TQF:บทที่ 564 ไม่เหลือสักคน ข่าวอันน่าผิดหวัง (1)
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตวัดไม้ตบยุงในมือก็มีร่างหนึ่งกระเด็นออกไป ลูกศิษย์ที่วิ่งล้อมเข้ามาไม่มีใครหนีพ้น ยิ่งตบยิ่งเยอะ
พรวดๆๆๆ….
เหล่าลูกศิษย์ที่ถูกตบกระเด็นกระอักเลือดออกมา ในเลือดนั้นมีสีม่วงดำผสมอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าคือก้อนเลือดหรืออวัยวะภายในกันแน่
ร่างของพวกเขากระเด็นออกไปไกลถึง 5-6 เมตร ก่อนจะร่วงลงพื้น
แต่ละคนไม่ลุกขึ้นมาอีก สิ้นชีวิตไปหมด
ไม่นานนักก็เหลือเพียง 2 คนเท่านั้น จักพรรดิ์อมตะอุทานออกมา เกิดเสียงระเบิดขึ้นที่ร่างของเขา และร่างเขาก็แยกออกจากกัน
พริบตาเดียวคนที่ลงมือตายกันเรียบ
ไม่ใช่แค่ 3 คนข้างๆที่อึ้งไป 4 คนไกลๆที่เตรียมจะเข้าสมทบต่างเบาใจลงเมื่อเห็นฉากนี้
2 คนที่เหลือตกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณชายคนนั้น เขาหลบไปข้างหลังคนข้างๆอย่างหวาดกลัว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาว 2 คนนี้จะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ เพียงนาทีเดียวก็ฆ่าผู้ติดตามเขาไปหมด
“อา อาเจ็ด เรา เราจะทำยังไงกันดี…” ไม่เหลือเค้าความจองหองอีกต่อไป เขาไม่กล้าแม้แต่จะสู้หน้าหญิงสาวรูปงามทั้ง 2 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะจับพวกนางกลับไปเป็นทาสเลย
จักพรรดิ์อมตะที่ถูกเรียกว่าอาเจ็ดโกรธอยู่ในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเกิดคิดชั่วๆขึ้นมาจะเจอเข้ากับปัญหาขนาดนี้ได้ยังไง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อาจจะจบลงด้วยความตาย
ไม่ว่าเขาจะโกรธเคืองอย่างไร อย่างไรซะนี่ก็เป็นลูกชายของเจ้าสำนัก เขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสย่อมต้องคุ้มกันเขา จึงได้แต่ประสานมือใส่หญิงสาวทั้ง 2 “ทั้ง 2 ท่าน….”
อย่างไรซะคำพูดขอให้ไว้ชีวิตเขาก็พูดไม่ออก
หยูเฮงน้อยมองพวกเขา ยิ้มเย็นๆ พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ทำไม จะขอให้พวกเราไว้ชีวิตแล้วปล่อยให้พวกเจ้ากลับไปใช่มั้ย”
ทั้ง 2 ชะงักไป ก่อนจะผงกหัวรัวๆ พวกเขากลัวแล้วจริงๆ แม้ว่าเหล่าลูกศิษย์และผู้อาวุโสท่านหนึ่งจบชีวิตลงก็ไม่สนใจแล้ว พวกเขาแค่อยากจะรักษาชีวิตแล้วหนีไปจากนางมาร 2 คนนี้ไวๆ
“ฮ่าๆๆๆ”
หยูเฮงน้อยหัวเราะเสียงดัง ชี้ไปทางพวกเขาอย่างเหยียดหยาม “พวกเจ้าให้คน 10 กว่าคนมาฆ่าพวกเรา แล้วตอนนี้ยังกล้าจะมาขอให้พวกเราไว้ชีวิตอีกหรือ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะอันดูหมิ่นราวกับดาบเล่มคมที่ปักเข้าไปในใจของพวกเขา โดยเฉพาะผู้อาวุโสเจ็ดที่ทั้งโกรธทั้งอาย เขาเข้าใจแล้วว่าวันนี้คงจะจบไม่ดีแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้นายน้อยออกจากที่นี่ให้ได้
“คุณชาย เดี๋ยวข้าจะกันพวกนางไว้ ท่านต้องหนีออกไปให้เร็วที่สุด แล้วค่อยหาโอกาสแก้แค้นให้พวกเรา”
“อา อาเจ็ด ท่าน….” ในหัวมีเสียงของผู้อาวุโสเจ็ดดังขึ้น ต่อให้คุณชายคนนี้จะงี่เง่าแค่ไหน ก็เข้าใจแล้วว่าคนผู้นี้ยอมสละชีวิตเพื่อให้เขามีทางรอด
คนที่ไม่เห็นเหล่าผู้อาวุโสอยู่ในสายตาอย่างเขา นาทีนี้ก็รู้สึกซาบซึ้ง แต่ไม่นานเขาก็ข่มความรู้สึกก่อนจะตอบกลับไป “อาเจ็ด ข้าเข้าใจแล้ว ท่านวางใจได้ ข้าต้องให้พ่อและสำนักมารแก้แค้นให้ท่านและอาห้าแน่”
“ดี…” ผู้อาวุโสเจ็ดไม่รู้หรอกว่าเขาจะหนีออกไปได้มั้ย ก็หวังให้เขาเอาอ่าวหน่อยแล้วหนีรอด “ระวังตัวด้วย ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น เมื่อหนีออกจากที่นี่แล้ว ให้ไปขอความช่วยเหลือที่สำนักมารสาขาโดยเร็วที่สุด”
“ได้ อาเจ็ดก็ระวังตัวด้วย”
“พร้อมหรือยัง”
เมื่อสั่งเสร็จแล้ว ผู้อาวุโสเจ็ดก็หันไปถลึงตาใส่หญิงสาวทั้ง 2 อย่างโกรธแค้นจนแทบอยากจะสับพวกนางออกเป็นชิ้นๆ เขากัดฟันกรอด “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมให้ทางรอด ข้าก็จะขอสู้ตาย…”
“ถุย พวกเจ้าไม่ให้ทางรอดคนอื่นเอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจะพูดให้เหมือนเป็นผู้ถูกกระทำไปทำไม เจ้าแก่นี่ลืมแล้วหรือว่าเมื่อกี้พวกของเจ้ารังแกพวกเรายังไง”
หยูเฮงน้อยตอกกลับ สายตาดูถูกนั่นแทบทำให้คลั่ง
“อ๊ากก”
ผู้อาวุโสเจ็ดแหงนมองฟ้าคำราม พลังอาฆาตบนตัวเขาที่ถูกเก็บงำไว้ได้ทลายออกมาราวกับคลื่นยักษ์ที่พร้อมจะถล่มทลาย
“หยูเฮงน้อย ให้ข้าจัดการมั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เอ่ยถามเสียงเบา เมื่อกี้หยูเฮงน้อยได้ปะมือกับจักพรรดิ์อมตะคนนึงแล้ว คนนี้จัดการเองก็ได้
“ไม่เป็นไรคุณหนู ข้ายังสนุกไม่พอเลย” หยูเฮงน้อยไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา “คุณหนู ท่านจับตาดูไอ้ชั่วนั่นไว้ด้วย เขาต้องหาโอกาสหนีแน่ อย่าให้เขาหนีไปได้”
“ไม่มีใครหนีไปได้หรอก” กับคนแค่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเช่นกัน ในสายตานางเขาไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว
อีกฝ่ายปล่อยพลังลมปราณแข็งแกร่งออกมา หยูเฮงน้อยปล่อยของตัวเองออกมาเรียบๆ ก่อนจะถล่มไปที่อีกฝ่าย
——————————