SD:บทที่ 27 อันตราย

 

ในฐานะผู้นำแก๊งรถซิ่ง เฉา ตั้วเฟย รู้สึกตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินคำพูดของ ซู ฉิวไป่  เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนสงสัยว่าการเป็นพี่ชายของเขานั้นมันมีประโยชน์อย่างไร เมื่อสังเกตเห็นว่า ซู ฉิวไป่ ตั้งใจที่จะออกจากรถแท็กซี่อีกครั้ง เฉา ตั้วเฟย ก็รู้ว่าเขาไม่ควรลังเลอีกต่อไป

“ พี่ใหญ่ อย่าเพิ่งออกจากรถ หากคุณชนะ จุน เสี่ยวเตา คุณจะเป็นผู้นำของแก๊งรถซิ่งและไม่มีใครกล้าข่มขู่ เซี่ยเซี่ยวมู่ คุณไม่ใช่เพื่อนกับพี่สาวของเขาหรอกหรอ?คุณต้องการที่จะช่วยเขาใช่ไหม”

ในที่สุด เฉา ตั้วเฟย ก็สามารถหาความหวังสุดท้ายของเขาโดยการกล่าวถึง เซี่ยเซียวมู่ เท่านั้น

อันที่จริง คำพูดของเขามีผลกระทบต่อ ซู ฉิวไป่

เห็นได้ชัดว่า เซี่ยหรงหรง นั้นรักน้องชายของเธอมาก หากสิ่งที่ เฉา ตั้วเฟย พูดเป็นความจริงข้อเสนอนี้ค่อนข้างได้เปรียบ

หลังจากพิจารณาแล้ว ซู ฉิวไป่ ก็ปิดประตูรถและนั่งจุดบุหรี่

“ตกลงผมจะช่วยคุณให้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ หาก เซี่ยเซียวมู่ ตกอยู่ในอันตรายในครั้งต่อไปผมจะเพ่งเล็งคุณโดยตรง”

ในขณะที่เขาสูบบุหรี่เขาสังเกตเห็นว่า เฉา ตั้วเฟย ยิ้มให้กับเขา

“อย่ากังวลไปเลยพี่ใหญ่ มีเพียงแก๊งรถซิ่งเท่านั้นที่จะสามารถข่มขู่คนอื่นไม่มีใครกล้าข่มขู่พวกเราที่นี่!”

เฉา ตั้วเฟย ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข  ตราบใดที่ ซู ฉิวไป่ ตกลงที่จะช่วย ฉันก็จะไม่สูญเสียสิ่งใด

ป้ายทะเบียนรถไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่การทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของแก๊งจากพวกเมืองตงไห่นั้นสำคัญกว่ามาก นอกจากนี้ยังเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ให้ผู้ขับที่มีความสามารถได้อยู่ในฐานะผู้นำแก๊งรถซิ่ง!

เดิมที เฉา ตั้วเฟย ต้องการที่จะให้ ซู ฉิวไป่ ขับรถแท็กซี่ออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วมันเหลือการแข่งขันเพียง 3 รอบเท่านั้น จะเป็นอย่างไรถ้า จุน เสี่ยวเตา สามารถขับรถตามได้ทันเวลาในขณะที่ ซู ฉิวไป่ กำลังสูบบุหรี่อย่างสบายใจ?

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคเขาก็ถูกขัดจังหวะโดย ซู ฉิวไป่ ที่บอกเขาว่า  มันยังเร็วเกินไป

ก่อนหน้านี้ฝูงชนได้เฝ้าดูคนขับรถแท็กซี่สูบบุหรี่และพูดคุยแทนที่จะมุ่งเน้นในการแข่งขัน มันเกินกว่าที่คาดคิดแต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เขายังคงอยู่ในอันดับแรก!

ในขณะที่ชายหนุ่มนักกล้ามและแก๊งของเขาล้วนแต่หน้าซีด พวกเขาจะมีความสุขได้อย่างไรเนื่องจากอับอายจากการสูญเสียชื่อเสียงในเกมการแข่งขันไม่ใช่เพราะป้ายหมายเลขทะเบียน

แก๊งของพวกเขาประกาศตัวว่ามาจากเมืองตงไห่ อีกทั้งพวกเขายังมาพร้อมกับนักแข่งมืออาชีพ แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

บางทีอาจมีเพียง กู่ เฉิงหยา ที่ยังคงดูสงบที่สุดในนั้น เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของ ซู ฉิวไป่

เขาเป็นคนแบบไหนกัน?

เห็นได้ชัดว่าคนขับแท็กซี่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและดูเงียบๆ ๆเขาดูเท่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่อดทนกับลูกๆของเขา

….

หลังจากสูบควันเข้าปอดเสร็จ ซู ฉิวไป่ พักอีกสักครู่ก่อนที่จะขับรถออกไปเมื่อเห็นมาเซราติขับรถมาถึงโค้งเดิม

จุน เสี่ยวเตา ไล่ล่ารถแท็กซี่มาตลอดทางและไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นรถแท็กซี่อีกครั้งที่เส้นชัย สิ่งนี้ทำให้ความหวังของเขาแรงกล้ามากยิ่งขึ้น ราวกับมีเสียงในใจของเขาบอกกับเขาว่าเขาจะสามารถแซงรถแท็กซี่ได้ในรอบต่อไป

เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าการที่เขาเห็นรถแท็กซี่อยู่ที่เส้นชัยเสมอ เพราะคนขับต้องการที่จะสูบบุหรี่และพักผ่อนก่อนที่จะแข่งต่อไป

ทุกรอบมันเป็นเหมือนเดิม รอบที่ 3  รอบที่ 4  จนกระทั่งรอบสุดท้าย!

จุน เสี่ยวเตา กระโดดออกจากรถของเขาเขารู้สึกว่าเกมส์การแข่งขันครั้งนี้เฉียดฉิวเขาเกือบชนะแม้จะแพ้ในรอบสุดท้ายดังนั้นเขาจึงพยายามยั่วยุ ซู ฉิวไป่ ต่อหน้าฝูงชนทั้งหมด  ทุกคนต่างมองเขาราวกับคนงี่เง่า

การแข่งขันที่เฉียดฉิวอย่างนั้นหรอ?คนขับรถแท็กซี่นำเขาในเวลา 5-6 นาทีในทุกรอบ คุณเรียกนิว่าการแข่งขันที่เฉียดฉิวอย่างนั้นหรอ?

ซู ฉิวไป่ ยังคงเงียบแต่กลุ่มผู้คนเริ่มเยาะเย้ย จุน เสี่ยวเตา

“ ไร้ยางอายจริงๆ! นายไม่ใช่นักขับมืออาชีพใช่ไหม!”

“นี่เป็นการแข่งขันที่เฉียดฉิวมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น ฮ่าฮ่า!”

“นี่คือมาตรฐานของนักแข่งจากเมืองตงไห่อย่างนั้นหรอ…”

จุน เสี่ยวเตา รู้สึกสับสน ในขณะนั้นเองชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ดึงเขาออกไปและกระซิบรายละเอียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขารู้สึกโดนดูถูกอย่างมากโดยเฉพาะต่อหน้า กู่ เฉิงหยา  เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องจริงมันจะเป็นเช่นนี้ เมื่อฟังเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง จุน เสี่ยวเตา รู้สึกราวกับเขาเป็นคนโง่ที่อยู่ในเครื่องแบบนักแข่ง

“เสี่ยวเตา คุณทำได้ดีมาก ขอบคุณที่ทำงานหนัก” กู่ เฉิงหยา สังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่ดีนะเธอจึงเริ่มปลอบใจเขา อย่างไรก็ตามคำปลอบใจของเธอดูเหมือนจะเป็นจุดไฟที่อยู่ในใจของ จุน เสี่ยวเตา อย่างสมบูรณ์

เขารู้สึกโกรธสุดจะพรรณนาราวกับไฟลุกในใจของเขาเขาจ้องมอง ซู ฉิวไป่ ด้วยตาแดงก่ำในขณะที่ ซู ฉิวไป่ หันหลังให้กับเขาอยู่

และก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมาเขาได้ดึงมีดสั้นออกมาแล้วรีบพุ่งเข้าหา ซู ฉิวไป่

ในช่วงเวลาที่มีคนเห็นและร้องเตือน ซู ฉิวไป่ มันก็สายเกินไปที่เขาจะทันตอบโต้

มีดสั้นได้กรีดลงใต้ซี่โครงขวาของ ซู ฉิวไป่  หากเขาไม่ได้หลบด้วยสัญชาตญาณในวินาทีสุดท้ายผลลัพธ์อาจร้ายแรงมากกว่านี้ เมื่อ จุน เสี่ยวเตา เห็นเสื้อที่เปื้อนเลือดของ ซู ฉิวไป่ เขาก็ได้สติทันทีและรู้ว่าเขาได้ทำอะไรลงไป

“ไอ้เหี้ย! ฆ่ามัน!”

เฉา ตั้วเฟย รู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของ ซู ฉิวไป่ เขาเพิ่งให้เกียรติและประกาศว่า ซู ฉิวไป่ เป็นพี่ชายของเขาแต่ตอนนี้ ซู ฉิวไป่ กับได้รับบาดเจ็บจากคนอื่น ทั้งๆที่ ซู ฉิวไป่ เพิ่งช่วยเขาชนะการพนัน

กลุ่มวัยรุ่นนำอาวุธออกมาจากท้ายรถในพริบตาพร้อมล้อมรอบ จุน เสี่ยวเตา

กู่ เฉิงหยา ตื่นตระหนกเช่นกัน ใครจะรู้ว่า จุน เสี่ยวเตา นั้นไร้ประโยชน์แบบนี้? เขาแพ้ในเกมแข่งขันและจบลงในการทำร้ายผู้อื่นด้วยมีดสั้นของเขา

อย่างไรก็ตาม กู่ เฉิงหยา เป็นคนพา จุน เสี่ยวเตา มาที่นี่ดังนั้นเธอกับแก๊งของเธอต้องปกป้องเขา ดูเหมือนว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

“พี่น้อง!ฆ่ามัน!”

เฉา ตั้วเฟย ซึ่งเป็นผู้นำที่กล้าหาญจับ พลั่วเหล็กขึ้นมาแล้วพุ่งหาคนเหล่านั้นแม้ว่า กู่ เฉิงหยา และแก๊งของเธอกำลังปกป้อง จุน เสี่ยวเตา อยู่ก็ตาม

จุน เสี่ยวเตา อยู่ในจุดที่มึนงงจนถึงขีดสุด เมื่อเห็นว่าพลั่วกำลังจู่โจมลงบนหัวของ จุน เสี่ยวเตา ชายวัยกลางคนผู้ยืนอยู่ข้าง กู่ เฉิงหยา ตลอดเวลาก็เริ่มแสดงตัวออกมา

ทุกคนเห็นเพียงเงาที่เคลื่อนไหวและ เฉา ตั้วเฟย ถูกเตะกระเด็นออกไป  พลั่วในมือของเขาตกลงกับพื้น

“ทุกคนใจเย็นก่อน นี่เป็นความเข้าใจผิด ไม่จำเป็นต้องมีการต่อสู้”

ชายวัยกลางคนคนนั้นตะโกนขึ้นเพื่อที่จะขับไล่วัยรุ่นออกไป เขาหยิบพลั่วที่อยู่บนพื้นแล้วหักครึ่ง

ชายคนนี้ถูกเรียกว่า กู่ จ้านชุน เขาอยู่กับปู่ของ กู่ เฉิงหยา ตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าไม่ใช่เพื่อมาปกป้อง กู่ เฉิงหยา ผู้ชายอย่างเขาคงไม่ปรากฏตัวที่นี่

การกระทำของ กู่ จ้านชุน ทำให้ฝูงชนเต็มไปด้วยความเงียบ พี่น้องของ เฉา ตั้วเฟย ยืนนิ่งในขณะที่ กู่ เฉิงหยา ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเชื่อว่าไม่มีปัญหาใดอีก

ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาออกมาจากด้านหลังฝูงชน

“ทุกคนหลีกไป!”

วัยรุ่นแหวกทางออกไปพวกเขารู้สึกถึงรังสีการฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากคนที่อยู่เบื้องหลังของเขา  จุน เสี่ยวเตา ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับรังสีการฆ่าฟันที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน ขาของเขาอ่อนยวบและคุกเข่าลงทันที

ทุกคนเห็นชายร่างใหญ่คนที่เคยนั่งในที่ผู้โดยสารของรถแท็กซี่

“เจ้ากล้าที่จะทำร้ายพี่ชายของข้า วันนี้จะไม่มีใครหนีรอดไปได้!”

อู่ซง ตะโกนขึ้น รังสีการสังหารของเขาแผ่กระจายอย่างชัดเจน คนอื่นๆสามารถบอกได้ทันทีว่าชายคนนี้มีพลังมากแม้แต่ กู่ จ้านชุน ซึ่งยืนขัดจาก จุน เสี่ยวเตา ก็ยังรู้สึกถึงความหวาดกลัว

ร่างกายของเขาสั่นเทา

มันเป็นไปไม่ได้!ฉันไม่ได้สังเกตเห็นนักสู้ที่แข็งแกร่งคนนี้ได้อย่างไร!

คนที่อยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้เปรียบเหมือนหมีดำเอเชียที่เขาเคยพบในเขตหิมะเมื่อครั้งก่อน ชายคนนี้รู้สึกกลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม

กู่ จ้านชุน สามารถบอกได้กันทีว่าแม้กระทั่งนักฆ่า 20 อันดับแรกของโลกก็ไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้ขนาดนี้

แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่สุดท้ายแล้วเขายังคงยืนนิ่งอยู่บนเส้นทางของชายคนนั้น เขากังวลความปลอดภัยของมิสกู่จะถูกคุกคามหากเขาหนีไป ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างใจดีสู้เสือ

“น้องชาย… “

“หลีกไป!”

กู่ จ้านชุน มีเวลาพูดเพียงแค่คำเดียวในขณะที่ อู่ซง จ้องมองเขาอย่างโกรธแค้น

อู่ซง คือใคร การดำรงอยู่ของเขาเทียบเท่ากับเทพเจ้าแห่งสงคราม!

มีประโยคหนึ่งในนิยายเรื่อง ‘Water Margin’ที่อธิบายถึงตัวตนของเขาว่าเขากล้าหาญเหมือนกับสิงโตที่เขย่าสวรรค์ลงมาจากท้องฟ้า ยามที่เขาโกรธจะมีพลังเหมือนปีศาจเขย่าโลก

นอกจากนี้ความภักดีของเขาไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายเขาสามารถต่อสู้เพื่อแลกกับความตาย ความจริงแล้วเขารู้สึกโกรธตัวเองเป็นอย่างมากที่รออยู่ในรถและไม่ทันได้ป้องกันไม่ให้ จุน เสี่ยวเตา โจมตี ซู ฉิวไป่

แต่ถึงอย่างนั้นมีผู้คนยืนบังเขาเป็นจำนวนมากดังนั้นเขาจึงไม่สามารถป้องกัน ซู ฉิวไป่ ได้ทันเวลา ดังนั้นในเวลานี้เขาต้องการล้างแค้นให้กับ ซู ฉิวไป่  คำพูดของเขาทำให้ กู่ จ้านชุน ต้องกลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมา

กู่ จ้านชุน ถอยหลังออกไป 2 ก้าวเพื่อถอยห่างจาก จุน เสี่ยวเตา จากนั้นหันไปส่งสัญญาณให้กับ กู่ เฉิงหยา ให้เธอถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

กู่ เฉิงหยา ขมวดคิ้วและอยากพูดอะไรบางอย่างแต่เธอถูกบังคับให้ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ กู่ จ้านชุน ยืนป้องกันเธออยู่ข้างหน้า

แม้ว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  กู่ จ้านชุน ก็สามารถเดาจุดจบของ จุน เสี่ยวเตา ได้แล้วในขณะนี้

ความตั้งใจที่จะฆ่าของ อู่ซง นั้นรุนแรงมาก  กู่ จ้านชุน เป็นห่วงว่าเขาอาจโดนลูกหลงหากเขายังปกป้อง จุน เสี่ยวเตา

นอกจากนี้เขาแทบจะแน่ใจได้ว่าไม่มีใครสามารถช่วย จุน เสี่ยวเตา ได้เลย แม้แต่ฆาตกรทั้งหลายก็ยังคงต้องการอยู่ห่างไกลจากสถานการณ์แบบนี้

จุน เสี่ยวเตา ตกใจ….เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าชายร่างใหญ่คนนี้ต้องการจะฆ่าเขา

ในขณะเดียวกัน ซู ฉิวไป่ ซึ่งอยู่ห่างจาก จุน เสี่ยวเตา เพียงไม่กี่ก้าวลุกขึ้นและพูดด้วยเสียงครวญครางด้านหลังฝูงชน

“พี่น้อง…ทุกคนทำไมไม่มาดูอาการบาดเจ็บของผมก่อน ก่อนที่จะคิดแก้แค้น?ผมประหลาดใจกับพวกคุณจริง ผมยังไม่ได้ตาย พวกคุณทำไมไม่พันแผลให้ผมก่อน จากนั้นค่อยคิดถึงเรื่องการล้างแค้น..”

ซู ฉิวไป่ เอนกาย ลงบนฝากระโปรงของรถ BMW ใบหน้าของเขาซีดเขาแทบจะพูดไม่ออก

ไร้สาระ!การต่อสู้นะสำคัญจริงๆหรอ ทำไมไม่มีใครสนใจฉัน!

คำพูดของเขาหยุด อู่ซง จากการกระทำทุกคนหันหัวกลับมามองที่ ซู ฉิวไป่   กู่ จ้านชุน ทำได้เพียงลืมตามองเพียงครั้งเดียวและหวังว่า จุน เสี่ยวเตา จะรอดชีวิต

อย่างไรก็ตามคนแรกที่ทำลายความเงียบคือ เฉา ตั้วเฟย ที่ยังนอนอยู่บนพื้น คำพูดของเขาเกือบทำให้ ซู ฉิวไป่ ต้องการที่จะฆ่าเขา

“พี่ใหญ่ คุณยังไม่ตายอีกเหรอ…”

————————————————————