กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1029
แม้จะไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเขาถึงเป็นเช่นนี้ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ แต่นางเชื่อว่าหากนางไม่รอเขาอยู่ที่นี่ เกรงว่าเขาคงจะไม่ออกมาอย่างแน่นอน
กู้ชูหน่วนสั่งให้ทุกคนออกไปและอยู่ภายในถ้ำเพียงลำพังโดยไม่สนใจคำคัดค้านของใครทั้งสิ้น
หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม สามชั่วยามผ่านไป…..
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว และภายในถ้ำยังคงเงียบสงบและมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น
“เจ้าไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เจ้าไม่หิวหรืออย่างไร? ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะเจ้าเสียหน่อย เจ้าจะแอบซ่อนเช่นนี้ไปถึงเมื่อไร รีบออกมาเถอะ”
“หากเจ้าไม่ออกมา ข้าก็จะรอเจ้าอยู่เช่นนี้ หากเจ้าไม่กินข้าว ข้าก็จะไม่กินข้าวเหมือนกับเจ้าเช่นกัน”
“……”
ไม่ว่ากู้ชูหน่วนพูดอะไร ภายในถ้ำก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเลยสักนิด
หากไม่ใช่เพราะนางรู้ว่าถ้ำแห่งนี้มีความลึกมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปโดยปราศจากการช่วยเหลือของคนนอก เช่นนั้นนางคงคิดว่าอี้หยุนเฟยคงไม่ได้อยู่ข้างในนี้แล้วแน่ๆ
นางกุมท้องของตัวเองแน่นและกล่าวอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย หิวเหลือเกิน หิวแทบขาดใจ ก่อนที่จะมาเจอเจ้า ข้าก็ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงหิวตายแน่ๆ เจ้ารับได้หรือ?”
ซี๊ด…..
มีเสียงหายใจหนักแน่นดังขึ้นในอากาศ
แม้ว่ามันจะเบามาก แต่กู้ชูหน่วนก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน
อี้หยุนเฟยยังคงอยู่ภายในถ้ำจริงด้วย
“หิวตายไปเลยแล้วกัน ถึงอย่างไรบนโลกนี้ก็ไม่มีใครสนใจข้า”
ท้องของนางกระอักกระอ่วนและร้องเสียงดังสนั่น
กู้ชูหน่วนบ่นพึมพำกับตัวเองเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีผลใดๆ
นางเริ่มนั่งทำสมาธิ
แม้ว่าจะได้พบเจอกับอี้หยุนเฟยเพียงสองครั้งเท่านั้น ทว่ากลับรู้สึกเหมือนรู้สึกกันมานานกว่าครึ่งชีวิต
จากนิสัยของเขาแล้ว หากเห็นว่านางร้องโอดครวญอยู่ตรงนี้ เขาไม่มีทางเฉยเมยหรืออยู่เฉยแน่
หากไม่ใช่เพราะหลังจากร่างกายของเขาโปร่งแสงแล้วก็ไม่สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้ หากเป็นเช่นนี้….
นางจะไปตามหาเขาเจอได้อย่างไร?
คิดไปคิดมา ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ผล็อยหลับไป
เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง อี้หยุนเฟยก็ได้มาอยู่ข้างๆ นาง แต่เขาซ่อนตัวอยู่ในความมืด เมื่อเขาเห็นนางตื่นขึ้นก็รีบหลบไปด้วยความรู้สึกผิดและหวาดกลัว
“หลบไปไหน ข้าเห็นหมดแล้ว รีบออกมาเดี๋ยวนี้ ข้ามีของกินให้เจ้า”
กู้ชูหน่วนหยิบอาหารและผลไม้จำนวนหนึ่งออกมาจากวงแหวนอวกาศ
แม้จะไม่ได้มีมากมายอะไร แต่สำหรับคนที่หิวโหยอย่างพวกเขาแล้วนั้นถือเป็นอาหารอันโอชะที่สุดในโลกแล้ว
กู้ชูหน่วนเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อยและบ่นพึมพำ “หิวเหลือเกิน รู้เช่นนี้ข้าไม่รอเจ้าหรอก”
“มัวทำอะไรอยู่ หากเจ้าไม่มาข้ากินหมดไม่รู้ด้วยนะ”
“เจ้า….เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?”
น้ำเสียงที่หวาดระแวงดังออกมาจากความมืดและเห็นได้ชัดว่าเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก
“กลัวอะไร? เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเราเป็นเพื่อนกัน? ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน เช่นนั้นทำไมข้าต้องกลัวเจ้าด้วย?”
“ข้า…..ร่างกายของข้าเพิ่งจะโปร่งแสงกลับไปอีกแล้ว?”
“เช่นนั้นแล้วจะเป็นไร ทำให้เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้อย่างนั้นหรือ? หรือว่าหลังจากที่เจ้าโปร่งแสงไปเจ้าจะกินข้า?”
อี้หยุนเฟยรู้สึกตกใจอย่างมาก
เขาคิดมาตลอดถึงปฏิกิริยาของกู้ชูหน่วนหลังจากที่รับรู้ว่าเขาเป็นโรคประหลาดจะเป็นเช่นไร
ทว่ากลับไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์นี้เลย
ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกคนที่รู้ว่าเขาเป็นโรคประหลาดมักจะมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้น ทว่าดวงตาของพวกเขามักเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่นาง……
ดวงตาของนางจริงใจและชัดเจน และไม่ได้มองเขาด้วยสายตาประหลาดเลยสักนิด
นางยังคงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิมเสมอ
หัวใจของอี้หยุนเฟยรู้สึกอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นนี้นอกจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่แล้ว เขาไม่เคยได้รับและสัมผัสความอบอุ่นเช่นนี้มาก่อนเลย
“เจ้า…..เจ้าดีกับข้ามาก”