TQF:บทที่ 560 ออกจากเฉาซาง (2)
วันรุ่งขึ้น ภายใต้สีหน้าอันดีใจของเจ้าของโรงเตี๊ยมและคนอื่นๆ หลังจากที่จ่ายค่าห้องเรียบร้อยแล้ว ย่าหลานทั้ง 3 ก็ออกเดินทาง
เพิ่งเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกถึงพวกที่คอยตามอยู่ มีประกายบางอย่างในแววตา มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น
เด็กน่ารักแก่นๆอย่างหยูเฮงก็กระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆตัวฟางซูหยุน เหมือนไม่ได้ตั้งใจอะไร แต่จริงๆจับตาเจ้าพวกคนน่าสงสัยได้หมดแล้ว ไม่ว่าจะคนจากทิศไหน ขอแค่มีคนลงมือ นางก็มั่นใจว่าสามารถฟาดคนผู้นั้นออกไปได้ทันที
เมื่อพวกนางเดินออกไปเรื่อยๆ ก็มีคนสะกดรอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนพวกนี้ตามมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่จากสายตาของพวกเขาที่จ้องมองมาแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนั้นไม่หวังดีแน่
มีนางมารน้อยอย่างหยูเฮงอยู่ข้างๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ใส่ใจกับคนพวกนั้นเท่าไหร่ คนที่วิทยายุทธสูงสุดก็อยู่ระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องกลัว
เมื่อเดินออกจากประตูเมืองแล้ว ก็มีบางคนหยุดฝีเท้าลงไม่ได้ตามออกมา ส่วนที่เหลือก็ยังตามออกมาตามทิศทางเดียวกับพวกนางเรื่อยๆ
เมื่อไปถึง 3 แยก ย่าหลานทั้ง 3 เดินช้าลง พวกคนสะกดรอยก็ช้าตาม แต่ยังคอยจับตาดูพวกนางอยู่
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย นางโบกแขนเรียวเบาๆก็มีอินทรีย์หิมะปรากฏตัวออกมาทันที อินทรีย์หิมะตัวใหญ่คำรามใส่ฟ้า “ฮ่าวว….”
เสียงร้องเสียงดังสนั่นดังสะเทือนไปยันฟ้า เจ้าพวกที่สะกดรอยตามอึ้งกันไปหมด พวกเขาอ้าปากค้างมองไปยังทั้ง 3 ที่ขึ้นหลังอินทรีย์หิมะทะยานสู่ฟ้าไป ราวกับดาวตกที่หายไปจากสายตาในพริบตา
เร็ว เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน
เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา อยากจะไล่ตามก็ไม่ทันแล้ว
ไม่มีใครคาดคิดว่าสาวงามที่มาจากบ้านนอกก็มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย จะไม่ให้พวกเขาตกตะลึงได้อย่างไร
สัตว์อสูร สัตว์วิญญาณ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เห็นได้บ่อยที่ผืนดินฉางไห่ แต่คนที่มีไว้เป็นพาหนะได้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีอภิสิทธิ์จากตระกูลใหญ่ คนที่ไม่มีสำนักมีแต่พวกวิทยายุทธสูงๆเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ครอบครอง
ส่วนสัตว์อมตะ แม้แต่ที่ผืนดินฉางไห่ก็ยากจะได้เจอ ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่น้อย
แต่สาวงามเมื่อกี้เรียกสัตว์พาหนะที่อยู่จุดสูงสุดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่ให้คนอื่นตกใจได้อย่างไร
ไม่มีใครไล่ตามพวกนางทัน แม้จะเจ็บใจ แต่ก็ได้แต่มองการจากไปของพวกนาง
การหายไปแบบนี้ถูกคนอื่นล่วงรู้ไปอย่างรวดเร็ว คนเหล่านี้ก็ไม่รอช้า รีบกระจายข่าวนี้ออกไปทันที เพราะคนพวกนี้ก็เป็นสายให้กับบรรดาสำนักและตระกูลอิทธิพลต่างๆ คอยจับตาและรวบรวมข่าวคราวของสรรพสิ่งต่างๆ เผื่อว่าจะมีประโยชน์ในวันหน้า
“ฮ่าๆๆๆ…..”
หยูเฮงหัวเราะจนเกือบจะหงายหลังบนหลังของอินทรีย์หิมะ นางหัวเราะไปพูดไป “ข้าขำจะตายอยู่แล้ว พวกเขาเอ๋อไปเลย ฮ่าๆๆๆ ฮูหยินฟาง คุณหนู ถ้าพวกเขาเห็นเราปล่อยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากออกมาไม่รู้ว่าจะมีสีหน้ายังไง ฮ่าๆๆๆ ขำจริงๆเลย ฮ่าๆๆๆ…”
เห็นการขำจนเซไปเอียงมาของนางแล้ว ฟางซูหยุนส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าพวกเขารู้เข้าว่าพวกเรามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เราอาจจะกลายเป็นคนที่ถูกตามหาของผืนดินฉางไห่ก็ได้ ใครๆก็ต้องอยากเจอพวกเรา”
“สมบัติไม่ควรเอาออกไปอวด อย่างที่เขาว่า ผู้อยากได้ไม่ได้ผิด ของที่ล่อตาล่อใจต่างหากที่มีความผิด พวกเรามีสิ่งที่ทำให้คนอื่นอิจฉาตาร้อน พวกเขาต้องไม่ปล่อยไว้แน่ วันหลังพวกเจ้าต้องระวังหน่อย ไม่ใช่ว่าโดนเพ่งเล็งแล้วยังไม่รู้ตัว”
“ฮูหยินฟาง พวกเราไม่กลัวพวกเขาหรอก ใครปล้นใครก็ไม่แน่หรอกนะ” หยูเฮงเชิดหน้าขึ้นอย่างผยอง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเคาะหัวของนาง “เลิกจองหองได้แล้ว ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า พวกโดนลอบทำร้ายน่ะมีถมเถไป หากไม่ทันระวังแล้วโดนกระทำน่ะ ต่อให้เจ้าร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว”
“เฮ่ะๆ ข้าไม่กลัวหรอก”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองบนใส่นางและไม่ได้พูดอะไรอีก หันไปถามคนข้างๆ “ท่านย่า พวกเราลงไปดูข้างล่างกันหน่อยดีมั้ย ข้ามองแล้วหุบเขาข้างล่างนี่ไม่เลวเลย จะได้ดูด้วยว่ามีสมบัติอะไรรึเปล่า บางทีเราอาจจะเจอของน่าสนใจก็ได้”
“ก็ได้ เราไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว พวกเจ้าลงไปเที่ยวเล่น ข้าเข้ามิติ” ฟางซูหยุนสนับสนุน
“ได้”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งท่านย่าเข้ามิติ ลูบอินทรีย์หิมะเบาๆให้บินลงไปในหุบเขา
ทั้ง 2 ปรากฏตัวในหุบเขาอย่างรวดเร็ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงหนูล่าสมบัติในมิติ “หยูเฮง เรียกหนูล่าสมบัติออกมาที่นี่เถอะ มันเป็นตัวหาสมบัติมือดี”
“อิอิ คุณหนู ท่านพูดถูก เจ้าหนูน้อยคงกำลังเบื่อ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้เรียกมันออกมาเลย ครั้งนี้จะได้ถือโอกาสเรียกมันออกมาหาสมบัติให้เรา”
“ใช่”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพียงแค่นึกก็เรียกหนูล่าสมบัติที่นอนอยู่ในมิติออกมาได้
“จี๊ดๆๆๆ….” หนูล่าสมบัติรู้สึกตัวทันทีว่าไม่ได้อยู่ที่เดิม อ้าปากร้องไม่หยุด ดวงตากรอกไปมาอย่างดีใจ
หยูเฮงหิ้วหนูล่าสมบัติขึ้นมา ดึงหนวดมันเบาๆ “เจ้าหนูน้อย ได้เวลาทำงานของเจ้าแล้ว รีบไปหาสมบัติที่นี่มาให้พวกเราเดี๋ยวนี้ ถ้าหาไม่ได้ละก็ พวกเราจะลอกหนังเจ้าออกมา ได้ยินมั้ย”
“จี๊ดๆๆๆ”
หนูล่าสมบัติร้องใส่หยูเฮงอย่างเอาใจ แต่ดูยังไงก็ท่าทางขี้ริ้วขี้เหร่ หยูเฮงโยนนางออกไปพลางสั่ง “รีบนำทางไป ถ้าหาสมบัติไม่เจอละก็ ระวังตัวไว้….”
“จี๊ดๆๆ”
หนูล่าสมบัติหันกลับมาร้องก่อนจะพุ่งไปอีกทิศทางหนึ่ง เหมือนว่าจะเริ่มทำงานแล้ว
ทั้ง 2 ตามหลังมันไปช้าๆ มีความช่วยเหลือจากหนูล่าสมบัติ เหมือนกับมาเดินเล่นเก็บของชัดๆ
เนื่องจากพลังวิญญาณที่ผืนดินฉางไห่นั้นหนาแน่น และกระจายออกไปอย่างกว้างไกล หุบเขาทั้งหลายต่อกันไปเรื่อยๆไม่หยุด ในเขาลึกป่าลึกแบบนี้มักจะมีอันตรายและสมบัติคอยซ่อนอยู่
แม้ว่าในทุกๆวันจะมีผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเข้าออกตามป่าตามเขา แต่ผืนดินฉางไห่น่ะใหญ่มากจริงๆ และไม่ใช่ทุกป่าที่จะมีผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไปเยือน บางที่ก็มีคนเข้าไปน้อยนัก สมุนไพรจิตวิญญาณมากมายก็ขึ้นอยู่ตามหุบเขาลึกเหมือนกัน
มีหนูล่าสมบัติออกโรง สมบัติทั้งทางถูกเก็บไปหมด ไม่พลาดแม้แต่ชิ้นเดียว
เมื่อหยูเฮงเข้าไปในป่าบนหุบเขานี้ พลังลมปราณของนางก็เบาบางและไม่ชัดเจน ลมปราณของไม้ต่างๆในป่าล่องลอยอยู่ทั่ว และไหลเข้าสู่ร่างนางไม่หยุด ราวกับร่างทั้งร่างได้หลอมรวมกับป่านี้ไปแล้ว
ตอนนี้หากมีคนใช้พลังจิตส่องดูก็คงจะแยกนางไม่ออก คิดว่านางเป็นเพียงต้นไม้ต้นหนึ่ง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวดูออกว่าพลังชีวิตของต้นไม้ที่นี่มีประโยชน์ต่อหยูเฮง จึงมีความคิดที่จะฝึกฝนที่นี่ อย่างไรซะก็ไม่ได้รีบเดินทางอยู่แล้ว ฝึกฝนในป่านี้อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
“จี๊ดๆๆ”
จู่ๆก็มีเสียงร้องของหนูล่าสมบัติดังมาอีกครั้ง ทั้ง 2 รีบตามเข้าไป หนูล่าสมบัติพาพวกนางไปทะลุถ้ำหินแคบๆถ้ำหนึ่ง หากไม่สังเกตุดีๆจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีถ้ำหินเล็กๆข้างหุบเขานี้ด้วย
ทั้ง 2 เดินไปได้ครึ่งนาทีก็จนสุดทาง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงอึ้งไปกับภาพตรงหน้า ในถ้ำนี้มีน้ำไหลผ่าน มีนกมีดอกไม้ พลังวิญญาณหนาแน่นปกคลุมไปทั่งถ้ำ สัตว์วิญญาณมากมายวิ่งเล่นหยอกล้อกัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากสมุนไพรจิตวิญญาณและสมุนไพรวิเศษ ในถ้ำนี้มีทั้งกลิ่นหอมจากสวรรค์ น้ำตกน้ำธารใสสะอาด มีเสียงคำรามจากเสือสิงโต มีสะพานรุ้ง มีสัตว์อมตะ มีหมอกหลากสี มีภูเขามีหินผา
เป็นโลกใบสวยในถ้ำที่งามเกินจินตนาการ
“ว้าว สวยจริงๆเลย”
หยูเฮงร้องเสียงดัง แม้แต่หนูล่าสมบัติที่ชอบเพล่นพล่านไปทั่วยังยืนมองภาพงดงามตรงหน้านิ่ง
เป็นที่ที่ดีจริงๆ
“ที่นี่น่าจะยังไม่มีใครพบ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นแบบนี้แน่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยเสียงแผ่ว
“ฮ่าๆๆ คุณหนู เราย้ายของพวกนี้เข้ามิติของเราให้หมดเลย”
————————————-