SD:บทที่ 29 ลงไปด้านล่างเพื่อเอาของบางอย่าง
เซี่ยเซียวมู่ รู้สึกหมดหนทางแต่ ซู ฉิวไป่ ไม่รู้สึกแบบนั้น เขาตกตะลึงเป็นเวลานานก่อนที่จะกระพริบตา..เขาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเขาเองจะสร้างแรงกดดันให้กับ เซี่ยหรงหรง เพียงการยอมรับเสนอหุ้น 50% เขารู้สึกอึดอัดใจสุดท้ายแล้ว เซี่ยหรงหรง ก็ยังเป็นคนที่ชำระหนี้ให้กับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ของหลี่เซียงหยุน!
เมื่อกลุ่มเซี่ยอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่แน่นอนว่าพวกเขาต้องการเงินเป็นจำนวนมาก…
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้คำพูดสุดท้ายของ เซี่ยเซียวมู่ ก็ปรากฏในจิตใจของเขาหากมีโสมเพิ่มอีกซัก 10 อันบางทีกลุ่มเซี่ย อาจสามารถฟื้นคืนสภาพได้นอกจากนี้เซี่ยหรงหรงจะไม่ต้องทนทุกข์กับความกดดันอีกต่อไป
ให้ตายสิ!เรื่องนี้ควรพูดตั้งแต่แรก!มีโสมป่าอีกครึ่งกระสอบอยู่ที่ท้ายรถของฉัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปโยนทิ้งไว้ที่ไหนดี ฉันไม่ได้คาดคิดว่า เซี่ยหรงหรง จะต้องการมันมากกว่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!
ด้วยความคิดนี้เขาตั้งใจที่จะยืนยันคำพูดกับ เซี่ยเซียวมู่ อีกครั้ง
“คุณไม่ได้โกหกใช่ไหม?จริงหรือเปล่าที่กลุ่มเซี่ยจะสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยโสมเพียง 10 อันเท่านั้น”
เซี่ยเซียวมู่ ไม่ได้รู้ความคิดของ ซู ฉิวไป่ ที่เขาถามอีกครั้งเมื่อเขาสังเกตเห็น ซู ฉิวไป่ จ้องมองมาที่ เซี่ยเซียวมู่ เซี่ยเซียวมู่ จึงพูดอย่างลึกลับว่า
“ใช่แล้ว ถ้ามีอีก 10 อัน แต่ผมได้ยินคุณปู่พูดว่าโสมเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ..”
ในขณะที่เขาพูด เซี่ยเซียวมู่ ดูเหมือนจะผิดหวัง ซู ฉิวไป่ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นะในขณะที่เขากำลังไต่ตรองว่าเขาควรที่จะไปพบพี่รองของเขา ไชจินอีกครั้งหรือไม่ ไชจินได้สัญญาว่าเขาจะเตรียมโสมไว้มากกว่าครั้งก่อน แล้วนี่มันก็ผ่านมานานแล้วเขาควรที่จะมีเพิ่มขึ้น
เซี่ยเซียวมู่ ไม่รู้ว่า ซู ฉิวไป่ กำลังคิดถึงเรื่องนี้เมื่อเห็นหน้าตาที่เฉยเฉยๆของ ซู ฉิวไป่ เซี่ยเซียวมู่ จึงตบไหล่เขา
“พี่ชายไป่คุณคิดอะไรอยู่”
ซู ฉิวไป่ กลับสู่ความเป็นจริงเขาจ้องมอง เซี่ยเซียวมู่ และถามว่า
“พี่สาวของคุณต้องการอะไรบ้างเพื่อลงทุนในบริษัทยา”
“ส่วนอันอื่นมันไม่สำคัญเท่าไหร่ส่วนใหญ่แล้วการลงทุนอยู่ที่เมืองหลวง” เซี่ยเซียวมู่ ตอบโดยขดริมฝีปากของเขาอย่างหงุดหงิด
ซู ฉิวไป่ เงียบไปอีกครั้งเขาไม่แน่ใจว่าโสมป่าครึ่งกระสอบของเขาจะเพียงพอที่จะก่อตั้งบริษัทยาหรือไม่ มีโสมอายุมากกว่า 50 ปีในบ้านของเขา และยังมีสมุนไพรอื่นๆที่ไม่รู้จักเขาคิดว่ามันอาจไม่มีค่ามากนัก
ในขณะนั้นเองบังเอิญโทรศัพท์ของ เซี่ยเซียวมู่ ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาและมองหมายเลขผู้ที่โทรเข้า อันที่จริงมันคือหมายเลขจาก เซี่ยหรงหรง ดังนั้น เซี่ยเซียวมู่ จึงรับสายโดยไม่ลังเล ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรเขาก็ได้ยินเสียงของ เซี่ยหรงหรง จากปลายสายด้านหนึ่ง
“เสี่ยวมู่นายอยู่ห้องอาหารส่วนตัวที่เท่าไหร่ ฉันกำลังเข้าไปในร้านอาหาร”
เซี่ยเซียวมู่ รู้สึกอึ้งแล้วกระโดดขึ้นยืนทันที
“พี่ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนั้นหรอ?ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
“บอกฉันมาว่านายอยู่ห้องไหน เราค่อยคุยกันหลังจากที่พบกัน”เสียงของ เซี่ยหรงหรง ยังคงแสดงออกด้วยความมั่นใจเช่นเดิมแต่ เซี่ยเซียวมู่ รู้สึกกังวลเล็กน้อยในเรื่องนี้ โดยไม่ชักช้าอีกต่อไป เซี่ยเซียวมู่ จึงบอกหมายเลขห้องให้กับ เซี่ยหรงหรง ทันที ภายในไม่กี่นาทีประตูห้องก็เปิดออก เซี่ยหรงหรง อยู่ในเสื้อคลุมสีดำเดินเข้ามาด้านใน ซู ฉิวไป่ รู้สึกประหลาดใจกับร่างสูงเพรียวของเธอพร้อมหมวกเล็กๆบนหัวของเธอมันทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิง
“คุณเป็นยังไงบ้าง?บาดเจ็บตรงไหน?เจ็บหนักหรือไม่”
เซี่ยเซียวมู่ กำลังจะพูดกับพี่สาวของเขาตอนที่เขาเห็นเธอเข้ามาในห้อง อย่างไรก็ตาม เซี่ยหรงหรง เพียงจับจ้องไปที่ ซู ฉิวไป่ และสอบถามเกี่ยวกับ ซู ฉิวไป่ ราวกับว่าเธอไม่สังเกตเห็นน้องชายของเธอนั่งอยู่ข้างๆ
“เอิ่ม..ผมสบายดี ไม่มีอะไรร้ายแรง”
ซู ฉิวไป่ ผงะในเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้และรู้สึกมั่นใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของ เซี่ยหรงหรง แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาสบายดีแต่เซี่ยหรงหรงก็ยังคงมองไปที่ผ้าพันแผลเล็กๆที่อยู่ตรงเอวของเขา
“คุณไปหาหมอที่ไหน คุณอยากไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่?”
เซี่ยหรงหรง เป็นห่วงจริงๆตลอดช่วงเย็นเธอกำลังคิดว่าเธอพึ่งพา ซู ฉิวไป่ มากแค่ไหนแต่ตอนนี้เธอชนะถึงความวิตกกังวลอีกประเภทหนึ่งที่เธอรู้สึกกับเขา
“มันไม่เป็นอะไรจริงๆ แล้วคุณล่ะ?คุณออกจากโรงพยาบาลมาได้ยังไง? “
ซู ฉิวไป่ ยังคงยิ้มอยู่ๆเขาก็นึกมาได้ว่าวันนี้ เซี่ยหรงหรง ไม่ควรที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ทันทีดังนั้นเขาจึงถามขึ้น
“ไม่เป็นไร…ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว”
“โอ้ คุณสองคนคุยกันเสร็จแล้วงั้นหรอ ผมไม่ได้ล่องหนอยู่ใช่ไหม”
เซี่ยเซียวมู่ สังเกตเห็นพี่สาวของเขากำลังคุยกับ ซู ฉิวไป่ ดังนั้นเขาจึงขัดจังหวะทั้งสองคนอย่างช่วยไม่ได้
อ้าก! พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ทำราวกับไม่เห็นฉันอยู่ในห้อง!
คำพูดของ เซี่ยเซียวมู่ ทำให้ ซู ฉิวไป่ และ เซี่ยหรงหรง รู้สึกแปลกเล็กน้อย ซู ฉิวไป่ ยิ้มให้กับเธอและให้ เซี่ยหรงหรง นั่งลง จากนั้นเธอมองไปที่น้องชายอย่างใจเย็นมันทำให้หัวใจของ เซี่ยเซี่ยวมู่ เต้นเร็วขึ้น
“เอาล่ะ ไหนลองพูดมาซิว่าทำไมนายถึงไปยุ่งกับคนเหล่านั้น คนจากแก๊งรถซิ่ง?และยังปล่อยให้ ซู ฉิวไป่ เสี่ยงเพื่อช่วยนายอีก?”
หลังจากนั่งลง เซี่ยหรงหรง ก็ถอดหมวกลงและจ้องมอง เซี่ยเซียวมู่
ตั้งแต่เด็ก เซี่ยเซียวมู่ มักกลัวพี่สาวของเขาเสมอ เมื่อเขาเห็นว่าเธอกำลัง ซักถามเขารีบอธิบายอย่างเร่งด่วนว่า
“ผมไม่ได้ไปยุ่งกับแก๊งรถซิ่ง แต่พวกเขายั่วยุผมก่อนโดยบอกว่ากลุ่มเซี่ยของเรากำลังล่มสลาย!”
หลังจากพูดคำนี้ เซี่ยเซียวมู่ ก็ไม่ได้พูดคำอื่นเพิ่มเติมอีกต่อไป ซู ฉิวไป่ หันไปมอง เซี่ยหรงหรง และสังเกตเห็นว่าเธอยังคงสงบอยู่ราวกับคำอธิบายของน้องชายไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอ
“พี่ได้เตือนนายแล้วว่าอย่าเอะอะกับคนอื่นทำไมนายยังคงวางเดิมพันอีก?”
เซี่ยหรงหรง พูดขึ้นในขณะที่หน้าของเธอยังคงบึ้งตึงใส่ เซี่ยเซียวมู่
“ พี่ไม่ควรดุผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการพนัน แต่ผมก็ชนะ!” เซี่ยเซียวมู่ มีความกังวลมากยิ่งขึ้นดังนั้นเขาจึงพูดต่อทันที อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาทำให้ เซี่ยหรงหรง และ ซู ฉิวไป่ ขมวดคิ้ว
“นายเคยชนะด้วยหรอ?”
“ผมชนะ!พี่ชายไป่ช่วยให้ผมชนะ!พี่สาว..คุณอาจไม่รู้เรื่องวันนี้พี่ชายไป่ได้เผด็จศึกแก๊งรถซิ่ง จนพวกเขาต้องโค้งคำนับให้กับพี่ชายไป่ อีกทั้งนักแข่งมืออาชีพจากเมืองตงไห่ก็ยังแพ้เขา
ในที่สุด เซี่ยเซียวมู่ ก็มีโอกาสได้เล่าเรื่องเขาเริ่มอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่ถนนคังจวงให้ เซี่ยหรงหรง ฟัง
เซี่ยหรงหรง รู้สึกแปลกใจเมื่อฟังหัวข้อจากน้องชายของเธอ แต่เธอยังคงตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมด ถึงกระนั้น ซู ฉิวไป่ ยังไอแก้เขินออกมา ซู ฉิวไป่ รู้สึกว่าเรื่องราวที่ เซี่ยเซียวมู่ เท่านั้นมันทำให้เขาเหมือนคนชอบโชว์เท่ อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่า เซี่ยเซียวมู่ มีความกระตือรือร้นและ เซี่ยหรงหรง ยังให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากดังนั้น ซู ฉิวไป่ ได้แต่เพียงนั่งหน้าแดงในขณะที่ฟัง เซี่ยเซียวมู่ เล่าเรื่องให้พี่สาวของเขาฟัง
เมื่อ เซี่ยหรงหรง ได้ยินเรื่องราวที่ จุน เสี่ยวเตา แทง ซู ฉิวไป่ ด้วยมีดสั้นเธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างลึกลับ มันแปลกเพราะถึงแม้ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นจะสั้นแต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับเป็นของจริง เธอรู้สึกถึงการสัมผัสที่ไม่สามารถอธิบายได้เธอหันไปมอง ซู ฉิวไป่ และยังคงเห็นรอยยิ้มของเขา
เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยน้องชายของฉัน…
เซี่ยหรงหรง กำลังหลงในความเท่ของ ซู ฉิวไป่
“ ใครคือ จุน เสี่ยวเตา?” เซี่ยหรงหรง ได้ตั้งคำถามกับ เซี่ยเซียวมู่
“ เขามาจากไดร์เวอร์ลีก เขาเป็นเพียงนักแข่งที่ด้อยโอกาสผมคิดว่าเขามาที่นี่พร้อมกับผู้คนจากเมืองตงไห่เท่านั้น” เซี่ยเซียวมู่ รู้เกี่ยวกับ จุน เสี่ยวเตา เพียงเท่านี้ดังนั้นเขาจึงตอบทันที
ไดร์เวอร์ลีกอย่างนั้นหรอ?
เมื่อนึกถึงชื่อนี้ เซี่ยหรงหรง ก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาแล้วกดหมายเลข
“สวัสดี นั่นผู้อำนวยการหลิวใช่หรือไม่ เราเคยสนับสนุนไดร์เวอร์ลีกหรือเปล่า?” เซี่ยหรงหรง ถามทันทีเมื่อโทรศัพท์ติดต่อได้
ผู้รับสายอีกปลายด้านหนึ่งตอบทันที จากนั้น เซี่ยหรงหรง ก็พูดว่า
“บอกให้ผู้บริหารยกเลิกการสนับสนุนของเราและไม่ต้องการสนับสนุนอีกต่อไป” เซี่ยหรงหรง วางโทรศัพท์
สำหรับกลุ่มใหญ่เช่นกลุ่มเซี่ยย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอนในสาขาธุรกิจต่างๆดังนั้นการสนับสนุนผู้อื่นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่ากลุ่มเซี่ยจะมีปัญหาด้านเงินทุนแต่ตอนนี้ตราบใดที่กลุ่มยังคงดำเนินการอยู่เรื่องการสนับสนุนอื่นๆยังคงเป็นไปตามปกติ ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยหรือทำให้กลุ่มขุ่นเคือง
“เอ่อ..แบบนี้มันจะดีเหรอครับ” ซู ฉิวไป่ รู้สึกลังเลสักครู่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกดีแต่เขาก็อดถามไม่ได้
เซี่ยหรงหรง ยิ้มและกระซิบพูดว่า
“อย่ากังวลไปเลยไม่มีปัญหาอะไร ฉันแค่ยกเลิกการสนับสนุนเพียงคนเดียว”
ซู ฉิวไป่ มองไปที่ดวงตาอันสดใสของสุภาพสตรีที่ยังคงซีดเซียวอยู่ตรงหน้าเขา เขานึกถึงสิ่งที่ เซี่ยเซียวมู่ เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้เกี่ยวกับแรงกดดันที่ เซี่ยหรงหรง จะต้องประสบพบเจอ
“เสี่ยวมู่เพิ่งบอกกับผมเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของกลุ่มเซี่ย การขาดทุนมันร้ายแรงมากหรือไม่” ซู ฉิวไป่ ถามคำถามของเขา
เซี่ยหรงหรง กลายเป็นเคร่งขรึมเธอมองไปที่น้องชายของเธอก่อนที่จะหันหน้าไปหา ซู ฉิวไป่ และหัวเราะเบาๆว่า
“ ตอนนี้มันมีเพียงปัญหาบางอย่าง แต่ฉันจะแก้ปัญหาเอง”
ซู ฉิวไป่ เข้าใจถึงรอยยิ้มที่เธอแสดงออกมา
“คุณสองคนรอผมสักพักผมจะลงไปชั้นล่างเพื่อเอาของบางอย่าง”
ซู ฉิวไป่ ยิ้มและยืนขึ้นเมื่อเขาพูด
“คุณจะไปไหน?” เซี่ยเซียวมู่ ถาม
พี่น้องทั้งสองคนต่างสับสนแม้ว่า ซู ฉิวไป่ จะแสดงออกอย่างลึกลับแต่พวกเขาก็เพียงปล่อยให้ ซู ฉิวไป่ ลงไปเอาของตามที่เขาพูดเท่านั้น
หลังจากนั้น ซู ฉิวไป่ ก็กลับมาในไม่ช้า เขากลับเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับถุงกระสอบเก่าๆในมือของเขาดูเหมือนว่ามันจะหนักดูได้จากเสียงลมหายใจของเขา
“นี่คืออะไร?”พี่น้องทั้งสองคนถามอย่างสงสัย
ซู ฉิวไป่ ปิดประตูและวางกระสอบไว้บนพื้น เซี่ยหรงหรง รู้สึกงุนงงอยู่สักครู่หนึ่งเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ ซู ฉิวไป่ กำลังทำอยู่ แต่เมื่อเธอฉันหันสายตาไปมองสิ่งที่อยู่บนพื้นเธอรู้สึกคุ้นเคยกับมันเล็กน้อย เธอโน้มตัวลงไปเพื่อมองอย่างไกลๆ ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็แทบจะกระเด็นออกมา เธออ้าปากค้าง…
———————————————-