ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 460 กลับโลกแปดพิภพ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

สวีเฟยมีสีหน้าสงบยิ่ง ไม่มีความเครียดเคร่งแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาแน่วแน่ ไม่มีความสั่นไหวและความลังเล

เยี่ยนจ้าวเกอมองสวีเฟยอย่างล้ำลึก พลันยื่นนิ้วออกมาดุจกระบี่ แทงใส่แขนของสวีเฟยกลายเป็นรูเลือดรูหนึ่ง

สือจวินน้อยอุท่านด้วยความตกใจ ทว่าสวีเฟยยืนนิ่งไม่ขยับ มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างใจเย็น

ชายหนุ่มใช้เลือดสวีเฟยวาดกลางอากาศด้วยนิ้ว กลายเป็นลวดลายอาคมที่ลี้ลับซับซ้อน

จากนั้นกระจกยังสูงส่งก็ส่องลวดลายอาคมนั้น หลังจากลวดลายเลือดคงอยู่บนตัวกระจก จากนั้นก็คล้ายกับซึมเข้าไปในกระจก

“จะต้องรับพวกท่านกลับมาให้ได้” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ มีสีหน้าจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

สวีเฟยห้ามเลือดอย่างผ่อนคลาย ทั้งยังปลดถุงสุราที่ข้างเอวออกมาดื่มคำหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะรอ”

เยี่ยนจ้าวเกอบอกวิธีการใช้แกนหยกแสงรุ้งรักษาอิ๋งอวี่เจินกับสวีเฟยอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็เขียนใบแสดงรายการ บอกวิธีอื่นในการรักษานางเท่าที่ตนคิดได้ในตอนนี้กับอีกฝ่ายด้วย

ด้วยเหตุนี้ เมื่อไปถึงโลกผืนสมุทร นอกจากแกนหยกแสงรุ้งแล้ว ถ้าหากใช้ของวิเศษชิ้นอื่นได้อีก สวีเฟยกับสือจวินสองศิษย์อาจารย์จะทำอะไรได้สะดวกขึ้น

ประตูทางเชื่อมเขตแดนกลางอากาศปั่นป่วนอย่างผิดปกติ ค่อยๆ มีแนวโน้มจะหุบลงแล้ว

ชายหนุ่มมองไป๋จิ่งคังสองสามีภรรยา กล่าวว่า “ศิษย์พี่ของข้าร่วมทางกับพวกท่าน ได้โปรดช่วยดูแลเขาให้มาก”

สวีเฟยกล่าว “รบกวนพวกท่านแล้ว”

ถึงแม้ว่าพลังฝึกปรือของเขาจะยังไม่ถึงมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ แต่หากยึดตามอายุของเขา ไป๋จิ่งคังกับหวังปิงไม่กล้าดูถูก ต่างพยักหน้าด้วยความเกรงใจ

ไป๋จิ่งคังรำพึงรำพัน “ได้รับการช่วยเหลือจากพวกท่าน พวกเราสองสามีภรรยายากตอบแทน จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”

หวังปิงกล่าว “ถึงแม้พวกเราจะมีความสามารถจำกัด แต่จะแจ้งกับทางอาจารย์ให้ สำนักของเราจัดเป็นเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะของโลกผืนสมุทร คิดจะหาของบางอย่าง นับว่าไม่ยากนัก”

การเปิดเขตแดนมาถึงโลกลอยน้ำ และได้พบพวกเยี่ยนจ้าวเกอเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย..โดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่กังวลว่าจะถูกคนวางแผนเล่นงาน

ที่เยี่ยนจ้าวเกอช่วยพวกเขาเพราะมีสิ่งที่ต้องการ สำหรับไป๋จิ่งคังกับหวังปิงสองสามีภรรยาแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติเรื่องหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว สำหรับพวกเขาสามีภรรยาแล้ว เมื่อได้ยินว่าสำนักของชายหนุ่มชื่อเขากว่างเฉิง ก็เกิดความใกล้ชิดอยู่หลายส่วน

เยี่ยนจ้าวเกออายุเพียงเท่านั้น ก็มีพลังฝึกปรือและความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว พวกไป๋จิ่งคังย่อมอยากผูกไมตรีกับเขา

“เช่นนั้น พวกเราสองสามีภรรยาขอลาแล้ว หวังว่าจะได้เจอใต้เท้าอีก”

พูดจบ ร่างของพวกไป๋จิ่งคังก็ลอยขึ้นด้านบนไป

สวีเฟยเก็บถุงสุรา โบกมือให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ “รักษาตัวด้วย”

จากนั้นเขาก็พาสือจวินบินไปที่ประตูทางเชื่อมเขตแดนกลางอากาศพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองอยู่ที่เดิม เห็นร่างของพวกสวีเฟยหายไปในประตูทางเชื่อมเขตแดน

ครู่ต่อมา ประตูทางเชื่อมเขตแดนนั้นก็เริ่มพังทลาย กลายเป็นความพร่าเลือนกลางท้องฟ้าโดยสิ้นเชิง

สักพักหนึ่ง ทางเชื่อมเขตแดนก็หายไป สุดท้ายก็ไม่เห็นร่องรอยใดอีก

ท้องฟ้าเหนืออากาศกลับคืนสู่สภาพเดิม

พวกเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ เฟิงอวิ๋นเซิง และอิงหลงถู บัดนี้มองท้องฟ้าที่ไม่มีอะไรประหลาดอีก เงียบงันอยู่ชั่วขณะ

“พวกเราไปเถอะ”

เนิ่นนานให้หลัง เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจยาว หมุนตัวจะผละไป “พวกเราเสียเวลาที่โลกลอยน้ำไปมากแล้ว”

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และอิงหลงถูพยักหน้า

ทุกคนไล่ตามลำแสงสายหนึ่งที่รุนแรงที่สุดไป เลียบทิศทางที่ลำแสงกระจายไปทั่วท้องฟ้าในตอนที่ตามหาทางกลับโลกแปดพิภพ

พวกเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าขึ้นเหนือมากกว่าหนึ่งหมื่นลี้ จากนั้นเขาหาทิศทางการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในโลกลอยน้ำ ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมิติบริเวณรอบๆ

หลังจากหาอยู่นาน ดวงตาของเยี่ยนจ้าเกอก็เป็นประกาย พาทุกคนไปด้วยความรวดเร็ว

ไม่ทันไรที่ขอบฟ้าไกลออกไป คล้ายกับมีเมฆดำขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง ใจกลางเมฆนั้นมีพายุหมุน กระแสอากาศที่อยู่รอบๆ ม้วนวนเข้าไปด้านในตัวมันอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเข้าไปใกล้ เยี่ยนจ้าวเกอก็พาทุกคนเข้าไปในใจกลางเมฆดำ แล้วเหาะขึ้นไปตลอดทาง ครั้นเขาเงยหน้ามองไป ก็เห็นส่วนลึกของกระแสอากาศที่กำลังหมุน ซ่อนไว้ด้วยประตูทางเชื่อมเขตแดนแห่งหนึ่ง

ประตูทางเชื่อมเขตแดนแห่งนี้เชื่อมไปยังโลกแปดพิภพ ที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอจากมา

มิติของประตูบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประตูทางเชื่อมกลางโลกลอยน้ำเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดยั้ง เหมือนกับพายุซึ่งกำลังเคลื่อนที่

ในตาพายุของพายุนี้คือตำแหน่งที่ประตูทางเชื่อมเขตแดนอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นฝ่ามืออกมา ญาณจริงแท้หลายสายกลายเป็นมือยักษ์ปกคลุมท้องฟ้า ดันประตูไว้เพื่อพิจารณาทางเข้า

“ดีที่ทางเชื่อมสายนี้ยังประคับประคองต่อได้ ไม่ปิดในเวลาสั้นๆ นี้” ครู่ต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย “แต่เกรงว่าเวลาจะค่อยๆ หมดลงแล้ว พวกเราต้องรีบเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด”

หลังจากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของมิติในประตูทางเชื่อมเขตแดนอย่างละเอียดแล้ว ก็รู้สึกมั่นใจขึ้น ต่อให้ออกไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจออีก เยี่ยนจ้าวเกอจึงพาทุกคนออกจากพายุเมฆสีดำ

ทุกคนกลับภูเขาหิมะสะพานหยกที่แดนตะวันตก หลังจากพบซูอวิ๋นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจกล่าวว่า “ท่านน้าซู พวกเราต้องไปแล้ว”

ซูอวิ๋นรู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย “นายน้อย ท่านต้องรักษาตัวให้ดี หากพบพี่เขย ได้โปรดส่งคำทักทายแทนข้าด้วย

“ถ้าหาก…ถ้าหากท่านเจอนายหญิง ได้โปรดบอกนางแทนข้าว่า หากนายหญิงมีเวลา ขอให้กลับโลกลอยน้ำสักครั้ง ข้าคิดถึงนางเหลือเกิน”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ท่านน้าซูวางใจเถอะ ข้าเชื่อว่าที่ก่อนหน้านี้ท่านแม่กลับมาโลกลอยน้ำโดยไม่ได้ติดต่อกับท่าน น่าจะเป็นเพราะความพิเศษของสถานการณ์ในตอนนั้น จึงไม่คิดจะทำให้ท่านลำบาก ถ้าหากสถานการณ์เป็นใจ นางจะต้องมาพบท่านแน่”

สายตาของซูอวิ๋นมีความกังวลเล็กน้อย “นี่คือสิ่งที่ข้าเป็นห่วงที่สุด หวังว่านายหญิงจะไม่เป็นอะไร”

ชายหนุ่มปลอบนางอีกหลายประโยค อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องโลกผืนสมุทรคร่าวๆ เพื่อให้ซูอวิ๋นได้เตรียมใจ

โลกลอยน้ำค่อนข้างปิด แต่ถ้าหากเปิดทางเชื่อมเขตแดนที่เสถียรกับโลกผืนสมุทรขึ้น สำหรับคนที่นี่แล้ว การโจมตีรุนแรงที่จะเกิดขึ้นมิใช่เรื่องดีแน่

คนในโลกลอยน้ำ ได้แก่ สำนักเขามังกรเขียว สำนักอัสนีคำรน และสำนักเมฆาโลหิต รวมตัวกันที่อาณาจักรตะวันตกอีกครั้ง เพื่อจะส่งแกนศิลาชั้นยอดมาให้เยี่ยนจ้าวเกอ

ก่อนหน้านี้ที่บริเวณเขาอรุณมรกตซึ่งเป็นตีนเขาทางเหนือของเทือกเขาเสียงฉินฉับพลัน เนื่องจากเยี่ยนจ้าวเกอต้องการทำธุระ ดังนั้นคนที่อยู่บริเวณใกล้ๆ จึงถูกสำนักอัสนีคำรนไล่ออกไปก่อน ทำให้ไม่มีใครทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่น

แต่ว่าสงครามที่เกิดขึ้น ได้สั่นสะเทือนบริเวณโดยรอบ ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกถึงได้

พวกจอมยุทธ์ในโลกลอยน้ำต่างรู้สึกวิตก มีการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ หวังให้เยี่ยนจ้าวเกอบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ท่าทางเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับทำให้พวกเขาจนปัญญา

มีคนสังเกตเห็นว่าสวีเฟยหายไป แต่ก็ไม่กล้าถาม

ถึงแม้จะมีการคาดเดาว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอเสียท่าหรือไม่ แต่พอเห็นตัวชายหนุ่มไม่มีความผิดปกติใด ต่อให้มอบความกล้าให้พวกเขาอีก พวกเขาก็ไม่กล้าก่อเรื่องแล้ว

การยุ่งมากเกินไป รังแต่จะสะกิดความโกรธของจอมมารเยี่ยนที่อารมณ์คุ้มดีคุ้มร้ายเสียเปล่าๆ

หากทำให้จอมมารผู้นี้ไม่พอใจ พวกเขาก็มีความเสี่ยงที่จะถูกทำลายได้ตลอดเวลา