SD:บทที่ 26 วางเดิมพัน

 

ในขณะเดียวกันเมื่อ ซู ฉิวไป่ ใกล้ถึงเส้นชัยเขาจงใจชะลอความเร็วลง เขาคิดว่าอย่างน้อยนักแข่งอีก 2 คนจะต้องใช้เวลา 5 นาทีก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ฝูงชนที่ควรจะเชียร์เมื่อรถคันแรกวิ่งผ่านเส้นชัยพวกเขาต่างเงียบกริบ

หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ หยุดรถของเขาแล้วเขาหยิบน้ำแร่ขึ้นมา 1 ขวดจากท้ายรถแล้วส่งให้กับ อู่ซง  จากนั้นเขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบอีก 1 มวน

ทุกคนต่างจ้องมองเขาด้วยความสับสน

เขากำลังทำอะไร?การแข่งขันยังไม่จบ….เกิดอะไรขึ้นนี่เป็นการหยุดพักใช่ไหม?

ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาทุกคนจ้องไปที่ ซู ฉิวไป่  ผู้ที่กำลังสูบบุหรี่และนั่งสบายใจอยู่ในรถแท็กซี่ของเขา

เซี่ยเซียวมู่ เป็นเพียงคนเดียวในฝูงชนที่ถูกครอบงำด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขา

นี่มันคือปาฏิหาริย์ที่แสนเหลือเชื่อ!

ถ้ามีคนบอกว่ารถแท็กซี่สามารถแซงมาเซราติและเฟอร์รารี่ได้ และคนขับรถแท็กซี่ยังมีเวลาดับกระหายด้วยการสูดควันเข้าปอด คุณจะคิดว่าคนๆนั้นเป็นคนเสียสติ!

อย่างไรก็ตามมันเป็นความจริงต่อหน้าทุกคนในตอนนี้!

แต่ เซี่ยเซียวมู่ ยังคงรู้สึกกังวลใจโดยเฉพาะหลังจากที่เห็น ซู ฉิวไป่ สละเวลาของตัวเองเพื่อนั่งสูบบุหรี่บนรถ

พี่ชายการแข่งขันยังไม่จบ คุณไม่เจ๋งขนาดนั้นใช่ไหม*?*

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลังเลที่จะเข้าไปหา ซู ฉิวไป่ ในที่สุดเขาก็ได้แต่ยืนเกาหัวอย่างประหม่า

เมื่อถึงเวลาที่ ซู ฉิวไป่ สูบบุหรี่เสร็จและดื่มน้ำอีก 2-3 อึกเสียงรถสปอร์ตที่คุ้นเคยก็ดังใกล้เข้ามาจากทางโค้งที่อยู่ด้านหลัง

เขามาแล้ว!

ทุกคนเงยหน้าขึ้น แต่ความตื่นเต้นและความคาดหวังที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกได้เริ่มจางหายไปนานแล้ว ในความเป็นจริงทุกคนต่างรู้สึกคนอื่น ในตอนแรกเมื่อฝูงชนเห็นรถของ ซู ฉิวไป่ เข้าถึงเส้นชัย เขาคิดว่ารถของ จุน เสี่ยวเตา หรือไม่ก็รถของ เฉา ตั้วเฟย อาจเกิดความผิดปกติ แต่เมื่อฟังเสียงเครื่องยนต์พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าสมมติฐานของพวกเขานั้นผิด ความจริงก็คือรถแข่งทั้ง 2 คันยังคงไล่ตามหลังรถแท็กซี่อย่างเต็มกำลัง

ในขณะเดียวกันเมื่อ ซู ฉิวไป่ ได้ยินเสียงรถที่กำลังมาถึง เขารู้ว่า จุน เสี่ยวเตา ใกล้จะตามเขาทันเขาจึงหันกลับมามอง อู่ซง  เหตุผลที่เขาพักนานก็เนื่องจาก อู่ซง ไม่สามารถทนความเร็วได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้น ซู ฉิวไป่ คงสามารถทำสถิติเข้าเส้นชัยรอบ 2 ไปแล้ว

โอ้ ฉันเหมือนกำลังแกล้งเด็ก ในการแข่งขันครั้งนี้ ไม่มีแรงกดดันเลย

เมื่อ อู่ซง สามารถฟื้นฟูขึ้นมา ซู ฉิวไป่ เริ่มขับรถแท็กซี่ของเขาอีกครั้ง

ด้านหลังของ ซู ฉิวไป่ เป็นรถมาเซราติของ จุน เสี่ยวเตา ที่เพิ่งออกมาจากโค้ง ที่จริงเขารู้สึกหดหู่อยู่แล้ว เขาเร่งเครื่องด้วยความเร็วสูงสุดแต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นแท็กซี่ของ ซู ฉิวไป่ เลย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกอับอายเมื่อกลับมาถึงเส้นชัย แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ไฟรถของเขาส่องบนเส้นชัยเขาก็สามารถมองเห็นแท็กซี่ที่จริงช่วงเขาไปไกลอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

เขาอยู่ข้างหน้าฉัน!

ใช่แล้วยังมีความหวัง ฉันจะควบตามเขาได้เร็วๆนี้!

จุน เสี่ยวเตา เค้น วิญญาณการต่อสู้ของเขามาในขณะที่เขาเร่งความเร็วโดยไม่ลังเล

มาเซราติพุ่งผ่านเส้นชัยเหมือนสายฟ้าสีดำ อย่างไรก็ตามรถแท็กซี่ได้หายไปจากจุดนั้นแล้ว

มีหลายคนกำลังอ้าปากค้างใช้เวลาพอสมควรที่เขาจะกลับมามีสติตอบโต้อีกครั้ง ในที่สุด จุน เสี่ยวเตา ก็คิดอะไรบางอย่าง

เป็นไปได้ไหมที่…ยังมีความหวังสำหรับฉันที่จะชนะเกมนี้*?*

ยังมีความวิตกกังวลลดเหลืออยู่ในใจ  ทุกคนมากมายต่างเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่ารถสปอร์ตทั้ง 2 คันต้องมีความผิดปกติบางอย่าง แน่นอนว่าพวกเขาจะสามารถติดตามรถแท็กซี่ของ ซู ฉิวไป่ ได้ในรอบนี้

แต่เมื่อ เฟอรารี่ ของ เฉา ตั้วเฟย มาถึงเส้นชัยความหลังเล็กๆของพวกเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์

“มันคือสัตว์ประหลาด…ฉันจะไม่แข่งต่อ…”

ไม่มีใครคาดคิดว่าหัวหน้าแก๊งรถซิ่งจะจอดรถบนริมถนนและยอมแพ้

“พี่เฟยคุณกำลังทำอะไร ทำไมคุณถึงพึ่งมาเอาตอนนี้?”

ชายหัวโล้นจ้องมองอย่างเศร้าสลดใจที่ เฉา ตั้วเฟย พร้อมกับเหงื่อที่แตก

“นายหมายความว่ายังไง ผมพึ่งกลับมาเอาตอนนี้? นายไม่ได้ดูเวลาหรอ ฉันพยายามทำเวลาเร็วที่สุดแล้ว!”

เฉา ตั้วเฟย รู้สึกตึงเครียดเขาเป็นผู้นำของแก๊งนักซิ่งแต่วันนี้เขาต้องรู้สึกอับอาย

“แต่นั่นมันรถแท็กซี่…”

เมื่อสังเกตเห็นความโกรธของ เฉา ตั้วเฟย ชายหัวล้านรีบจบประโยคของเขาอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฉา ตั้วเฟย รู้สึกผิดหวังทันทีเขาเกาหัวก่อนที่จะส่งเสียงดัง

“ฉันไม่ได้พูดก่อนหน้านี้หรอ?ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาด…มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแข่งขันกับเขา!”

เขาบ่นออกมาประโยคสุดท้ายของเขาเบาเกินจนชายหัวล้านจะได้ยินอย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่กล้าตั้งคำถามเพิ่มเติม

“ถ้าอย่างนั้นการแข่งในครั้งนี้…”

“ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ของฉัน!”

อาจเป็นไปได้ว่า เฉา ตั้วเฟย นั้นยอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ดังนั้นเขาจึงพูดความจริงออกไปโดยไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นกันแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนกระซิบกับชายหัวล้าน

“แล้วมาเซราติล่ะ รถคันไหนเข้าถึงเส้นชัยก่อนกัน?”

ชายหัวล้านมองไปที่ เฉา ตั้วเฟย และเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่งแม้แต่รายละเอียดที่เล็กที่สุดเช่น ซู ฉิวไป่ สบัดเถ้าบุหรี่ลงมาจากหน้าต่างก็ยังถูกกล่าวถึง หลังจากนั้นชายหัวล้านก็ถามว่า

“มาเซราติไม่ได้เกิดความขัดข้องใช่ไหม?”

“ขัดข้องอะไร? ฮ่าฮ่า ..ฉันรู้แล้ว! จุน เสี่ยวเตา คงคิดว่าเขาสามารถไล่ตามแท็กซี่ได้ทัน..ฮ่าฮ่า..”

เมื่อหัวเราะผ่านไปครึ่งทาง เฉา ตั้วเฟย หยุดหัวเราะอย่างรวดเร็วเขาเดาว่าคนอื่นๆอีกหลายคนคงคิดว่ารถสปอร์ตมีปัญหาบางอย่างดังนั้นเขาจึงสั่งให้ชายหัวล้านไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาจ้องมองไปยังทิศทางของ กู่ เฉิงหยา และเดินไปช้าๆพร้อมกับวางแผนที่จะเก็บเกี่ยวในใจของเขา

“เฮ้…นี่คือมาตรฐานของผู้นำแก๊งรถซิ่งอย่างนั้นหรอ?คุณยอมแพ้หลังจากแข่งเพียงรอบเดียว?”

วัยรุ่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามข้างๆ กู่ เฉิงหยา สังเกตเห็นว่า เฉา ตั้วเฟย กำลังเดินเข้ามาเขาจึงเริ่มเยาะเย้ยทันที

อย่างไรก็ตาม เฉา ตั้วเฟย ค่อนข้างผ่อนคลายและพูดว่า

“เมื่อมีความห่างชั้นมากจนเกินไปก็ไม่มีความหวัง ดังนั้นยอมแพ้ซะดีกว่า”

เขาเพิ่งพบหลักการนี้จัดการแข่งขันในครั้งนี้

“ผมอาจจะแพ้แต่ จุน เสี่ยวเตา ก็ไม่สามารถเอาชนะได้เช่นกัน!นี่เป็นเกมแข่ง 3 คน”

เฉา ตั้วเฟย จ้องมองวัยรุ่นกล้ามโตที่กำลังหัวเราะอยู่

“เหลวไหล คุณคิดว่าเสี่ยวเตาจะไม่สามารถเอาชนะคนขับแท็กซี่ได้อย่างนั้นหรอ?รถของเขาต้องมีเหตุขัดข้องก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน!”
เด็กชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินคำพูดของ เฉา ตั้วเฟย

“ ตกลง ผมจะยอมรับ ว่าเขาพบปัญหาเล็กน้อยบนท้องถนนนั่นคือสาเหตุที่เขาถูกรถแท็กซี่แซง แต่ยังไงเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้ในตอนนี้!”

เฉา ตั้วเฟย ดึงความสามารถทั้งหมดของเขาในเรื่องศิลปะการแสดงเพื่อแสดงละครให้ดูสมจริง

เด็กชายกล้ามโตเห็นด้วยกับคำพูดของ เฉา ตั้วเฟยทันทีดังนั้นเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายมากหลังจากได้ยิน เฉา ตั้วเฟย พูด

ดังนั้นความจริงก็คือมาเซราติเกิดการขัดข้องก่อนหน้านี้มันไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวเตา ต้องพูดว่าเป็นไปไม่ได้ที่แท็กซี่จะเอาชนะในการแข่งขันในครั้งนี้!”

“ถ้าคุณไม่มีความสามารถที่จะแซงแท็กซี่ได้ก็อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น”

วัยรุ่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามยังคงเยาะเย้ย เฉา ตั้วเฟย  อีกหลายคนที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะเช่นกัน

เฉา ตั้วเฟย หน้าแดงด้วยความรำคาญ

“คุณกล้าเดิมพันกับผมไหมล่ะ หาก จุน เสี่ยวเตา แพ้คุณจะต้องมอบทะเบียนเลข6 4ตัว ให้กับผม!

ในความเป็นจริง เฉา ตั้วเฟย ได้วางแผนก่อนหน้าที่เขาจะเดินมาหาคนเหล่านี้ เขาค่อนข้างรู้ว่ามีป้ายทะเบียนเลข6 4ตัวเพิ่งทำขึ้นเมื่อเร็วๆนี้และชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อคนนี้อยู่ในแผนของเขา

คำพูดของเขาทำให้ชายหนุ่มปากกระตุก ด้วยสายตาของสหายทั้งหลายที่มองมาที่เขาทำให้ชายหนุ่มคนนั้นแทบเสียสติ

“ผมจะได้อะไรหากเสี่ยวเตาเป็นผู้ชนะ?”

“ถ้าเขาชนะผมจะมอบ เฟอรารี่ ของผมให้!”

เฉา ตั้วเฟย ประกาศทันที

ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกตื่นเต้นทันทีเขาจ้องมอง เฟอรารี่ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาในสนามแห่งนี้แล้วและไม่คาดหวังว่าเขาจะได้รับโอกาสชนะอย่างง่ายดาย

“ตกลงผมยอมรับ!”

ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นด้วยกับ เฉา ตั้วเฟย  เฉา ตั้วเฟย ก็เริ่มหัวเราะทันที

โชคของฉันมาแล้ว…ไม่คาดคิดว่าจะได้รับมากในวันนี้

เสียงหัวเราะที่ไม่สามารถอธิบายได้ของเขาทำให้ชายหนุ่มและเพื่อนคนรอบข้างรู้สึกตกใจ

เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้?เขารู้ว่าเขาต้องสูญเสีย เฟอรารี่ ไปนั่นคือเหตุผลทำให้เขาต้องเสียสติอย่างนั้นหรอ?

“เฮ้ คุณหัวเราะอะไร”ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกไม่ดีและขอคำอธิบาย

“ผมหัวเราะอะไรหรอ คุณจะรู้ในภายหลัง..” เฉา ตั้วเฟยกล่าวจบและหันหลังไป

“คุณถูกโกงแล้ว มาเซราติไม่มีการขัดข้องใดๆ”

กู่ เฉิงหยา ที่จ้องมองด้านหลังของ เฉา ตั้วเฟย พูดขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์เสียและจ้องมอง กู่ เฉิงหยา อย่างหนักใจที่จะยอมรับความจริง

“คุณหมายความว่าเสี่ยวเตาจะไม่สามารถเอาชนะคนขับแท็กซี่ได้อย่างนั้นหรอ?”

ชายหนุ่มรู้สึกมันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเกินไปแม้แต่ประโยคพูดของเขาก็ยังคงไม่เชื่อถือ

กู่ เฉิงหยา ส่ายหัวของเธอ เธอไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

ในขณะที่ทุกคนกำลังรออยู่ที่เส้นชัย…เสียงรถที่คุ้นเคยก็เข้าใกล้มาอีกครั้ง

ทุกคนได้ยินเสียงเดียวกันก่อนหน้านี้ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า…..รถแท็กซี่อยู่ในอันดับ 1 อีกครั้ง!

ใบหน้าของชายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อซีดเซียวเหมือนขี้เถ้า ในขณะที่ เฉา ตั้วเฟย ตะโกนเชียร์อย่างมีความสุขจนลืมไปว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันก่อนหน้านี้

ซู ฉิวไป่ จอดรถแท็กซี่ของเขาเพราะเขาตั้งใจที่จะพักผ่อนอีกครั้งเขาสันนิษฐานว่ามาเซราติจะต้องใช้เวลามากขึ้นในรอบนี้

อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยเขาก็เห็น เฉา ตั้วเฟย วิ่งมาหาเขาอย่างมีความสุข

จิตใจของเขาเริ่มสับสนและไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเห็น

เขากำลังทำอะไร?ฉันคิดว่าเขากำลังแข่งกับฉันอยู่ ทำไมเขาถึงออกจากสนาม?”

ในขณะที่ ซู ฉิวไป่ เกาหัว เฉา ตั้วเฟย ก็ได้วางแขนของเขาไว้บนหน้าต่างรถแท็กซี่และพูดว่า

“ พี่ใหญ่ ผมขอยอมแพ้”

เมื่อได้ยินคำพูดของ เฉา ตั้วเฟย  ซู ฉิวไป่ ต้องขบคิด เขาวางแผนที่จะแข่งขันอีก 2 รอบแต่เนื่องจาก เฉา ตั้วเฟย นั้นยอมรับความพ่ายแพ้แล้วดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการแข่งขันอีกต่อไป  ดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงเปิดประตูรถและกำลังลงจากรถ ท่าทีของ ซู ฉิวไป่ ทำให้ เฉา ตั้วเฟย รู้สึกกังวล

“พี่ใหญ่คุณลงจากรถทำไม?”

ซู ฉิวไป่ ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ในเมื่อคุณยอมรับความพ่ายแพ้แล้วทำไมผมยังต้องแข่งอีกต่อไป?คุณต้องการให้ผมทำตามคำพูดโดยการวิ่งนำหน้าคุณถึง 5 รอบอย่างนั้นหรอ?”

“ไม่!ไม่ใช่ ผมแพ้แล้ว…แต่คุณอย่าเพิ่งจบการแข่งขันได้ไหม?คุณเพียงแต่ต้องเอาชนะมาเซราติ”

เฉา ตั้วเฟย อ้อนวอนในขณะที่เขาใช้มือทั้งสองผสานกัน พี่น้องของเขาที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตกใจ

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้านายของพวกเขาพูดคุยกับคนอื่นอย่างสุภาพ

“ผมจะไม่ทำ” ซู ฉิวไป่ ปฏิเสธโดยไม่ลังเลและกำลังขึ้นแท็กซี่  เฉา ตั้วเฟย รู้สึกเป็นกังวลเป็นอย่างมากเขาจะต้องสูญเสีย เฟอรารี่ หาก ซู ฉิวไป่ ไม่แข่งจนจบ

“พี่ใหญ่ได้โปรดขับแท็กซี่ ตราบใดที่คุณสามารถจบการแข่งขันและเอาชนะ จุน เสี่ยวเตา ในการแข่งขันได้ผมจะเรียกคุณว่าพี่ชายตลอดไป!”

เหงื่อไหลจรดหน้าผากของ เฉา ตั้วเฟย ในการช่องมอง ซู ฉิวไป่ อย่างจริงใจ ในที่สุด ซู ฉิวไป่ ก็หยุดพยายามที่จะดื้อดึงเขามองกลับมาที่ เฉา ตั้วเฟย และถามขึ้นอย่างจริงจังว่า

“การเป็นพี่ชายของคุณ ผมจะได้อะไร?”

—————————————————–