SD:บทที่ 28 รับประทานอาหาร
“พี่ใหญ่รอสักครู่ให้ข้าได้จัดการกับอันธพาลคนนี้ก่อน”หลังจากตรวจสอบแน่ใจว่า ซู ฉิวไป่ ไม่ได้รับบาดเจ็บ อู่ซง ตะโกนออกมาและจ้องมอง จุน เสี่ยวเตาอีกครั้ง
จุน เสี่ยวเตา กลัวที่จะตาย เขารู้ว่าไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้อีกต่อไปแม้กระทั่ง กู่ เฉิงหยา ยังยอมแพ้ จากนั้นคำพูดของ ซู ฉิวไป่ ทำให้ความหวังของเขากลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าวิญญาณของเขาจะออกจากร่างเมื่อได้ยินคำพูดของ อู่ซง
“ พี่ใหญ่ ผมขอร้อง ได้โปรดช่วยผมด้วย ผมผิดไปแล้ว…ผมเป็นแค่สัตว์เดรัจฉานไม่ควรที่จะทำอย่างนั้นกับคุณ ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับคุณโปรดปล่อยผมไป!ตราบใดที่ผมมีชีวิตอยู่ผมจะทำทุกสิ่งที่คุณบอกผม!”
จุน เสี่ยวเตา คุกเข่าลงกับพื้นและจ้องมอง ซู ฉิวไป่ เขาตระหนักว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือเขาได้ในตอนนี้นั่นคือคนขับรถแท็กซี่คนนี้นั่นเอง
กู่ เฉิงหยา เข้าใจเช่นกันดังนั้นเธอจึงขอร้อง ซู ฉิวไป่ ด้วย
“พี่ใหญ่ ขอร้องคุณช่วยไว้ชีวิตเสี่ยวเตาได้หรือไม่ เรายินดีที่จะจ่ายค่าชดเชยไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ซู ฉิวไป่ หันไปจ้องมองเธออย่างรวดเร็วและจ้องมองอย่างสงบมันทำให้ กู่ เฉิงหยา รู้สึกอึดอัดและรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีผู้ชายคนไหนปฏิบัติกับเธออย่างเยือกเย็นเช่นนี้ แต่คนคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่แต่กลับปฏิบัติต่อเธออย่างไม่สนใจ
“น้องชาย อย่าฆ่าเขา ผมสบายดี”
ในขณะเดียวกัน เฉา ตั้วเฟย ก็วิ่งเข้าไปดูบาดแผลของ ซู ฉิวไป่ ซึ่งดูเหมือนมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เป็นเพียงบาดแผลตื้นๆบนผิวหนัง ที่ทุกคนตกใจเป็นเพราะเลือดไหลผ่านเสื้อผ้าของ ซู ฉิวไป่ มากเท่านั้นเอง ซู ฉิวไป่ รีบเดินไปหา อู่ซง และพูดขึ้น
ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาเขารู้สึกเศร้าใจมากเมื่อเห็น จุน เสี่ยวเตา ดูสิ้นหวังอยู่บนพื้นดิน
ให้ตายสิ!ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นการแข่งขันที่คุกคามถึงชีวิตฉันจะไม่เข้าร่วมอย่างแน่นอน!โชคดีที่ฉันสามารถหยุด อู่ซง ได้ก่อนที่เขาจะฆ่าใคร หากเขาฆ่า จุน เสี่ยวเตา จริงๆมันคงเป็นปัญหาใหญ่
“พี่ชายคนๆนี้โจมตีท่านจากด้านหลัง แค่ให้ข้าฆ่าเขาซะเพื่อระบายความเจ็บปวดของท่าน”
อู่ซง ยังคงมีความเกลียดชังอยู่แต่ ซู ฉิวไป่ เข้าใจเหตุผลว่าทำไม อู่ซง ถึงรู้สึกโมโหและต้องการที่จะฆ่า จุน เสี่ยวเตา
บางทีผู้คนที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันนั้นแม้จะมีการทรยศกันแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเกินไป อย่างไรก็ตามมันแตกต่างสำหรับ อู่ซง ซึ่งมาจากยุคโบราณ เขาเป็นคนเรียบง่ายและต้องการล้างแค้น จุน เสี่ยวเตา เพราะการกระทำของเขา
“ไม่เป็นไรผมสบายดี ผมจะทายาเมื่อกลับไปที่บ้านแล้ว”
ซู ฉิวไป่ ไม่ได้โกหก ตอนนี้บาดแผลของเขาไม่ได้ถึงตาย เขาสามารถพันผ้าพันแผลเอาไว้ด้วยยาสามัญประจำบ้าน
“แต่…” อู่ซง ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ถูกขัดจังหวะโดย ซู ฉิวไป่
“ ไม่ต้องกังวล…กลับบ้านกันเถอะ” ซู ฉิวไป่ ยิ้มและหันหลังกลับไป อู่ซง ยังคงโกรธอยู่แม้ว่า ซู ฉิวไป่ จะให้อภัย จุน เสี่ยวเตา แล้วก็ตามแต่ อู่ซง ไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้ดังนั้นเขาจึงหยิบพรั่วที่ กู่ จ้านชุน หักก่อนหน้านี้ขึ้นมาแล้วปั้นมันเป็นลูกบอลจากนั้นโยนทิ้ง
กู่ จ้านชุน ตกตะลึงเมื่อเห็นว่า ชายคนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง เขาแอบยกระดับอันตรายให้กับบุคคลนี้
“พี่ใหญ่คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ต้องการค่าชดใช้ใดๆ” กู่ เฉิงหยา ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอสังเกตเห็นว่า ซู ฉิวไป่ กำลังจะจากไป เมื่อได้ยินดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงหยุดแล้วหันหลังกลับไปพูดกับเธอว่า
“ผมไม่ต้องการรับค่าชดเชยใดๆ บางทีเงินก็ไม่ได้แก้ปัญหาไปซะทุกอย่าง”
หลังจากนั้น ซู ฉิวไป่ ก็จ้องไปที่ เซี่ยเซียวมู่ ที่ยืนถัดอยู่จากเธอ
“มาเถอะไปกับผม”
เซี่ยเซียวมู่ เดินตาม ซู ฉิวไป่ เมื่อตระหนักได้ว่า ซู ฉิวไป่ พูดกับเขา เขาได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดบนถนนคังจวงตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเขารู้สึกทึ่งกับเพื่อนของพี่สาวของเขามา!
ในทางกลับกัน กู่ เฉิงหยา รู้สึกอับอายเล็กน้อย ในความเป็นจริงแล้วเธอค่อนข้าง..โกรธเมื่อได้ยินคำพูดของ ซู ฉิวไป่ เธอไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของเขาแต่เป็นวิธีที่เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติหลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญ ทุกคนยังคงยืนนิ่งเฝ้าดู ซู ฉิวไป่ และ อู่ซง ขึ้นรถแท็กซี่กลับไปอย่างช้าๆ ถึงแม้ฉากนี้จะดูเป็นธรรมดาแต่ไม่มีใครลืมคนขับรถแท็กซี่ เขาแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่แท้จริงที่เรียกว่า รถซิ่งระดับพระเจ้า มันแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและมหัศจรรย์
เมื่อ ซู ฉิวไป่ กำลังขึ้นแท็กซี่ เฉา ตั้วเฟย ก็วิ่งไปหา ซู ฉิวไป่ อีกครั้ง
“ พี่ใหญ่ขอเบอร์โทรคุณหน่อย ผมจะมอบของขวัญให้กับคุณหลังจากนี้ถือว่าเป็นคำขอโทษของผมที่กักตัว เซี่ยเซียวมู่ ไว้ก่อนหน้านี้”
เมื่อมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของ เฉา ตั้วเฟย ซู ฉิวไป่ ไม่ได้ปฏิเสธเขา นอกจากนี้เขายังรู้สึกประทับใจในการกระทำของ เฉา ตั้วเฟย ที่ลุกขึ้นและต่อสู้เมื่อเขาถูกแทงโดย จุน เสี่ยวเตา ก่อนหน้านี้
หลังจากให้หมายเลข เฉา ตั้วเฟย ไปแล้วเขาตั้งใจที่จะส่ง อู่ซง กลับไปราชวงศ์ซ่งก่อน แต่ เซี่ยเซียวมู่ นั่งอยู่หลัง เขายืนยันให้ ซู ฉิวไป่ รักษาบาดแผลก่อนจากนั้นจึงไปทานอาหารด้วยกัน เขาไม่ได้ปฏิเสธสินน้ำใจของ เซี่ยเซียวมู่ เนื่องจาก เซี่ยเซียวมู่ นั้นมีความตั้งใจที่แน่วแน่
ที่ถนนคังจวง แก๊งรถแข่งของ กู่ เฉิงหยา แล้ววัยรุ่นคนอื่นๆเปล่งเสียงออกมาหลังจากที่แซู ฉิวไป่ออกไป
“เฮ้ นี่คือที่อยู่ของผมอย่าลืมส่งป้ายทะเบียนให้ผมด้วย!” เฉา ตั้วเฟย ตั้งใจเดินไปที่วัยรุ่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและตะโกนขึ้น
การแสดงออกของวัยรุ่นคนนั้นกลายเป็นน่าเกลียดแต่เขาทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น เฉา ตั้วเฟย หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เขากลับไปที่ เฟอรารี่ ของตัวเอง
“ไปกันเถอะ!” เฉา ตั้วเฟย บีบแตร
รถยนต์ที่อยู่ริมถนนเริ่มบีบแตรเช่นกันเพียงไม่นานรถยนต์หลายคันก็ขับตามกันไปจนหายไปจากถนนแห่งนี้
“มิสกู่ พวกเราจะกลับไปที่เมืองตงไห่คืนนี้เลยหรือไม่?” กู่ จ้านชุน ถอนหายใจและสังเกตเห็นว่า กู่ เฉิงหยา ค่อนข้างรู้สึกท้อแท้ แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจของเธอแต่เขาเดาได้ว่าเธอต้องรู้สึกไม่พอใจ ซู ฉิวไป่ อย่างแน่นอน
“โทรไปที่เมืองตงไห่แล้วแจ้งให้พวกเขารู้ว่าฉันจะยังไม่กลับไปสักพักบอกครอบครัวของฉันด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง..ฉันอยากรู้ว่าคนขับรถแท็กซี่คนนี้เป็นคนแบบไหน!”
กู่ เฉิงหยา ยิ้มเยาะ เธอดูเหมือนจะฟื้นความมั่นใจและความมีชีวิตชีวาของเธอกลับมาได้ในขณะที่เธอประกาศประโยคสุดท้าย
“ตกลงผมจะรีบแจ้งพวกเขา…แล้วชายคนนี้ล่ะ?” กู่ จ้านชุน พึมพำก่อนจะชี้ไปที่ จุน เสี่ยวเตา ที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว กู่ เฉิงหยา หันไปมอง จุน เสี่ยวเตา ชายโง่คนนี้เกือบทำให้พวกเขาเกิดอันตราย เธอตระหนักถึงความแข็งแกร่งของ กู่ จ้านชุน หาก กู่ จ้านชุน ไม่กล้าที่จะลงมือกับชายคนนั้นที่ร้องตะโกนออกมาเธอสามารถเดาได้ว่าชายคนนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าไม่ใช่ความเอื้ออาทรของคนขับรถแท็กซี่ชีวิตของพวกเธอคงตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
“ส่งเขากลับไปที่ไดร์เวอร์ลีก และบอกพวกเขาว่าเราจะไม่สนับสนุนพวกเขาอีกต่อไป”
จุน เสี่ยวเตา ไม่ได้ยินสิ่งนี้แต่ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในชุดแข่งเขาได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากหากตระกูลกู่ยกเลิกการสนับสนุนพวกเขาไดร์เวอร์ลีกของพวกเขาต้องประสบปัญหากับ…
เห็นได้ชัดว่า ซู ฉิวไป่ ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ในขณะที่เขากำลังใช้ผ้าพันแผลจากร้านขายยาขนาดเล็ก
เซี่ยเซี่ยวมู่ยืนยันที่จะขอให้เขาไปรับประทานอาหารด้วย แต่ อู่ซง บอก ซู ฉิวไป่ ว่าเขาต้องการที่จะกลับบ้านก่อนเนื่องจากอู่ต้าและพานจินเหลียนยังคงรอเขากลับไป ดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากให้ เซี่ยเซียวมู่ รอเขาอยู่ข้างถนนสักครู่ในขณะที่เขาขับรถผ่านมิติไปส่ง อู่ซง เมื่อเขาไปถึงที่บ้านของ อู่ซง อู่ต้า และพานจินเหลียนพยายามชวนเขาให้กินข้าวด้วยกันแต่ ซู ฉิวไป่ ต้องปฏิเสธ เพราะ เซี่ยเซียวมู่ กำลังรอเขาอยู่ อย่างไรก็ตามเขายังคงใช้เวลาอีกสักครู่เพื่อสอนพานจินเหลียนใช้ Widget ของโทรศัพท์มือถือเพราะเธอไม่รู้ว่าจะใช้มันได้อย่างไร หลังจากพบกันหลายครั้งทำให้ ซู ฉิวไป่ มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวนี้
หลังจากนั้นเขาก็กลับมารับ เซี่ยเซียวมู่ เขาตั้งใจที่จะกินก๋วยเตี๋ยวที่ริมถนน แต่เขากลับถูกลากไปที่ร้านอาหาร เซี่ยเซียวมู่ จองห้องรับประทานอาหารส่วนตัวซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย ซู ฉิวไป่ ส่ายหัวอย่างไร้คำพูด
“พี่ชายไป่ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณในวันนี้ผมคงถูกกักตัวไว้โดย เฉา ตั้วเฟย ขอบคุณที่ช่วยผม!”
เซี่ยเซียวมู่ เทไวน์ให้ 1 แก้วและมอบให้กับ ซู ฉิวไป่ ในขณะที่เขาคำนับขอบคุณด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นทางการ ซู ฉิวไป่ ยิ้มและรับแก้วไวน์นั้น แต่เขาไม่ได้ดื่มเพราะอาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามหลังจากที่จิบน้ำชาเขาทั้งสองคนก็เริ่มพูดคุยกันราวกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้ กันมานาน หลังจากที่เขาพูดคุยกันสักพัก เซี่ยเซียวมู่ ก็นึกได้ว่ายังไม่ได้บอกพี่สาวของเขา ดังนั้นเขาจึงโทรไปบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
ได้อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหรงหรง รู้สึกห่วงตลอดทั้งวัน เธอรู้สึกโล่งใจเมื่อได้รับข่าวว่า เซี่ยเซียวมู่ นั้นปลอดภัย แต่ข่าวที่เธอรับต่อมาก็คือ ซู ฉิวไป่ ได้รับบาดเจ็บนั้นทำให้เธอตื่นตระหนกทันที มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีมาก่อน หลังจากถามที่อยู่ของพวกเขาเธอตัดสินใจที่จะออกจากโรงพยาบาลล่วงหน้า 1-2 วันตามคำแนะนำของแพทย์ เธอไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่มันไม่สำคัญเพราะเธอรู้สึกว่าเธอดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
ซู ฉิวไป่ และ เซี่ยเซียวมู่ ไม่รู้เรื่องนี้ หลังจากวางสายโทรศัพท์พวกเขาก็เริ่มคุยกันถึงเซี่ยกรุ๊ปการแสดงออกของ เซี่ยเซียวมู่กลายเป็นเคร่งขรึมทันที
“ หลายคนอิจฉากลุ่มเซี่ย อันที่จริงถ้าไม่ใช่พี่สาวของผมกลุ่มเซี่ยคงล้มละลายไปนานแล้ว..” เซี่ยเซียวมู่ ถอนหายใจหลังจากจิบไวน์ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซู ฉิวไป่ จึงถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มเซี่ย?มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรอ?”
เซี่ยเซียวมู่ วางแก้วไวน์ลงและพูดต่อ
“ปัญหา?ใช่มันเป็นปัญหาใหญ่มาก…มันเป็นการสูญเสียที่แย่มาก!ผมเข้าใจว่าพี่สาวของผมได้ลองทุกวิธีแล้วที่เป็นไปได้แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะไม่มีใครเต็มใจที่จะลงทุนในเมืองหลวง…”
เซี่ยเซียวมู่ ส่ายหัวอีกครั้งขอดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ สิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร?ผมได้ยินมาว่าพี่สาวของคุณวางแผนที่จะลงทุนเกี่ยวกับบริษัทยาไม่ใช่หรอ?” ซู ฉิวไป่ รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของ เซี่ยเซียวมู่ ดังนั้นเขาจึงถามต่อไป
“ โปรดอย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย ดูเหมือนคุณจะรู้ว่ามีคนใจดีคนหนึ่งให้โสมหลายร้อยปีให้กับพี่สาวของผม?”
เมื่อ เซี่ยเซียวมู่ พูดถึง ซู ฉิวไป่ พยักหน้าอย่างเงียบๆจากนั้น เซี่ยเซียวมู่ พูดต่อ
“หลายคนในเซี่ยกรุ๊ปกำลังจับตามองพวกเขาอยู่เนื่องจากของพวกนี้มีค่ามากและพี่สาวของผมได้สัญญาว่าจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กับเขา 50% แก่ผู้ใจดีคนนั้นดังนั้นมันจึงเกิดเรื่องยุ่งยากภายใน กลุ่ม…แต่เรามีทางเลือกอะไรบ้างหากมีโสมเพิ่มขึ้นซักอีก 10 อันเราอาจจะทำให้กลุ่มกลับมามีพลังได้อีกครั้งมีโสมมากกว่าเดิมอย่างนั้นหรอ แต่ มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง!**”
เซี่ยเซียวมู่ ดื่มไวน์หมดแก้วหัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง
—————————————————