ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 461 คำพูดที่เยี่ยนจ้าวเกอทิ้งไว้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากมอบหมายหน้าที่ให้พวกจอมยุทธ์เลือดปีศาจแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็จัดเก็บแกนศิลาวิญญาณชั้นยอดที่ได้มา

ครั้นบอกลากับซูอวิ๋นเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็พาลูกศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักกระเรียนหิมะที่มีพรสวรรค์โดดเด่น และยินดีจากบ้านเกิด ออกจากภูเขาหิมะสะพานหยกอย่างเงียบเชียบ มุ่งหน้าไปที่ประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังโลกแปดพิภพ

นอกจากครอบครัวของซูอวิ๋นแล้ว พวกลูกศิษย์สำนักกระเรียนหิมะก็เพียงแต่รู้ว่าต้องเลือกคนที่มีอายุน้อย และมีคุณสมบัติยอดเยี่ยม เพื่อไปยังดินแดนที่เหมาะกับการฝึกฝนของจอมยุทธ์ฝึกลมปราณ

เยี่ยนจ้าวเกอออกจากโลกลอยน้ำอย่างเงียบๆ ทิ้งเรื่องเล่าไร้สิ้นสุดไว้ที่นี่

ชายหนุ่มไม่ปรากฏตัวอีกเป็นเวลานาน ทำให้พวกหลัวจิ่งฮ่าวมีการคาดการณ์ว่า บางทีเขาอาจจะเร้นกายออกจากโลกใบนี้ไปแล้ว เหมือนกับเสวี่ยชูฉิงในอดีต

แต่ว่าก่อนหน้ามีเสวี่ยชูฉิง ให้หลังมีเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนย่างกรายเข้ามาในโลกลอยน้ำแห่งนี้อีก

ด้วยเหตุนี้ พวกหลัวจิ่งฮ่าวจึงไม่กล้าประสงค์ร้ายต่อสำนักกระเรียนหิมะอีก

สงครามที่แดนตะวันตก เยี่ยนจ้าวเกอได้ทำลายสามสำนักและหนึ่งปีศาจด้วยตัวคนเดียว เป็นตัวแทนของจอมยุทธ์ฝึกลมปราณ สยบความเชื่อมั่นของจอมยุทธ์เลือดปีศาจ จนไม่อาจฟื้นคืนมาได้ในระยะเวลาอันสั้น

ถึงแม้ว่าการฝึกฝนของจอมยุทธ์ฝึกลมปราณในโลกลอยน้ำจะยากลำบาก และไม่ได้เป็นที่นิยม แต่ว่าก็เกิดกระแสร้อนแรงที่คนหนุ่มคิดเป็นจอมยุทธ์ฝึกลมปราณอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

คนหนุ่มทุกคนอยากจะเป็นยอดฝีมือผู้ครอบครองโลก สยบใต้หล้า และปกครองทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือน ‘จักรพรรดิเยี่ยน’ ในตำนาน

ถึงแม้ว่าในสายตาของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนในสำนักเมฆาโลหิต เยี่ยนจ้าวเกอจะเป็นจอมมารก็ตาม

แต่พวกเขาไม่กล้าพูดต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเช่นนี้ ยิ่งไม่กล้ากระจายชื่อเสียงเลวร้าย

จักรพรรดิเยี่ยนสยบใต้หล้า ปกครองโลกลอยน้ำ นี่คือคำเรียกที่คนในโลกลอยน้ำเรียกเยี่ยนจ้าวเกอ

ถึงแม้ว่าจะมาและจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในโลกลอยน้ำอย่างรุนแรง

มีคำพูดดุจประกาศิต ทั้งยังลงมืออย่างเฉียบขาด

มาตรว่าจะเร้นกาย แต่ก็ยังส่งผลคุกคามต่อทุกผู้ทุกคนในโลกลอยน้ำ

“น่าเกรงขามก็ส่วนน่าเกรงขาม แต่เป็นเพราะในโลกลอยน้ำไม่มีพยัคฆ์เท่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอพาเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และอิงหลงถูข้ามทางเชื่อมเขตแดนด้วยกัน พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มในขณะที่เดินทาง “ก่อนมหาภัยพิบัติ คำเรียกจักรพรรดิหรือราชามีความสำคัญมาก ไม่ใช่ว่าใครจะใช้ก็ได้”

“ถึงแม้จะเป็นตอนนี้ ก็ไม่มีใครใช้ง่ายๆ เหล่าอาจารย์ปู่ในประวัติศาสตร์ของเขากว่างเป็นผู้โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกันบนโลกลอยน้ำแทบจะทั้งหมด แต่ดูจากคำเรียกของพวกเขา ทั้งเฒ่าเบิกฟ้า ผู้สะเทือนสวรรค์ บุรุษเทียมสวรรค์ และปราชญ์เทียมฟ้าแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีใครใช้คำเรียก ‘จักรพรรดิ’ หรือ ‘ราชา’ เลย”

อาหู่ยิ้มซื่อ “แต่ว่าคุณชาย ข้าเห็นตอนผู้อื่นเรียกท่านเช่นนี้ ท่านดูชอบใจยิ่ง”

ชายหนุ่มกระแอม “แค่กๆ พวกเขาอยากเรียก ข้าก็ปล่อยให้เรียก”

เฟิงอวิ๋นเซิงหลุดหัวเราะ อิงหลงถูใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เยี่ยนโกหก”

เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วใส่หน้าผากอิงหลงถูครั้งหนึ่ง “ใช้ได้ ตอนนี้ฉลาดจริงๆ แล้ว”

อิงหลงถูกุมหน้าผากหัวเราะร่า คล้ายกับกลับไปตอนเด็กอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอสารภาพ ตอนนี้ยังแบกรับชื่อนี้ไม่ไหว แต่ว่าก็ฟังดูดีจริงๆ”

เฟิงอวิ๋นเซิงกะพริบตา “อ้อ ตอนนี้เท่านั้น…”

เขากะพริบตาเช่นกัน “มีปัญหาหรือ? ข้าว่าข้าใช้คำได้ดีนะ”

หญิงสาสยกนิ้วโป้งให้เขา “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

พวกเขาหัวเราะต่อกระซิกกันไปตลอดทาง ทุกคนข้ามทางเชื่อมเขตแดน ปราณวิญญาณหลายสายเกี่ยวกระหวัดระหว่างฟ้าดิน เบื้องหน้าปรากฏภาพสายรุ้งกางเขนอีกครั้ง รุ้งกินน้ำที่พาดผ่านท้องฟ้าสองสาย ตัดสลับกันกลางอากาศในแนวนอนและแนวตั้ง

เมื่อรู้สึกได้ถึงทิศทางของปราณวิญญาณที่แตกต่างกับโลกลอยน้ำ พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจชมเชยอย่างสดชื่น

ความรู้สึกนั้น เหมือนออกจากทะเลทราย แล้วเข้าสู่หมู่บ้านแห่งแม่น้ำที่แดนเจียงหนาน

แต่ว่าการอยู่ในบึงทะเลมายา ถึงแม้สายรุ้งกางเขนคอยสกัดกั้น แต่ก็ยังเกิดภาพลวงอยู่ดี

เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจรอบๆ “ประตูทางเชื่อมทางด้านโลกแปดพิภพมั่นคง แตกต่างกับความปั่นป่วนที่ประตูทางเชื่อมทางด้านโลกลอยน้ำ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้อื่นไปที่โลกลอยน้ำมาก่อน”

“ดูจากสภาพแวดล้อมใกล้ๆ แล้ว ระยะเวลานานขนาดนี้ ไม่มีใครเข้าใกล้ทางสายรุ้งกางเขนสักคนเดียว”

เฟิงอวิ๋นเซิงคาดเดาว่า “สายรุ้งกางเขนอยู่ลึกเข้ามาในส่วนในของบึงทะเลมายา คนที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำยากจะเข้ามาได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงเวลาที่โลกมายาอ่อนกำลัง ทว่าแม้จะเป็นมหาปรมาจารย์ก็อาจจะหลงอยู่ที่นี่ได้”

“คนที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงไม่มาใกล้ๆ ที่นี่…อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้โลกแปดพิภพเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ทุกคนไม่มีเวลามาสนใจกระมัง”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “หาวิธีออกไปก่อน จากนั้นค่อยหาคนถามก็รู้เอง ดีที่การไหลของเวลาในโลกลอยน้ำคล้ายกับพื้นฐานของโลกแปดพิภพ”

เขาหันหน้ากลับไปมองสายรุ้งกางเขนที่อยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ก้มมองปิ่นกระเรียนหิมะในมือของตนเอง พลางส่ายหน้าเล็กน้อย

ช่วงเวลาที่จะเข้ามาในสถานที่อย่างบึงทะเลมายานั้นลำบากจนถึงขีดสุด คิดจะออกไปอย่างปลอดภัย ก็ลำบากเช่นกัน เนื่องจากอย่างไรก็แยกแยะทิศทางได้ยาก

สุดท้ายต้องใช้เวลาอยู่นาน จึงจะออกมาจากบึงทะเลมายาได้

คิดจะหาข่าวบนพื้นที่ของบึงพิภพ ย่อมต้องอาศัยคนในหอคลื่นโหม

เยี่ยนจ้าวเกอที่ทราบว่าเซี่ยโยวฉานยังไม่ออกฌาน พลันรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย

ใจเขาย่อมหวังให้เซี่ยโยวฉานไม่ออกจากฌาน จนกระทั่งสวีเฟยกลับมาโลกแปดพิภพอย่างปลอดภัย

เมื่อพบกับเซี่ยโยวฉานไม่ได้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่มีคนรู้จักในหอคลื่นโหมอีก

แม่นางน้อยจางเหยาเจอเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว นางรู้สึกดีใจยิ่ง “ศิษย์พี่เยี่ยน ท่านกลับมาจากบึงทะเลมายาแล้วหรือ”

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องจาง ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางแนะนำให้จางเหยารู้จักกับเฟิงอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู

จางเหยาแอบมองเฟิงอวิ๋นเซิงแวบหนึ่ง

สตรีแห่งจันทราจากหอคลื่นโหม ฝานชิวค่อนข้างสนิทกับจางเหยา การได้เจอกับเฟิงอวิ๋นเซิงที่เคยเอาชนะฝานชิวในการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่ห้ามาก่อน นางจึงเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างอดไม่ได้

เฟิงอวิ๋นเซิงพูดคุยเหมือนยามปกติ หลังจากคารวะจางเหยาพร้อมกับอิงหลงถูแล้ว ก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์น้องฝานสบายดีหรือ”

จางเหยาตอบด้วยความเขินอายเล็กน้อย “ศิษย์พี่ฝานรู้สึกนับถือศิษย์พี่เฟิงท่านมาก แต่ยังหวังว่าจะได้ตัดสินกับท่านในเร็ววัน นางกำลังเข้าฌานอยู่”

ฝ่ายเฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มอย่างผ่าเผย “ศิษย์น้องฝานมีคุณสมบัติเลิศล้ำ อีกทั้งยังขยันหมั่นเพียร ข้าจะเฝ้ารอ”

พอทุกคนยิ้ม จางเหยาก็ยิ้ม รู้สึกเป็นกันเองกับเฟิงอวิ๋นเซิงมากขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ศิษย์น้องจาง ในช่วงที่พวกเราเข้าไปในบึงทะเลมายา เกิดเรื่องอะไรขึ้นในโลกแปดพิภพบ้างหรือ”

จางเหยามีสีหน้าจริงจัง ตอบว่า “เป็นเรื่องใหญ่มาก”

“ก่อนหน้านี้ไม่นาน สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ร่วมมือกันสร้างความลำบากให้เมืองทะเลมรกต ผู้อาวุโสหวง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กับผู้อาวุโสเฉิน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าดำ เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ ต่างก็ออกโรงด้วยตัวเอง พากันไปที่วารีพิภพ”

นางมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ “ผู้อาวุโสจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ปราชญ์เทียมฟ้าของสำนักท่าน พร้อมกับเสื้อคลุมนภา ขัดขวางจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนที่ปฐพีพิภพ เกิดสงครามขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย”