัขจิ้งจอกขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างของนางเวลานี้มีลูกไฟสองลูกลุกโชนขึ้น จากนั้นไป๋เซียนเอ๋อก็ได้ยื่นฝ่ามือที่ขาวราวหิมะทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า และเพียงแค่คิด ลูกไฟขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนางอย่างเหลือเชื่อ..
  และทันทีที่ลูกไฟปรากฏขั้นอุณหภูมิภายในห้องนอนก็สูงขึ้นทันที!.novel-lucky.
  ไป๋เซียนเอ๋อจ้องมองเปลวไฟบนฝ่ามือและเพียงแค่คิดขึ้นมาอีกครั้ง เปลวไฟนั้นก็ค่อยๆ แปรสภาพเป็นด้ามจับ..
  จากนั้นเปลวไฟที่เหลือก็ค่อยๆแปรสภาพเป็นรูปมังกรไฟขนาดเท่าสามไม้บรรทัด แล้วมังกรงไฟจึงค่อยๆ ยืดตัวกลายเป็นดาบไฟที่มีขนาดยาว..
  ทั้งด้ามจับตัวดาบ และคมดาบ ต่างก็มีเปลวไฟลุกโชนเจิดจ้า ไอความร้อนพวยพุ่งออกมาอย่างน่ากลัว แต่กลับไม่มีสะเก็ดไฟ หรือเปลวไฟหล่นลงมา..
  และนี่ก็คือ..ดาบมังกรไฟ!
  “หลังจากที่ฝึกวิชาฝ่ามือเพลิงสวรรค์แล้วการฝึกวิชาดาบมังกรไฟก็ง่ายขึ้นมากทีเดียว..”
  ไป๋เซียนเอ๋อพึมพำขณะที่จ้องมองดาบมังกรไฟในมือของตนเองและเปลวไฟที่ปรากฏอยู่ก็ค่อยๆหายไป เหลือเพียงดวงตากลมโตพร้อมกับร้อยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ก่อนจะร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ..
  “เยี่ยม!”
  ระหว่างที่กำลังดีอกดีใจอยู่นั้นไป๋เซียนเอ๋อก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที ก่อนจะทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนัก..
  “รนหาที่ตาย!”
  และทันทีที่ไป๋เซียนเอ๋อมั่นใจว่าประสาทสัมผัสของตนเองนั้นถูกต้องร่างของนางจึงพุ่งออกไปทางหน้าต่างห้องนอนทันที!
  -ทุกคน..หยุดฝีกวิชาได้แล้ว และเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกยามวิกาล!-
  และยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงพูดของไป๋เซียนเอ๋อร่างบอบบางของนางก็กระโดดหมุนตัวขึ้นไปกลางอากาศ และไปยืนอยู่บนหลังคาบ้านแล้ว..
  ไป๋เซียนเอ๋อร้องบอกทุกคนในบ้านผ่านกระแสจิตทุกคนจึงได้ยินคำพูดของนางอย่างชัดเจน และทันทีที่ได้ยินคำพูดของไป๋เซียนเอ๋อ ทุกคนก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที..
  และเนื่องจากทุกคนได้มีการเตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดีแล้วจึงไม่มีผู้ใดหวาดหวั่นต่อศัตรูที่มาถึงเลยแม้แต่น้อย..
  ทันทีที่หนิงหลิงยู่ลืมตาขึ้นเธอก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคายืนเคียงข้างไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับมองลงไปที่พื้นด้านล่าง..
  แต่หนิงหลิงยู่เพิ่งจะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8ประสาทสัมผัสจึงยังห่างไกลไป๋เซียนเอ๋อมากนัก เธอจึงไม่เห็นความผิดปกติใดๆ และสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวใดๆไม่ได้เลย..
  “น้องเซียนเอ๋อ..ศัตรูอยู่ที่ใหนเหรอ”
  เวลานี้สีหน้าของไป๋เซียนเอ๋อดูเหมือนจะกำลังโกรธมากนางมองไปยังเนินเขาที่อยู่ด้านข้าง สายตาของนางกำลังกวาดมองไปที่ตีนเขา และยอดเขาเพื่อสำรวจอย่างละเอียด
  “ศัตรูมากมายกำลังจะบุกเข้ามาที่นี่ในอีกไม่ช้า!ดูเหมือนที่เนินเขานั่นจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากมายซุ่มอยู่..”
  บ้านเลขที่-1ของหลิงหยุนนั้น ทางด้านซ้ายของบ้านมีเนินเขาสีเขียวเตี้ยๆอยู่ลูกหนึ่ง ดูเหมือนจะมีความสูงเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น เนินเขาลูกนี้มีต้นไม่ขึ้นหนาแน่น และมีถนนที่ทอดขึ้นไปยังเนินเขาเพื่อให้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ขึ้นไปชื่นชมความงามของทะเลสาบ และภูเขาต่างๆ
  แต่ในขณะเดียวกัน..เนินเขาเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นจุดบอดในเรื่องความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ เพราะเป็นสถานที่ที่ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถขึ้นไปซ่อนตัว และบุกลงมากลางดึกได้..
  แต่ด้วยประสาทสัมผัสของไป๋เซียนเอ๋อประกอบกับแสงจันทร์บนท้องฟ้า และแสงไฟต่างๆ ทำให้นางสามารถมองเห็นการสั่นไหวของต้นไม้ภายในป่าได้ อีกทั้งยังเห็นชัดเจนว่ามีคนเดินไปเดินมาอยู่ในป่า และมีอีกสองสามคนที่ยืนอยู่บนยอดเขา และกำลังจ้องมองมาที่บ้านหลังนี้..
  “ดูเหมือนจะมียอดฝีมือสั่งการอยู่บนเนินเขาคืนนี้คงจะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างแน่นอน!”
  จากนั้นไป๋เซียนเอ๋อจึงเริ่มสั่งการกับคนที่อยู่ภายในบ้านทั้งหมด..
  -ทุกคนฟังข้าให้ดี..เตรียมยันต์เทวะเหิน ยันต์เพชร ยันต์เกราะสำหรับป้องกันตัวเองไว้ให้ดี แล้วก็เตรียมยันต์เตโชกับยันต์บำบัดไว้ให้เพียงพอสำหรับตัวเองด้วย ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดีก็พอ..-
  -ส่วนเรื่องสังหารผู้ที่บุกรุกเข้ามานั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!–
  หนิงหลิงยู่พยักหน้าพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของไป๋เซียนเอ๋อทันทีและรีบกระโดดลงจากหลังคาเพื่อเข้าไปรวมกลุ่มกับทุกคนด้านล่าง..
  ส่วนไป๋เซียนเอ๋อนั้นหลังจากที่สั่งการทุกคนแล้วนางก็กระโดดลงจากหลังคาเช่นกัน..
  สมุนไพรทั้งสามต้นของหลิงหยุนนั้นไป๋เซียนเอ๋อรู้ดีว่ามันคือสมบัติที่ล้ำค่า และยังสำคัญกับเขามากอีกด้วย นางจึงรีบกระโดดลงไปเพื่อปกป้องสมุนไพรทั้งสามต้นทันที..
  หวังเฟยฮู๋และลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องเก็บของ ก็รีบเดินเข้าไปหาไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
  “เชิญแม่นางออกคำสั่งได้เลย..”
  ไป๋เซียนเอ๋อร้องสั่งว่า“พวกเจ้าสามคนเฝ้าพวกมันสองคนไว้ให้ดี อย่าให้พวกมันหนีออกไปได้!”
  ไป๋เซียนเอ๋อพูดยังไม่ทันจบดี..ไฟฟ้าภายในบ้านเลขที่-1 ก็ดับพรึบลงทันที!
  ทางด้านทิศเหนือของบ้านเลขที่-1มียอดฝีมือสวมชุดดำหลายสิบคนวิ่งออกมาจากป่าทึบพร้อมด้วยอาวุธในมือ และกำลังตรงมาที่บ้านหลังนี้!