เมื่อเห็นว่าท่านผู้หญิงเงียบซิงเหอก็พูดต่อ “บางทีอาจมีใครบางคนเป่าหูเธอให้เข้าใจฉันผิดและทำให้เธอเกลียดฉันมากขึ้น อย่างไรก็ตามฉันสงสัยว่าใครที่เกลียดฉันมากถึงขนาดจงใจโน้มน้าวคุณถงให้เธอมาจัดการฉัน”
สีหน้าของท่านผู้หญิงมืดหม่นลงทันที “เธอพูดถูก มันต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ ไม่ต้องห่วง พวกเราจะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”
“ขอบคุณค่ะท่านผู้หญิง พวกเราหวังว่าจะค้นพบคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“แน่นอน!” ท่านผู้หญิงให้สัญญา คนกลุ่มนี้กล้าหลอกใช้ถงเยียน เพราะฉะนั้นพวกเธอจะต้องตามหาคนกลุ่มนี้ให้พบ พวกมันถึงกับโน้มน้าวให้ถงเยียนทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างการฆาตกรรม ดังนั้นคนพวกนี้จะต้องถูกเปิดโปงและได้รับโทษ
หลังจากแน่ใจแล้วว่าซิงเหอปลอดภัย ท่านผู้หญิงก็กลับไปที่บ้านของประธานาธิบดี
ซิงเหอบอกมู่ไป๋ขณะมองตามรถที่ขับจากไป “ตระกูลหลินคิดว่าพวกเขาสามารถใช้ถงเยียนมาฆ่าฉันแล้วพวกเขาก็จะปลอดภัยจากการเข้ามาพัวพัน ครั้งนี้พวกเขาจะได้รู้ความหมายของการทำให้ตัวเองเดือดร้อน”
“คุณควรจะปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องตระกูลหลินในอนาคต คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากแบบนี้” มู่ไป๋มองเธอด้วยความรักและห่วงใย เธอเกือบจะสูญเสียชีวิตของเธอเพื่อช่วยเขาแก้แค้นและช่วยเหลือตระกูลสี มู่ไป๋รู้สึกผิดอย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาเร็วกว่านี้เธอก็คงไม่ต้องประสบกับความยากลำบากมากมายแบบนี้
ซิงเหอเข้าใจความหมายของเขา
เธอส่ายหน้าและพูดอย่างหนักแน่น “ได้โปรดอย่าโทษตัวเองเลย ฉันเป็นคนอาสาทำเรื่องทั้งหมดนี้เอง แต่คุณเพิ่งตื่นขึ้นมา คุณไม่ควรมาอยู่ที่นี่”
“ผมจะสงบใจได้ยังไงถ้าไม่มาที่นี่”
“…” ซิงเหอเข้าใจความหมายของเขา เขากลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ เช่นเดียวกับเธอที่กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา การที่เขากระตือรือร้นเพื่อจะมาหาเธอก็เหมือนกับการที่เธอกระตือรือร้นเพื่อจะช่วยเขาล้างแค้น พวกเธอต่างก็สูญเสียความมีเหตุผลเพื่ออีกฝ่ายเหมือนๆ กัน
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว” จู่ๆ ซิงเหอก็พูดขึ้นมา
ตอนนี้เธอปรารถนาที่จะหนีจากแผนการและการแก้แค้น เธอแค่ต้องการจะใช้เวลาดีๆ ร่วมกับเขา
“โอเค” มู่ไป๋ตอบด้วยรอยยิ้มหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ
…
มู่ไป๋พาซิงเหอมาที่บ้านในฮิลส์เรสซิเดนซ์ของตระกูลสี สถานที่นี้ใหญ่โตและได้รับการดูแลเป็นประจำ
เมื่อพวกเขามาถึงก็มีกลุ่มคนรอต้อนรับอยู่แล้ว นั่นก็คือกลุ่มของแซมและลู่ฉี
ซิงเหอได้โทรหาพวกเขาเพื่อบอกว่าเธอปลอดภัยดีระหว่างทางมาที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อรอเธอ
“ซิงเหอ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” อาลิถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นเธอ
ซิงเหอพยักหน้า “ฉันไม่เป็นไร”
“ใครมันกล้าพุ่งเป้ามาที่เธอกัน” อาลิพูดอย่างขุ่นเคือง “บอกพวกเรามาแล้วเราจะไปจัดการมันเอง!”
“ไปคุยกับข้างในเถอะ” จากนั้นซิงเหอก็หันมาหาลู่ฉี “ลู่ฉี ช่วยดูอาการของมู่ไป๋ให้หน่อยนะคะ เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาวันนี้”
มู่ไป๋พูดทันที “ผมไม่เป็นไร คนที่ต้องตรวจอาการคือคุณต่างหาก”
“ไม่ คุณควรได้รับการรักษามากกว่าฉัน” ซิงเหอตอกกลับ
ลู่ฉียิ้มขณะที่มองพวกเขาเย้าแหย่กัน “ผมจะตรวจพวกคุณทั้งคู่ แต่จากที่ผมเห็นนอกจากอาการเหนื่อยล้า ซิงเหอก็ดูไม่เป็นไร ดังนั้นผมจะตรวจอาการของมู่ไป๋ก่อน”
“ซิงเหอ” มู่ไป๋จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือกทันที “ผมไม่รู้เลยว่าคุณทั้งสองคนสนิทกันถึงขนาดเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริงแล้ว”
ลู่ฉีอึ้งกับเมื่อได้รับความเป็นศัตรูอย่างกะทันหัน “มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นเนื่องจากพวกเราใช้เวลาในช่วงนี้ทำงานร่วมกัน”