SD:บทที่ 32 : เริ่มต้นกระบวนการผ่าตัด

ฮัว หยวนฮั่ว*? มณฑลเป่ยเฉียว?*

ซู ฉิวไป่ยังคงนึกอะไรไม่ออกเกี่ยวกับชื่อนั้น แม้จะครุ่นคิดเป็นเวลานาน จนกระทั่ง…ชายเฒ่าเอ่ยขึ้น

“เจ้าจะเรียกข้าว่า ฮัว โต๋  ก็ได้เช่นกัน”

ให้ตาย…ฮัวโต๋ เหรอ*!*

เขาตกใจเมื่อได้ยินชื่อที่หลุดออกมาจากปากของชายชรา ซู ฉิวไป่ เผลอเหยียบเบรกโดยสัญชาตญาณ เขาแทบจะคอหักจากแรงกระแทกด้วยซ้ำ

แล้วนี่จะเวิ่นเว้อทำไมมาตั้งนาน ก็ควรจะบอกแต่แรกว่าชื่อ ฮัว โต๋  สิ นี่กำลังทดสอบความรู้ทางประวัติศาสตร์ของฉันรึไงกันเนี่ย*!*

เขายังอยู่ในอาการตกตะลึงเมื่อความคิดนั้นพลันแวบขึ้นมาในหัวเขา มิน่าละเขาจึงสัมผัสได้ถึงบุคลิกภาพและนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความเฉลียวฉลาดและความรู้วิชาการตั้งแต่เมื่อแรกพบชายชรา! เขาคือหมอเทวดาในตำนานคนนั้น นามว่า ฮัว โต๋  นั่นเอง!

สิ่งแรกที่ ซู ฉิวไป่ ต้องการทำคือขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นจาก ฮัว โต๋ ทว่าบนรถตอนนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมมากนัก ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ตั้งใจกับการทำภารกิจ คือการไปส่งนายแพทย์ที่จุดหมาย หลังจากที่ติดเครื่องรถและยืนยันจุดหมายปลายทางของ ฮัว โต๋ แล้ว เขาจึงเริ่มขับตามการนำทางของระบบไปที่ฝานเฉิง

ไม่นานเกินรอ ระบบการนำทางก็กล่าวประกาศขึ้น “ค้นพบภารกิจอันโชคดี ช่วยเหลือ ฮัว โต๋ ในการรักษาคนไข้ที่ฝานเฉิง คุณจะได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยฝึกหัดของเขา และยังจะได้รับชุดเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับผู้ช่วยเหลือทางการแพทย์อีกด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซู ฉิวไป่ เกือบจะเผลอหยุดรถกะทันหันอีกครั้ง

ชุดเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับผู้ช่วยเหลือทางแพทย์?

ตราบใดที่มันเป็นภารกิจอันโชคดีที่ระบบการนำทางมอบให้เขา แน่นอนว่ารางวัลมันจะต้องใหญ่! ถือเสียว่าเป็นโอกาสที่ดีเพื่อหาคะแนนแต้มสะสมการเติบโตไว้ช่วย เซี่ย หรงหรง เสียด้วยเลย

ความกระตือรือร้นของ ซู ฉิวไป่ พุ่งทะยานสูงขึ้นทันที เขาจึงเริ่มพูดคุยกับ ฮัว โต๋ ในขณะที่เขามุ่งมั่นกับการขับรถไปข้างหน้า จะอย่างไรก็ตามที อย่างน้อยก็คงจะเป็นการดีหากเขาได้รู้เกี่ยวกับอาการของคนไข้ก่อนที่เขาจะช่วยเหลือ ฮัว โต๋ ในการรักษา

“ข้าชื่นชมคนไข้รายนี้มากยิ่งนัก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ข้ายินยอมถ่อไปยังฝานเฉิงด้วยตัวเอง ณ ค่ายทหารสู่ที่ฝานเฉิง มีแม่ทัพท่านหนึ่ง ชื่อสกุลคือ กวน ชื่อต้นคือคือ อู  และชื่อรองคือ หุนเตี๋ยง

ชื่อสกุลคือ กวน ชื่อต้นคือคือ อู  และชื่อรองคือ หุนเตี๋ยง*!*

คำพูดนั้นแทบจะทำให้เขาทำรถแท็กซี่เสียหลัก มือของเขากำลังสั่นพลางพยายามจับยึดกับพวงมาลัย!

กวนอู หนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่ และแม่ทัพผู้เก่งกาจและยุติธรรม*!*

นั่นสิ นี่ฉันลืมไปได้ยังไง ฮัว โต๋ เดินทางมาจากเจียงตงทางเรือเพื่อทำการผ่าตัดรักษา กวน อู ที่ค่ายทหารสู่ ณ ฝานเฉิง เพื่อจะขจัดพิษที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูกของเขา

นี่ฉันลืมคนที่เป็นตำนานอย่างนี้ไปได้ยังไง*!*

ซู ฉิวไป่ ก่นด่าความโง่เขลาของตนเองในใจ ก่อนที่จะเหลียวกลับไปทาง ฮัว โต๋ แล้วเอ่ยขึ้น “อีกไม่นานเราก็จะไปที่นั่นแล้วนะครับ งั้นขอกลับไปเตรียมของซักนิดหน่อยก่อนจะไปละกัน”

เขาไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ ซู ฉิวไป่จึงหักรถเลี้ยวกลับทันที เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่เขาชาร์จเตรียมไว้ แล้วโทรหา หนิว ไป้หวั่น

หนิว ไป้หวั่น เป็นเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนเก่าของเขาเอง เขาทำธุรกิจขายส่งยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมมเป็นเวลาหลายปีแล้ว

ในเมื่อ ซู ฉิวไป่ รู้ก่อนแล้วว่า ฮัว โต๋ ต้องทำการผ่าตัดด้วยการขูดกระดูกของ กวน อู เพื่อกำจัดพิษจากการถูกลูกเกาทัณฑ์ของข้าศึกที่ไหล่ขวา เขาจึงสามารถที่จะเตรียมยาสลบ ยาแก้ปวด เครื่องมือผ่าตัด และยาต้านอักเสบก่อนได้…

ถึงแม้ว่าของแบบนั้นจะยังไม่มีในอดีต แต่ว่าฉันมีมันแล้วเรียบร้อย*!*

“จะเอาของพวกนี้ไปทำไมกันฮะ” หนิว ไป้หวั่น พูดขึ้นมาอย่างเฉื่อยชา ฟังจากน้ำเสียงก็รับรู้ได้ว่าเขาคงพึ่งตื่น เสียงของเขาแฝงไปด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินรายชื่อของทั้งหมดที่ ซู ฉิวไป่ ต้องการ

“เอาเถอะน่า เตรียมไว้เถอะ อีกแปปเดียวเดี๋ยวจะไปถึงละ”

เมื่อเขาวางสาย ซู ฉิวไป่ ก็บึ่งไปหาบ้านของ หนิง ไป้หวั่น กลางดึกนั้นนั่นเอง

เมื่อเขามาถึงบ้านของเพื่อนเก่า หนิง ไป้หวั่น ก็ได้เตรียมของทั้งหมดที่เขาร้องขอไว้ทั้งหมดแล้ว ทว่าเพียงแค่เหลือบตามอง ซู ฉิวไป่ ก็พูดขึ้นมาทันทีว่ามันยังไม่เพียงพอ และหยิบไปอีกหลายอย่างก่อนจะออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

เขากลับไปที่รถแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้น ซู ฉิวไป่ เปิดช่องทางข้ามเวลา

“ระบบการนำทางกำลังเริ่มต้น ช่วงเวลา คือ ณ สมัยจุดสิ้นสุดของของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก กำลังมุ่งหน้าสู่ ฝานเฉิง…”

เมื่อได้ยินเสียงสังเคราะห์ของระบบ เขาพลันสัมผัสได้ถึงประกายแสงแวบหน้าเขา ตอนนี้เขาสามารถเห็นค่ายทหารจากระยะห่างที่ไกลพอสมควร และยังเห็นธงปลิวไสวในสายลม คำว่า ‘กวน’ ที่ถูกเขียนบนธงนั้นให้ความรู้สึกน่ากลัวชอบกล หัวใจของชายคนขับรถพลันเต้นเร็วขึ้น

แม้จะมีวีรุบุรุษอยู่หลายท่านที่เคยมีตัวตนและปรากฏอยู่ในประเทศจีนเมื่อหลายศตวรรษที่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะถูกจารึกและกล่าวถึงในหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งหลาย

กวน อู สามารถปราบงันเหลียงและบุนทิว สองทหารเอกของอ้วนเสี้ยว และยังสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคและขวากหนามในชีวิตอย่างห้าวหาญ จนสามารถเลื่อนยศเป็นหนึ่งในพลทหารที่มีอันดับสูงสุด ท่ามกลางทหารอีกนับพัน! ใครกันที่จะไม่รู้จักเขาเล่า!

เพราะฉะนั้น ซู ฉิวไป่ จึงได้แต่รู้สึกกระวนกระวายว่าจะต้องเตรียมพร้อมเป็นอย่างมาก เมื่อเขาค้นพบว่า ฮัว โต๋ จะเป็นคนรักษา กวน อู

โดยที่ไม่ลังเล ชายหนุ่มลงจากรถพร้อมกับ ฮัว โต๋ เขาหยิบกระเป๋าที่เขาจัดของสำคัญเอาไว้เรียบร้อย แล้วทั้งสองย่างก้าวไปทางค่ายทหาร

สุดท้าย แม้จะถูกส่งต่อและสอบถามไปเสียหลายครั้ง แต่พวกเขาก็สามารถเข้าค่ายได้โดยเรียบร้อย

แม้ว่าเขาจะเคยต้องเจอผีมาแล้ว แต่ ซู ฉิวไป่ ก็ยังคงหวาดหวั่นกับสิ่งที่ต้องเจอข้างหน้า แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็คงต้องรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง หากจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครจะสนใจด้วยซ้ำหากคุณตาย

และในที่สุด ซู ฉิวไป่ ก็ได้เห็นแม่ทัพ กวน อู ตัวเป็น ๆ ด้วยสองตาของตัวเอง ชายตรงหน้าตอนนี้กำลังอยู่บริเวณตรงกลางของกระโจมขนาดใหญ่ เขาตื่นเต้นมากจนถึงขนาดที่เขาวิ่งแซง ฮัว โต๋ แล้วคว้าปลายเสื้อผ้าของ กวน อู ไว้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

นี่คือฉันกำลังเห็นเทพเจ้าชัด ๆ*! อย่างนี้ต้องอวดแล้ว ฉันได้เห็น…กวนอูด้วยสองตาฉันจริง ๆ !*

ทุกคนต่างงงวยจากปฏิกิริยาของเขาเมื่อเจอกับ กวน อู ส่วน ฮัว โต๋ กลับรู้สึกอับอาย ชายหนุ่มท่านนี้ เมื่อก่อนหน้านี้ยังคงสงบเสงี่ยมอยู่ เหตุใดถึงได้แสดงอากัปกิริยาเช่นนี้เมื่อได้พบกับท่านแม่ทัพเล่า

แต่โชคดีที่ตัว กวน อู เองนั้นเพียงมองว่าอาการของ ซู ฉิวไป่ นั้นช่างน่าขัน ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะร้ายแรงมากทีเดียว แต่ กวน อู ยังคงสนทนากันเขาด้วยความยินดี

มันทำให้ ซู ฉิวไป่ รู้สึกอย่างถ่องแท้ว่าแม่ทัพกวนนั้น มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการจะเป็นท่านแม่ทัพอย่างถ่องแท้ ในขณะนั้นเอง เขาก็พลันตระหนักได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ณ ขณะนี้ คือการให้ ฮัว โต๋ รักษาท่านแม่ทัพ!

เขาก้าวไปด้านข้าง แล้วปล่อยให้ ฮัว โต๋ ได้ตรวจดูอาการของ กวน อู อย่างจริงจังเสียที

ซู ฉิวไป่ หน้าเบ้ทันทีที่เห็นแผลของ กวน อู ลูกเกาทัณฑ์อาบยาพิษของศัตรูได้ฝังลึกเข้าไปในแขนของท่านแม่ทัพ มิน่า ฮัว โต๋ ถึงได้กล่าวไว้ว่าต้องใช้การผ่าตัดเท่านั้น

เหตุการณ์ทุกอย่างที่ตามมาหลังจากนั้น ดำเนินไปเช่นเดียวกับที่ถูกเขียนไว้ในวรรณกรรม ฮัว โต๋ ขอให้ กวน อู หลับตา แต่ชายผู้เป็นแม่ทัพกลับปฏิเสธ เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วถอดเสื้อออก แล้วยินยอมให้ ฮัว โต๋ ทำการผ่าตัดกับเขาโดยตรงแล้ว

นายแพทย์จึงเอ่ยปากชื่นชมท่านแม่ทัพด้วยถ้อยคำภาษาจีนโบราณ พลางเตรียมมีดที่ใช้กับการผ่าตัด ซู ฉิวไป่ ทำได้แต่จดจ่อกับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาที่มั่นคง คนขับรถเคยไม่เชื่อมาก่อน…แต่ใครเล่าจะรู้ว่ามันเป็นความจริงทั้งหมด! ฮัว โต๋ ได้ทำการผ่าตัดไปในระหว่างที่สนทนากับ กวน อู อย่างสบายอกสบายใจจริงด้วย!

ชายหนุ่มไม่ลังเลเลยที่จะขัดจังหวะกระบวนการผ่าตัด เขาเอ่ยขึ้นมา

“เดี๋ยว! ผมมีบางอย่างที่จะช่วยการผ่าตัดได้ มันจะทำให้ท่านแม่ทัพหายเร็วขึ้น และร่นระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูอีกด้วย”

คำพูดของเขาชักนำให้เกิดความสับสนในใจของทุกคนที่อยู่ในกระโจมนั้น กวน อู เคยนึกคาดการณ์ไว้ว่าชายหนุ่มเป็นเพียงศิษย์ของ ฮัว โต๋ เท่านั้น ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฮัว โต๋ ก็คาดเดาไว้ว่า ซู ฉิวไป่ เพียงแค่ต้องการสร้างความวุ่นวายเท่านั้น!

การผ่าตัดนั้นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว นี่เจ้าจะเงียบต่อไปไม่ได้หรืออย่างไร นี่คิดวางแผนไว้เยี่ยงไรกันแน่

ซู ฉิวไป่ เปิดกระเป๋าสะพายตัวเองขึ้นต่อหน้าผู้ชมที่ยังคงนิ่งเงียบ

เขานำเอาชุดเครื่องมือผ่าตัดออกมาก่อน แล้วส่งมันไปให้นายแพทย์ แม้ในตอนแรก ฮัว โต๋ จะยังไม่เข้าใจดีนัก แต่หลังจากที่ได้ฟัง ซู ฉิวไป่ อธิบายอย่างคร่าว ๆ แล้ว ดวงตาของนายแพทย์แทบจะหลุดจากเบ้าทีเดียว

“ใครคือผู้ที่ทำสิ่งนี้กัน มันคือของขวัญจากพระเจ้าเป็นแน่แท้!”

ซู ฉิวไป่ อาจจะได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับคำชื่นชมจาก ฮัว โต๋ ชายผู้นับได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของการผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ

แต่ทว่า เขายังคงยึดมั่นในหลักการของตนว่าด้วยการไม่ถือตัว และการมีทัศนคติที่อ่อนโยนและถ่อมตนแทน เขาจึงเริ่มที่จะนำเอาของทุกอย่างออกมาทีละชิ้นอย่างใจเย็น

“นี่คือยาสลบ อันนี้คือเข็มฉีดยา อันนี้คือยาห้ามเลือด ส่วนนี่ ยาแก้ปวด…”

ทุกคนต่างพากันเงียบเป็นอย่างมาก มีเพียงแต่เสียงของ ซู ฉิวไป่ ที่ยังคงดังให้ได้ยิน เขาเข้าใจดีว่าเทคโนโลยีจากอนาคตทั้งหมดนี่จะส่งผลอย่างไรต่อผู้คนเหล่านี้ได้บ้าง แต่หากเพื่อชายผู้เป็นตำนานอย่าง กวน อู และเพื่อภารกิจอันโชคดีของเขาแล้ว…เขาไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจ!

เมื่อเขานำเอาทุกอย่างออกมาแล้ว ซู ฉิวไป่ จึงพักหายใจยาว ๆ แล้วค่อยนั่งบนพื้น

ส่วนคนอื่น ๆ นั้นกลับยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดและสับสนมากขึ้นเท่านั้น และนายแพทย์อย่าง ฮัว โต๋ ถึงกับอัศจรรย์ใจ!

ชายหนุ่มคนนี้ ราวกับว่าจะทราบมาก่อนแล้วว่าข้าต้องการทำอะไร หากสิ่งของทั้งหมดสามารถทำงานได้ตามที่เขากล่าวละก็…นี่คือปาฏิหาริย์แท้ ๆ*!*

ดวงตาของชายชราพลันจ้องตรงมาที่เขาด้วยความตกตะลึง มือของเขาคว้าหมับเข้าที่แขนของ ซู ฉิวไป่ พลางร้องขอคำอธิบายเพิ่มติมเพื่อความกระจ่าง

ถึงจะอย่างนั้นก็ตาม แต่ ซู ฉิวไป่ ก็เป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่เท่านั้น เขาแทบจะไม่รู้อะไรอย่างอื่นเลย ดังนั้น ภาระหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของกระบวนการผ่าตัด จึงยังตกเป็นของ ฮัว โต๋ ชายหนุ่มทำได้เพียงอธิบายหน้าที่เบื้องต้นและวิธีการใช้งานเครื่องมือแต่ละชิ้นเท่านั้น

กวน อู และผู้คนที่เหลือ เพียงแค่นั่งล้อมวงในกระโจมนั้น นั่งดื่มพลางเฝ้าดูสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้าพวกเขา

ราวกับว่า…ลูกศิษย์กลับกลายเป็นอาจารย์เสียแล้ว…

เหตุการณ์ทั้งหมดกลับยิ่งชวนสับสันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อดำเนินต่อไป

สุดท้ายแล้ว คนขับรถก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังจะร้องไห้ เมื่อต้องทนกล่าวกับชายชราว่าเขาไม่รู้ว่าเครื่องมือทั้งหมดนี้ทำงานได้อย่างไรเสียหลายครั้ง

ถ้าหากฉันรู้ว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ล่ะก็…ฉันคงจะพาศัลยแพทย์มาด้วยซักคนซะเลย ถ้านั่นยังเป็นไปไม่ได้อีก อย่างน้อยถ้าลากไอ้ไป้หวั่นมาด้วยกันก็พอแล้ว! ทำไมชายแก่คนนึงถึงได้น่ารำคาญได้มากขนาดนี้!

นี่เขาถึงกับถามเลยว่าจะใช้มีดผ่าตัดยังไงไม่ให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ… โถ่เว้ย*! จะรู้มั้ยล่ะ…นี่ฉันเป็นแค่คนขับแท็กซี่นะ!*

หลังจากการเจรจากับ ฮัว โต๋ อยู่นานสองนาน ในที่สุด ซู ฉิวไป่ ก็สามารถทำให้นายแพทย์ไปรักษา กวน อู ต่อเสียที แต่จู่ ๆ ชายชราคนนั้นกลับเงยหน้าแล้วหัวเราะขึ้นมาดังลั่น

“แม่ทัพกวน หากก่อนหน้านี้ ข้ามีความหวังว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะมีโอกาสสำเร็จเพียงร้อยละเจ็ดสิบแล้ว ณ ตอนนี้ ข้ากลับมั่นใจมากว่ามีโอกาสสำเร็จถึงร้อยละเก้าสิบ ดีไม่ดี มากกว่าเสียด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณชายหนุ่มคนนี้!”

แม้ว่า กวน อู จะไม่เข้าใจอย่างแน่ชัดว่านายแพทย์มีความสุขในเรื่องใดกัน แต่เขาก็พอทราบว่า ซู ฉิวไป่ มีส่วนเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเอง ทุกคนในกระโจมนั้นก็กล่าวขอบคุณเขาสำหรับคุณความดีครั้งดี ซึ่งนั่นทำให้เขาหน้าแดงเลยทีเดียว

แล้วสุดท้าย การผ่าตัดที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นตามประวัติศาสตร์ ก็กลับเกิดขึ้นเสียจนได้

สรุปแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสำเร็จลุล่วง และ กวน อู ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากที่ได้พักผ่อนแล้ว อาการป่วยที่เคยมีได้ถูกรักษา และบาดแผลของที่เคยเจ็บปวดก็ได้รับการเยียวยาจนหายดี กล่าวได้เลยว่า ณ ตอนนี้ กำลังใจของทั้งท่านแม่ทัพและพลทหาร ต่างล้วนเพิ่มขึ้นมาอย่างเต็มสูบ

ซู ฉิวไป่ เองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน เมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าทุกสิ่งล้วนจะเรียบร้อยดี เพราะเขาก็สามารถช่วยเหลือได้เท่านี้นี่แหละ

ฮัว โต๋ ดูจะเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุดจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ดูอาการของ กวน อู อย่างละเอียด ความตื่นตาตื่นใจของเขาไม่สามารถจะบรรยายได้ด้วยเพียงคำพูด เขาเฝ้าสังเกตเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหลายในกระเป๋าสะพายของ ซู ฉิวไป่ อย่างระมัดระวัง

ท่านหมอเลือกหยิบหลอดฉีดยาขึ้นมา แล้วเล่นกับมันอย่างสนอกสนใจ

ซู ฉิวไป่ อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบา ๆ จนกระทั้งเขาได้ยินเสียงสังเคราะห์อันเย็นชาของระบบการนำทางขึ้นมากะทันหัน

“ภารกิจอันโชคดีเสร็จสมบูรณ์แล้ว รางวัลที่คุณได้รับประกอบด้วย แต้มสะสมเพิ่มการเติบโตสองร้อยคะแนน และทักษะใหม่ คือ ทักษะการสังเกตหาพลังฉีในกาย จาก ฮัว โต๋ และยังได้รับของขวัญพิเศษจาก กวน อู คือ ทักษะพละกำลังของคุณเพิ่มขึ้น…”

ซู ฉิวไป่ รับฟังรายชื่อของรางวัลที่เชาได้รับทั้งหมดด้วยความปลาบปลื้ม เขาถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียด้วย

เนื่องในโอกาสที่จะเฉลิมฉลองการฟื้นตัวของ กวน อู จึงได้มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นสำหรับทั้ง ฮัว โต๋ และ ซู ฉิวไป่ ชายคนขับรถบัดนี้ดีใจอย่างเหลือล้น นี่เขาจะได้ร่วมทานอาหารกับท่านแม่ทัพ กวน อู โดยมีกวนเป๋งและจิวฉอง มือขวาของกวนอูคอยปรนนิบัติและบริการ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ!

ทว่ากลางงานเลี้ยงนั้นเอง กลับมีเสียงดังอึกทึกจากภายนอกค่าย หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ทุกคนจึงตระหนักได้ว่าความโกลาหลที่เกิดขึ้นนั้น คือกองทัพเฉานั่นเองที่กำลังยกพลเข้ามา

ซู ฉิวไป่ จึงนึกขึ้นได้ในขณะนั้นเอง ว่าตามเนื้อเรื่องเดิมในวรรณกรรมแล้ว โจหยินเกิดรู้ว่ากวนอูถูกยาพิษเข้า จึงจงใจยกพลเข้ามาท้าทายท่านแม่ทัพถึงค่าย

แม้ ฮัว โต๋ เพิ่งจะแนะนำให้ กวน อู ไม่ขยับร่างกายมากนัก แต่สถานการณ์ภายนอกค่ายยังคงวุ่นวาย และนั่นทำให้ กวน อู เกิดอาการคันไม้คันมืออยากรบขึ้นมา เขาชักง้าวมังกรเขียวซึ่งเป็นอาวุธคู่กายออกมา ท่านแม่ทัพกำลังจะก้าวเท้าออกไปนอกกระโจมอยู่แล้ว ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก

จู่ ๆ ซู ฉิวไป่ ก็ลุกพรวดขึ้นมา แล้วร้องตะโกนขึ้น “ท่านแม่ทัพกวน อย่าออกไปเลย เดี๋ยวผมจัดการเอง!”

เอาสิ ถึงจะสู้ไม่เป็น แต่ปากฉันก็ยังคงใช้การได้ล่ะน่า*! คงจะต้องสั่งสอนเสียหน่อย ฉันยังมีลำโพงขยายเสียงอยู่ในรถด้วยสิ*

ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก ซู ฉิวไป่ รู้สึกมาตลอดว่าสงครามระหว่างทั้งสามก๊กนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี ชัดเจนเลยว่าพวกเขาทั้งหมดต้องได้รับการตักเตือนเสียหน่อยแล้ว!

ในวันนี้…เดี๋ยวพวกนายทั้งหมดนี่ จะได้สัมผัสศิลปะแห่งทัษะการพูดจากโลกอนาคต*!*

(TL:กองทัพเฉา =กองทัพโจโฉ  โจโฉมีอีกนามว่า เฉา เชา)