หลังจากที่พวกเขาได้ที่อยู่ของซิงเหอ มู่ไป๋และคนที่เหลือก็รีบเดินทางไปที่นั่นทันที เมื่อมู่ไป๋เห็นสถานที่เกิดเหตุ สีหน้าของเขาก็เย็นยะเยือกดุจฤดูหนาว ประตูของห้องใต้ดินถูกถอดออกไปและแทนที่ด้วยกำแพงที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่!
ปูนซีเมนต์ยังไม่แห้งดี ดังนั้นมันคงเพิ่งถูกสร้างได้ไม่นาน นี่คือการสั่งสอนเล็กน้อยที่ถงเยียนพูดถึงงั้นเหรอ
จำเป็นต้องปิดผนึกห้องใต้ดินเพื่อการสั่งสอนเล็กน้อยด้วยเหรอ
เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจจะฆ่าและซ่อนศพไว้!
นิ้วมือและน้ำเสียงของมู่ไป๋สั่นระริกขณะที่เขาสั่งการ “รื้อมันออก! รื้อมันออกเดี๋ยวนี้!”
เขากลัวจริงๆ ว่าจะมีเรื่องน่ากลัวบางอย่างเกิดขึ้นกับซิงเหอ เขากลัวว่าจะได้เห็นอะไรอยู่เบื้องหลังกำแพงที่ถูกทำลาย…
ความคิดนี้ส่งผลให้มู่ไป๋หายใจเร็วขึ้นแล้วความมืดมิดก็เข้ามาปกคลุมดวงตาของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซิงเหอจริงๆ เขาสาบานว่าจะลากทุกคนลงนรกไปเป็นเพื่อนกับความตายของเธอ จะไม่มีใครหน้าไหนรอดไปได้ทั้งนั้น!
หัวใจของมู่ไป๋ลุกไหม้ไปด้วยโทสะรุนแรงจนสามารถกลืนกินทั้งโลกได้
คุณนายประธานาธิบดีซึ่งยืนอยู่ๆ ข้างเขาเริ่มกังวล เธอสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกของมู่ไป๋ เธอกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซิงเหอจริงๆ ความจริงที่ถงเยียนทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ทำให้เธอต้องส่ายหน้าด้วยความผิดหวังอีกครั้ง เธอหวังว่าซิงเหอจะไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นถงเยียน…คงต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเธอหรือมากกว่านั้น!
สีมู่ไป๋กล้าข่มขู่ประธานาธิบดี ดังนั้นเขาจะทำอะไรกับถงเยียนก็ไม่สามารถจินตนาการได้
แน่นอนว่านอกจากเพื่อตัวของถงเยียนเอง คุณนายประธานาธิบดีก็ภาวนาอย่างจริงใจขอให้ซิงเหอปลอดภัย ไม่อย่างนั้นความสงบสุขของเมือง A คงพังทลายเหมือนประสบกับแผ่นดินไหว
ภายใต้สายตาวิตกกังวลของทุกคน กำแพงก็ถูกรื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะที่ทางเข้าเผยออกมาให้เห็น มู่ไป๋ซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นก็ยืนขึ้นราวกับคนสุขภาพแข็งแรง เขารีบเดินลงไปในความมืดจนเกือบจะตกบันได
ตำรวจแทบจะไม่สามารถไล่ตามความเร็วของเขาทัน แสงจากไฟฉายของตำรวจทำให้มู่ไป๋สังเกตเห็นห้องที่ถูกปิดอยู่ เขาพุ่งตัวเข้ากระแทกกับประตูและตะโกน “เซี่ยซิงเหอ คุณได้ยินผมไหม!?”
อยู่ดีๆ ซิงเหอซึ่งนั่งพิงอยู่กับกำแพงอย่างอ่อนแรงก็ได้ยินเสียงของเขาและคิดว่าเธอกำลังมีอาการประสาทหลอน
นั่นฟังดูเหมือนเสียงของสีมู่ไป๋เลย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง! เขายังไม่ได้สติไม่ใช่เหรอ
“ซิงเหอ!” มู่ไป๋ตะโกนอีกครั้งขณะที่เขาเตะประตูอย่างแรง ประตูเปิดออกแล้วแสงบางส่วนจากไฟฉายก็ทำให้ห้องสว่างขึ้น
พวกเขาเห็นซิงเหอที่ติดอยู่ภายในมุมห้องทันที มู่ไป๋จ้องไปที่เธอโดยไม่กระพริบตาขณะที่ตาของเขาเบิกกว้างขึ้น
ส่วนซิงเหอซึ่งเจอกับแสงรุนแรงจากไฟฉายก็เห็นเงาร่างพร่ามัวของเขา เธอติดอยู่ในความมืดมานาน แสงสว่างอย่างกะทันหันนี้จึงทำให้เธอแสบตา
เธอหรี่ตาลงและพูดออกมาเบาๆ “ฉันไม่เป็นไร”
ฉันไม่เป็นไร
ประโยคสั้นๆ นี้ทำให้มู่ไป๋น้ำตาคลอแล้วบรรยากาศอันตรายที่ห้อมล้อมตัวเขาราวกับเสื้อเกราะก็ค่อยๆ จางหายไป
เขาก้าวเข้าไปหาซิงเหออย่างระมัดระวังจนในที่สุดร่างกายใหญ่โตของเขาก็บดปังแสงสว่างและห่อหุ้มซิงเหอไว้ในเงาของเขา
ในที่สุดซิงเหอก็สามารถเปิดตามองให้ชัดๆ เป็นสีมู่ไป๋จริงๆ ด้วย มันไม่ใช่ภาพหลอน
ในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง…