TQF:บทที่ 565 ไม่เหลือสักคน ข่าวอันน่าผิดหวัง (2)
ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งสำนักมารรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ทลายพลังของเขาออก เป็นพลังที่เขาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ เพียงชั่วขณะก็ทำให้เขากระเด็นออกไป
แต่เขาก็ยังฝืนไว้อยู่เพื่อให้นายน้อยได้มีโอกาสหนี ผู้อาวุโสเจ็ดมองเด็กสาวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ตกใจอยู่ไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าผู้อาวุโสห้าประมาทไปเอง ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่
“พรวด”
มีเลือดไหลออกมาตามมุมปากเขา ร่างเขาเริ่มโยกไปมาราวกับเรือที่อยู่ท่ามกลางทะเลพายุฝน พร้อมจะคว่ำได้ทุกเมื่อ
นาทีนี้เขามีแววตาพร้อมสละขีวิต เขาส่งกระแสจิตไปยังคนข้างหลัง “รีบวิ่งออกไปข้างนอก….”
ส่งเสร็จเขาเอี๊ยวตัวไปอย่างแรงจะเกิดเสียงดังก๊อกราวกับเอวเขากำลังจะหัก เขาเข้าจู่โจมหญิงสาวทั้ง 2 ตรงหน้าด้วยร่างของตัวเอง
ในนาทีนั้น นายน้อยของสำนักมารรีบพุ่งออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างหลัง
อีก 3 คนที่เฝ้ามองอยู่ไม่ไกลตะโกนขึ้น “แย่แล้ว เขาหนีไปแล้ว…”
แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยถูกโจมตีอยู่ แต่ทั้ง 2 ก็ไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสะบัดแขนไปทางเขาทันที หยูเฮงน้อยเองก็ลงมือตอบโต้
เป็นช่องว่างที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกระโจนร่างไล่ตามออกไป
ผู้อาวุโสเจ็ดเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ไวปานสายลมก็ใจเสีย แต่ตัวเขาเองที่ถูกหยูเฮงน้อยรั้งเอาไว้ก็หมดแรงจะต้านไหว
โดยเฉพาะเมื่อหยูเฮงน้อยจู่โจมมาด้วยฝ่ามือ เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นไอแห่งความตาย แม้จะแทบขยับมือไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ยังตอบโต้ออกไปด้วยฝ่ามือ
หยูเฮงน้อยยิ้มเย็นๆเมื่อเห็นร่างของผู้อาวุโสเจ็ดถอยกรูดออกไป แต่นางไม่หยุดเพียงเท่านี้ จู่โจมฝ่ามือออกไปอีกครั้ง
…..
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ทุกคนเห็นเพียงหมอกเลือดที่กระจายอยู่ด้านหน้า ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งสำนักมารก็พบจุดจบเช่นเดียวกับผู้อาวุโสห้า กลายเป็นหมอกเลือดที่กระจายออกไป ต่อแต่นี้ไปจะไม่มีผู้อาวุโสเจ็ดอีกแล้ว
เขายอมสละชีวิตเพื่อให้นายน้อยสำนักมารมีทางรอด เขาทำได้แล้ว ส่วนนายน้อยจะหนีออกไปได้หรือไม่นั้น เขาไม่มีทางรู้ ได้แต่ตามบัญชาสวรรค์
เพียงแต่สวรรค์ดูแล้วไม่ได้เข้าข้างเขานัก เพราะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกลับมาพร้อมกับคนที่เหมือนตายไปแล้วในมือ เจ้าคนที่หนีออกไปเมื่อกี้นั่นเอง
สรรพสิ่งสงบลง
ท่ามกลางสายตาของทุกคน นัยน์ตาเขาค่อยๆหรี่ลง ฟ้าดินค่อยๆหายไป เหลือเพียงหญิงงามที่กำลังเดินมาทางนี้ ทุกก้าวที่นางย่างกรายราวกับเหยียบลงในใจของทุกคน
คนจากสำนักมารตายจนหมดสิ้น
ในใจของบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ทั้ง 3 ท่านเหลือเพียงความคิดนี้ แม้นี่จะเป็นเรื่องที่พวกเขาคาดหวังไว้ และก็เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก
“คุณหนู เขาตายแล้วหรือ” หยูเฮงน้อยพิจารณาดูแล้วเหมือนอีกฝ่ายจะหมดลมหายใจแล้ว
“ตายแล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเรียบๆ
บอกตามตรง นางไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการตายของคุณชายคนนี้ แต่นางไม่รู้ว่าเจ้าสำนักมารที่อยู่ห่างไกลออกไปกระอักเลือดออกมา มีแววตาอาฆาต เขาค่อยๆเช็ดรอยเลือดที่มุมปากออก กล่าวเสียงเย็น “ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้าฆ่าลูกชายข้าก็ต้องชำระแค้นนี้ด้วยเลือด…”
“ตายไปก็ดี อยู่ไปก็เปลืองข้าว เปลืองอากาศ คนแบบนี้ตายเร็วๆจะได้รีบไปเกิดใหม่”
หยูเฮงน้อยพึมพำนิดหน่อยก่อนจะเบือนสายตาไปยัง 3 คนที่เหลือ หน้าเล็กๆของนางมีรอยยิ้มแปลกๆพร้อมชี้ไปที่พวกเขา “คุณหนู เอาอย่างไรกับพวกเขาดี ฆ่าปิดปากให้หมดเลยดีมั้ย”
เมื่อคำนี้ออกไป ทั้ง 3 คนตัวสั่นไปนิดหน่อย แต่ถึงแม้จะกลัว พวกเขากลับไม่ได้ขอความเมตตา เพียงแค่กัดปากแน่นและไม่พูดอะไร
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองไปที่พวกเขา ไม่รู้สึกว่าอยากจะฆ่า จึงหันไปบอกกับหยูเฮงน้อย “ที่นี่ให้เจ้าจัดการเลย”
“เฮ่ะๆ ไม่มีปัญหา คุณหนู สบายๆ” หยูเฮงน้อยตีหน้าอกแปะๆรับคำ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้านิดหน่อยก่อนจะหายตัวไปเก็บสมบัติต่อทันที
เมื่อทั้ง 3 เห็นนางไปแล้วไม่ได้รู้สึกเบาใจลงเลย กลับเครียดยิ่งกว่าเดิม ในใจของพวกเขาหยูเฮงน้อยน่ากลัวกว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมาก พวกเขายอมเจอกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังดีกว่านางมารน้อยเช่นนาง
“พวกเจ้าเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาในที่ของพวกเรา” หยูเฮงน้อยถือครอบครองหุบเขานี้ไว้อย่างหน้าไม่อาย
ในสายตาของนาง ทุกอย่างในหุบเขานี้เป็นของนางหยูเฮงน้อย ใครก็ตามที่มาปรากฏตัวที่นี่เท่ากับมาแย่งสมบัติของนาง
“ข้ามีชื่อว่าเกาชิงหยาง เป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไร้สำนักจากฮวงยัน พวกเราเป็นสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่ง 2 คนนี้เป็นสหายของข้า เขาชื่อว่าตู้จินเฟย คนนี้ชื่อว่าโจวไห่หยัน พวกเราได้แผนที่มาโดยบังเอิญซึ่งเป็นแผนที่ของหุบเขานี้ จึงมาถึงที่นี่”
ตู้จินเฟยและโจวไห่หยันไม่กล้าชะล่าใจ รีบประสานมือใส่หยูเฮงน้อยเป็นการทักทาย หยูเฮงน้อยแม้จะเด็กแต่พวกเขาก็รู้ว่านางแข็งแกร่งมาก ไม่มีใครกล้าทำกับนางเหมือนเด็ก
เกาชิงหยางยอมตอบกลับ อีก 3 คนก็ท่าทางเป็นมิตร ทำให้หยูเฮงน้อยรู้สึกชอบใจไม่น้อย ขณะเดียวกันก็ทำให้นางเกิดความอยากรู้อยากเห็น ถามไถ่ด้วยความสงสัย “แล้วไอ้ชั่วเมื่อกี้นี่เรื่องอะไรกัน หรือว่าพวกเจ้าหลอกล่อพวกเขามาฆ่าที่นี่”
“นางฟ้าน้อยพูดเป็นเล่นไป” เกาชิงหยางยิ้มเฝื่อนๆ อธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “พวกเรากำลังล่าสัตว์อสูรที่ป่ารบนอกอยู่ พวกคนของนายน้อยสำนักมารแอบฟังที่พวกเราคุยกันจึงรู้ว่าพวกเราได้แผนที่มา พวกเขาอยากจะแย่งแผนที่จากเราไปจึงเพ่งเล็งพวกเราไว้”
“ไม่ใช่ล่ะมั้ง ข้าเห็นคนของเขาแต่ละคนต่างมีวิทยายุทธที่สูงกว่าพวกเจ้า พวกเจ้าจะหนีรอดมาจากพวกเขาได้อย่างไรกัน แล้วยังทิ้งห่างพวกเขาไว้ไกลด้วย ทำให้พวกเจ้ามีโอกาสหาที่ของพวกเราเจอ”
แม้ว่าหยูเฮงน้อยจะเด็ก แต่หัวนางไวกว่าใครทั้งนั้น นางพบจุดบอดในคำพูดของเขาทันที
“นางฟ้าน้อยพูดถูก พวกเราเกือบจะถูกจับได้แล้วจริงๆ แต่พี่ก่อหลอกล่อพวกเขาไปที่ถิ่นของงูอสูร และทำลายไข่งูอสูรไป 1 ใบแล้วทำให้ตัวของพวกคนจากสำนักมารเปื้อนไข่ งูอสูร 2 ตัวนั้นจึงไล่ฆ่าพวกเขา และพวกเราก็ฉวยโอกาสนั้นหนีมาได้”
ตู้จินเฟยเป็นคนตอบและเล่าเรื่องราวที่พวกเขาหนีรอดออกมาได้อย่างไร
“ว้าว พวกเจ้าไม่เลวเลยนี่ ใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสี ความคิดเยี่ยม ทำได้ดี” หยูเฮงน้อยชอบใจมากๆจนแทบจะปรบมือให้
ทั้ง 3 คนก็ยิ้มออกมาเมื่อได้รับคำชม อย่างไรซะนี่ก็เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิ
“พวกเราสลัดพวกเขาหลุด แต่ก็รู้ว่าคนของสำนักมารแข็งแกร่ง คงใช้เวลาไม่นานก็ฆ่าพวกงูอสูรได้และไล่ตามพวกเรามา พวกเราจึงตัดสินใจว่าจะตามหาที่บนแผนที่นี้ ไม่คิดเลยว่าจะเจอจริง แต่คนของสำนักมารก็ตามมาด้วย ถึงได้…”
เกาชิงหยางพูดจบก็มองหยูเฮงน้อยอย่างระวัง ไม่ว่าอย่างไรคนของสำนักมารก็มาเพราะพวกเขา เขากลัวว่าหยูเฮงน้อยจะไม่พอใจและมีปัญหากับพวกเขา
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหยูเฮงน้อยเบื่อจะแย่แล้ว มีคนมาเล่นด้วยนางดีใจออก จะตำหนิพวกเขาที่พาปัญหามาให้ได้อย่างไร
“ไม่เป็นไร ยังไงซะก็ตายหมดแล้ว จริงสิ เมื่อกี้พวกเจ้าพูดถึงทหารรับจ้างอะไรเหรอ ทหารรับจ้างของพวกเจ้าเก่งมั้ย แกร่งขนาดไหน มีคนระดับจักพรรดิ์อมตะหรือก้าวสู่เทพเทวาหรือเปล่า”
ก้าวสู่เทพเทวา?
ทั้ง 3 ยิ้มขมขื่น ส่ายหัวพร้อมกัน “ไม่มี ที่จริงกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราเพิ่งจะลงทะเบียนไปไม่นานนี่เอง มีแค่ 20 กว่าคนเท่านั้น หัวหน้ากลุ่มของเราก็ยังอยู่แค่ระดับจักพรรดิ์อมตะตอนต้นเท่านั้น ถึงเกณฑ์ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างพอดีก็เท่านั้น จะไปมีก้าวสู่เทพเทวาได้อย่างไร”
“ไม่ใช่ละมั้ง พวกเจ้ามีแค่ 20 กว่าคนเองเหรอ ท่าทางก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนี่….”
หยูเฮงน้อยเม้มปากด้วยความแปลกใจ บอกตามตรงนางผิดหวังนิดหน่อย นึกว่าจะได้เจอกับคนแก่งๆบ้าง นางสามารถสู้กับจักพรรดิ์อมตะและก้าวสู่เทพเทวาได้แล้ว ยอมอยากได้ข่าวคราวของผู้มีฝีมือบ้าง
“พวกเรา…”
“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก” หยูเฮงน้อยโบกมือและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างไรซะกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเจ้าก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า จริงสิ แล้วตอนนี้พวกเจ้าจะทำไงต่อล่ะ จะอยู่หรือจะไป”
“…..” ได้ยินคำพูดของหยูเฮงน้อยทั้ง 3 ก็ชะงักไป พวกเขาสบตากันอย่างรวดเร็วและแอบถอนหายใจ อุตส่าห์เจอร่องรอยแล้วแต่กลับไม่มีส่วนของตัวเอง ยังไงซะก็ต้องเจ็บใจอยู่บ้าง
แต่พวกเขาก็มาก่อนตัวเอง และถ้าจะให้แย่งก็สู้เขาไม่ไหว พวกเขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เหมือนกัน
“เอาล่ะ แล้วแต่พวกเจ้าก็แล้วกัน ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป แต่ข้าขอเตือนนะ เรื่องของสำนักมารพวกเจ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไว้ ถ้าหากพวกเรารู้เข้าว่าพวกเจ้าเอาไปแพร่งพรายละก็ รับผิดชอบกันเอาเอง”
——————————-