ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 462 เรื่องใหญ่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จางเหยาเล่าว่า “มงกุฏแห่งจันทราที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ดูแลอยู่ ออกจากสำนักมุ่งหน้าสู่วารีพิภพ โดยมีเมิ่งหว่านเป็นผู้ใช้งาน เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดน ผู้ใช้เหยี่ยวแห่งบรรพตเหนือ ฉู่เหยียนก็นำขวานจามสวรรค์ออกสำนักเช่นกัน”

พอพูดว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นำมงกุฎแห่งจันทรามุ่งหน้าสู่เมืองทะเลมรกต จางเหยาก็ถอนใจครั้งหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปกติ ถามว่า “แล้วก็?”

“อีกอย่าง” จางเหยากระตือรือร้นขึ้นมา “เจ้าสำนักเยี่ยน บิดาของท่านต่อสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำ ผู้อาวุโสเฉิน ที่จุดตัดของวารีพิภพและอัสนีพิภพ”

“บิดาท่านไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความได้เปรียบด้านชัยภูมิ อาศัยเพียงพลังฝึกปรือของตัวเอง ปะทะกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำซึ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งๆ หน้าด้วยระดับมหาปรมาจารย์ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำเห็นวารีพิภพอยู่เบื้องหน้า แต่มิอาจรุกคืบได้แม้แต่ก้าวเดียว!”

อาหู่ได้ยินดังนั้น พลันยิ้มตาหยี หัวเราะร่า

ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู ปรากฏความชมเชย

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ตกใจ เพียงถามด้วยรอยยิ้ม “ผลลัพธ์สุดท้ายเล่า?”

ความตื่นเต้นบนใบหน้าของจางเหยาสลายไป สายตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ยังไม่ทันได้ตัดสินแพ้ชนะ เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็ได้ขัดการต่อสู้ครั้งนี้”

นางถอนใจยาว ดวงตาทั้งสองข้างปรากฏความกริ่งเกรงมากมาย “ไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างบิดาท่านกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำเท่านั้น ทางด้านอื่น การต่อสู้ระหว่างผู้อาวุโสปราชญ์เทียมฟ้าและจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกขัดเช่นกัน

“การคุมเชิงระหว่างมงกุฏแห่งจันทราและขวานจามสวรรค์ ได้แต่ต้องประกาศการยุติ”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หยีตาเล็กน้อย

จางเหยากล่าวด้วยเสียงทุ้ม “ทางปฐพีพิภพเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จึงส่งกระทบไปทั่วปฐพีพิภพ และอาณาเขตของพิภพอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ”

“ว่ากันว่า มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวส่งออกมาจากปฐพีพิภพ อีกทั้งยังมีเสียงโหยหวนที่สั่นสะท้านจิตวิญญาณด้วย”

ขณะที่จางเหยาเล่า ดวงตาก็ปรากฏความหวาดกลัวอย่างล้ำลึก “คนที่อยู่ในปฐพีพิภพในตอนนั้น นอกจากปราชญ์เทียมฟ้าจากสำนักท่าน กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน ทุกคนล้วนตายในทันที!”

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่บัดนี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่ชำแรกสู่จิตใจ

ปฐพีพิภพมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แทบจะใหญ่โตเท่ากับนภาพิภพที่เขากว่างเฉิงปกครองอยู่

ถึงแม้ว่าปฐพีพิภพจะเป็นหนึ่งในแดนอันตรายทั้งหกของโลกแปดพิภพมาโดยตลอด แต่ว่าด้านในมีของล้ำค่ามากมาย ซึ่งหาที่อื่นไม่พบ

ดังนั้นจึงมักจะมีคนเสี่ยงอันตรายเข้าไป ในจำนวนนี้ย่อมมีจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงอยู่ด้วย

แต่เมื่อเกิดคลื่นมรสุมจู่โจมมา คนที่อยู่ด้านในก็คล้ายกับเรือในมหาสมุทร เจอคลื่นยักษ์ที่พัดไปทั่วท้องทะเลในฉับพลันกลบฝังในชั่วพริบตา

ในจำนวนคนเหล่านี้ จะมากจะน้อยก็มีจอมยุทธ์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกอยู่ด้วย

ภาพอันน่าพรั่นพรึงนี้ เพียงแค่คิด ก็ทำให้ทุกคนสั่นระริกด้วยความกลัวแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “ถึงแม้ว่าอาจารย์ปู่ของข้ากับหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จะเปิดสงครามบนปฐพีพิภพ แต่ทั้งสองสมควรลดผลกระทบที่จะเกิดกับปฐพีพิภพ ไม่น่าจะอาละวาดหนักขนาดนี้ถึงจะถูก”

จางเหยาตอบ “ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสหยวนและผู้อาวุโสหวงระมัดระวังแล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของปฐพีพิภพมิใช่ฝีมือของท่านทั้งสอง”

เด็กสาวเม้มปาก “เดิมทีท่านผู้คุมหอเข้าฌานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด แต่ก็ยังถูกรบกวน นางบอกว่าการเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพในครั้งนี้ รุนแรงกว่าความปั่นป่วนจากบึงไร้ขอบเขตก่อนหน้า มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับนพยมโลก!”

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย “จากนั้นเล่า?”

สีหน้าของจางเหยาผ่อนคลายลงหลายส่วน “การเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพ และการสร้างความปั่นป่วนจากนพยมโลก ทำให้ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้และคุมเชิงกันต้องวางมือชั่วคราว และเดินทางไปปฐพีพิภพเพื่อจัดการด้วยกัน”

ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวอันใด เพียงมองจางเหยา รอให้นางเล่าต่อ

เห็นเด็กสาวมีใบหน้ากังวล “ข้าไม่ค่อยรู้สถานการณ์แน่ชัดนัก แต่ว่ากันว่า ในเหวลึกของปฐพีพิภพ มีแสงสีทองส่องระยิบระยับ”

“เมื่อได้รับผลกระทบนี้ ปฐพีพิภพที่เดิมเต็มไปด้วยกลิ่นอายดุร้ายก็สงบลงชั่วคราว แต่ยังคงมีอันตรายที่ผิดปกติอยู่ดี”

“พวกผู้อาวุโสจากสำนักต่างๆ ล้วนแจ้งแล้วว่า ลูกศิษย์ในสำนักที่มีพลังต่ำกว่าระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ ห้ามเข้าใกล้ปฐพีพิภพเด็ดขาด แม้แต่รอบนอกก็เข้าไปไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย “แสงสีทองหรือ?”

มีคนเล่าว่า ที่ปฐพีพิภพกลายเป็นแดนร้างในตอนนี้ เพราะมีรอยร้าวที่เชื่อมไปยังนพยมโลกเปิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนโดยไม่ทราบสาเหตุ

เพียงแต่รอยร้าวนี้ถูกพลังงานที่ไม่ทราบที่มาผนึกเอาไว้ พลังงานแห่งความตายจึงมิได้กระจายตัวต่อ

แต่ว่าปฐพีพิภพกลับกลายเป็น ‘นรก’

ยังไม่ต้องพูดถึงนพยมโลกได้เผยแพร่ชื่อเสียงอันเลวร้ายตั้งแต่ก่อนมหาภัยพิบัติมาจนถึงปัจจุบัน หากใช้ปฐพีพิภพเป็นกระจกตัวอย่างที่ประสบเคราะห์ก่อน ก็จะเข้าใจว่าเหตุใดโลกแปดพิภพจึงเตรียมตัวระวังอันตรายจากนพยมโลกอย่างเต็มที่ หลังจากที่พบร่องรอยของบึงไร้ขอบเขต

มารร้ายจากนพยมโลกล่อลวงจิตใจคนในภูผาพิภพ ควบคุมช่องโหว่วในจิตใจ ดูเหมือนไม่ได้ดุร้ายเท่าปีศาจอัคคี แต่ถ้าหากนพยมโลกมายังโลกมนุษย์ การทำลายล้างที่เกิดขึ้นจะต้องรุนแรงชนิดที่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสูญสิ้นแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอเคยสงสัยว่าคนในบึงไร้ขอบเขตคิดจะเปิดรอยร้าวสายนั้นในปฐพีพิภพ เพื่อให้นพยมโลกมาถึง

ต่อมา ขณะเห็นคนในบึงพิภพออกจากปฐพีพิภพ ก่อความวุ่นวายที่สถานที่อื่นในโลกลอยน้ำ เพื่อเปิดสำนักนพยมโลก เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกสนใจพลังที่ปิดผนึกปฐพีพิภพขึ้นมา

เพียงแต่ เนื่องจากกริ่งเกรงยมโลก เยี่ยนจ้าวเกอจึงมิได้วู่วาม

หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว ทำให้ผนึกถูกทำลาย จนยมโลกมาถึง เช่นนั้นคงจะสนุกแน่

ตอนนี้พอได้ยินว่าจู่ๆ ในปฐพีพิภพก็มีแสงสีทองสว่างขึ้นเพื่อควบคุมปฐพีพิภพที่เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอก็นึกถึงเรื่องนี้ทันที

“ในตอนนี้ ทางด้านปฐพีพิภพเป็นอย่างไรบ้าง” เยี่ยนจ้าวเกอถาม

จางเหยาเดินไปพลางพูดไปพลาง “แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกล้วนส่งคนไปดูที่นั่น มียอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าตลอดเวลา และลองล้วงลึกเข้าไปสำรวจดูอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน”

“การเคลื่อนไหวของปฐพีพิภพค่อยๆ สงบลงแล้ว ยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ทุกคนล้วนพูดว่า ภัยพิบัติครั้งนี้เหมือนจะผ่านไปชั่วคราว แต่ก็ยังจำเป็นต้องรักษาความระแวดระวังอยู่ดี”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “สมควรเป็นเช่นนั้น”

ขณะที่เดินอยู่ สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏความเคร่งเครียดชั้นหนึ่ง ‘ผ่านไปแล้วหรือ’

คำพูดที่คล้ายกับคำทำนาย และคล้ายกับคำสาปแช่งก่อนตายของหลินโจว ปรากฏขึ้นในหัวของเยี่ยนจ้าวเกอ ‘หมายถึงเรื่องนี้หรอกหรือ’

การเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติของปฐพีพิภพ ต้นเหตุอาจจะมาจากนพยมโลกที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง บางทีการเคลื่อนไหวของบึงไร้ขอบเขตก่อนหน้าอาจจะถูกหยุดครั้งแล้วครั้งเล่า จึงดึงดูดความสนใจของมารร้ายที่แข็งแกร่งทางด้านนพยมโลก หรืออาจจะสะกิดความโกรธของพวกมันขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ ‘ต้องวางแผนอย่างละเอียด’

ทุกคนเดินทางไปถึงหอคลื่นโหม หลังจากเยี่ยมเยียนถามไถ่เสร็จ ก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อ

ปฐพีพิภพเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากคิดจะมุ่งไปที่นภาพิภพคงจะไม่สะดวกนัก แต่ว่ายอดฝีมือระดับสุดยอดของเขากว่างเฉิงที่อยู่รอบๆ ปฐพีพิภพก็มีจำนวนมากเช่นกัน

ทางด้านปฐพีพิภพ ในปัจจุบันไม่เพียงแต่มีหยวนเจิ้งเฟิงคอยจับตาอยู่เท่านั้น นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอ ฟางจุ่นที่รู้จักปฐพีพิภพดีที่สุดนอกจาก ก็มาคอยดูสถานการณ์เช่นกัน

หลังจากไหว้วานให้ผู้อาวุโสในสำนักคนอื่น ให้พาเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิงหลงถูกลับสำนักแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รั้งอยู่ เตรียมจะสำรวจปฐพีพิภพในปัจจุบันสักเล็กน้อย