“ว้าว! ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย หยางหยงฟาคุกเข่าเหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไง? นี่ยังใช่หยางหยงฟาที่เกรี้ยวกราดไปทั่วเมืองเอกมาหลายปีอยู่อีกเหรอ?”
“ฝันไป ฉันต้องฝันไปแน่ๆ!”
เมื่อเห็นหยางหยงฟาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เทียนฉับพลัน หลังจากเงียบกันไปเป็นเวลาสั้นๆ ที่ตรงนี้ก็ฮือฮาเซ็งแซ่
บรรดาฝูงชนที่อยู่ ณ ที่นี้ไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้า ไม่อยากจะเชื่อว่าหยางหยงฟาที่ปกติแล้วโอหังอันธพาลจะยอมทำเรื่องที่อับอายขนาดนี้ นี่มันพลิกโลกทัศน์ของพวกเขาไปเลยนะ!
เย่เทียนเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ถึงทำให้เจ้าถิ่นแข็งกร้าวอย่างหยางหยงฟาต้องจำยอมก้มหัวให้?!
ชั่วขณะนั้น สายตาที่ทุกคนมองเย่เทียนซับซ้อนขึ้นมา ต่อให้พวกเขาไม่อยากยอมรับขนาดไหน แต่บัดนี้ความจริงวางอยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลย
“หยางหยงฟา ถ้าพูดกันตามตรง เรื่องในคืนนี้นายเป็นคนสร้างขึ้นกับมือ ฉันขอแนะนำอะไรนายหน่อย….”
“ตอนที่อยู่เหนือผู้อื่นให้เห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์ด้วย ตอนที่อยู่ใต้ผู้อื่นให้เห็นตัวเองเป็นมนุษย์ด้วย!”
เมื่อเห็นหยางหยงฟาที่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะคุกเข่า เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย เขาขี้เกียจจะมองเขานานกว่านี้ จึงดึงจี้เหยียนหรันหันหลังจากไปทันที
แม้ว่าเขาฉวยโอกาสนี้เหยียดหยามหยางหยงฟาได้อีกหลายประโยค แต่หลังจากสนทนากับพวกปลาใหญ่ในแวดวงธุรกิจเมืองเจียงหวยแล้ว เย่เทียนหมดความสนใจกับคนที่ต้องกลายเป็นหมาข้างถนนอย่างสิ้นเชิง
พอเห็นเย่เทียนและจี้เหยียนหรันจะไป ฝูงชนที่มุงอยู่กล้าขวางที่ไหน แต่ละคนรีบหลบทางให้
โดยเฉพาะสมาชิกผู้หญิงในสถานที่นี้ ดวงตาคู่สวยที่มองเย่เทียนต่างเป็นรูปดาว อยากให้คนที่เย่เทียนจูงอยู่เป็นตัวเองด้วยซ้ำ
เพราะท่าทีของเย่เทียนแข็งแกร่งเกินไปจนกร้าวใจ มีผู้หญิงคนไหนไม่หวั่นไหวบ้าง!
เรื่องในเมืองเอกจบลงชั่วคราว พอดูเวลาแล้วยังไม่สามทุ่ม หลังจากได้รับความยินยอมของจี้เหยียนหรัน เย่เทียนก็ขับรถกลับเมืองเจียงหนันทั้งคืน
ยังไงซะระยะทางขับรถจากเมืองเอกไปเมืองเจียงนันก็แค่ชั่วโมงกว่า ตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ดีกว่ารีบร้อนกลับในวันรุ่งขึ้นตอนฟ้าเพิ่งสาง
อาจเพราะภาพที่หยางหยงฟาคุกเข่านำพาความตะลึงให้จี้เหยียนหรันมากเกินไป เด็กสาวเงียบตลอดทั้งทาง มีหันไปมองเย่เทียนบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนมากแล้วจะทอดสายตาไปมองวิวกลางคืนที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วนอกหน้าต่างรถ
ใช่ว่าเย่เทียนไม่รู้สึกถึงท่าทีแปลกๆของเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาส่งเสียงถามอย่างอดไม่ได้เด็กสาวก็จะโบกมือบอกว่าไม่มีอะไร
แต่หน้าตาที่บ่งบอกว่ามีเรื่องรบกวนใจของเธอเหมือนไม่เป็นไรซะที่ไหน? แต่จี้เหยียนหรันแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากพูด เย่เทียนถามมากไปก็ไม่ดี
ยังไงก็ตาม หลังจากอยู่ท่ามกลางความหม่นหมองตลอดทาง เย่เทียนก็ไปส่งจี้เหยียนหรันอย่างเอาใจใส่ แล้วจึงกลับไปที่คฤหาสน์
แต่ตอนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เย่เทียนถึงรู้ตัวด้วยความเซ็งว่ากุญแจเขาหายไปไหนไม่รู้!
แต่เมื่อมองเข้าไปในคฤหาสน์ที่มืดสนิท เกรงว่าเฉินหวั่นชิงคงนอนหลับไปแล้ว เขาไม่กล้าปลุกเธอ
แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเย่เทียน เขาเดินอ้อมคฤหาสน์ไปครึ่งรอบ เจอหน้าต่างที่แง้มไว้ครึ่งหนึ่ง
เขาออกแรงที่เท้าเล็กน้อย กระโจนไปข้างหน้าดั่งลูกศรที่ถูกยิง และด้วยการวิ่งเสริมแรงบวกกับรวบรวมชี่ทิพย์ไว้ที่ขา เย่เทียนเปรียบเสมือนนกน้อย ปีนขึ้นไปถึงหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย
“โชคดีที่ยังมีหน้าต่างเปิดทิ้งไว้หนึ่งบาน”
เย่เทียนคลี่ยิ้ม หมุนตัวเข้าไปในห้องจากทางหน้าต่าง
การตกแต่งห้องเรียบง่ายมาก นอกจากเตียงใหญ่หนึ่งเตียงและตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้แล้ว มีเพียงโต๊ะหนังสืออีกตัวที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง โน้ตบุ๊คบนนั้นเปล่งแสงสีฟ้าเลือนลาง
“นี่คงไม่ใช่ห้องเมียหรอกนะ”
เย่เทียนมองไปรอบๆอย่างละเอียด เมื่อเห็นเตียงใหญ่ที่ไร้คนนอนอยู่ นัยน์ตาสีนิลก็ฉายแววอยากรู้อยากเห็น
แม้ว่าเขาและเฉินหวั่นชิงจะแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่หากนับกันจริงๆนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาอยู่ในห้องของเฉินหวั่นชิง
ก่อนที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง เฉินหวั่นชิงระแวงเขาอย่างกับโจร ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้านก็ล็อคประตูห้องไว้อย่างแน่นหนา
ต่อให้เขามีใจสัปดลก็ไม่มีปัญญาเปิดล็อค
หลังจากเขาเกิดใหม่อีกครั้ง ถึงแม้จะมีปัญญาเปิดล็อคแล้ว แต่ก็ล้มเลิกความคิดสัปดนไปนานแล้ว
บัดนี้จับพลัดจับผลูมาอยู่ในห้องเฉินหวั่นชิง เย่เทียนจะยอมไปง่ายๆได้ยังไง เขากวาดสายตามองรอบๆส่งๆ ก่อนจะย่องเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้า
แต่หลังจากอาศัยแสงสีฟ้าจางๆจากโน้ตบุ๊คจนเห็นเสื้อผ้าด้านในตู้ชัดแล้ว เย่เทียนก็อึ้งไปในบัดดล
สิ่งที่สะท้อนเข้าสายตาคือชุดรัดรูปลายลูกไม้ของผู้หญิงที่บางเฉียบ
“ปกติเมียดูเรียบร้อยดีนี่ คิดไม่ถึงว่าจะชอบลูกไม้”
เย่เทียนอดส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่ได้ ก่อนจะเตรียมปิดตู้
แอ๊ด!
แต่ในตอนนั้นเอง ประตูห้องอาบน้ำภายในห้องนอนโดนผลักออกอย่างแรง เฉินหวั่นชิงเดินออกมาจากด้านใน
เย่เทียนเป็นคนได้ยินรอบทิศ มองเห็นรอบด้านอยู่แล้ว เขาสังเกตตั้งแต่เข้ามาแล้วว่าในห้องอาบน้ำต้องไม่มีใครสิ
ตอนนี้เขาสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ เขารีบหันกลับมา ทันใดนั้นนัยน์ตาสีนิลก็เบิกกว้าง
แม้ว่าเฉินหวั่นชิงจะใส่ชุดนอนลายลูกไม้หลวมๆ แต่ใต้แสงสะท้อนสีฟ้ากลับให้ความรู้สึกงดงามเลือนลางอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งกระตุ้นฮอร์โมนให้พุ่งปรี๊ดไปอีก!
“เย่เทียน? คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลังจากงุนงงไปชั่วขณะ แล้วเห็นท่าทางน้ำลายหกของเย่เทียน เฉินหวั่นชิงถึงได้สติกลับมาฉับพลันและตำหนิด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไอ้คนชั่ว บังอาจแอบเข้ามาในห้องฉัน!”
“มะ เมียจ๋า อย่าเข้าใจผิดนะ ผมทำกุญแจหายไปไหนไม่รู้”
เย่เทียนก็กระอักกระอ่วนสุดๆ เขารีบยิ้มแห้งๆและโบกมือรัวๆ
“เข้าใจผิด?”
เฉินหวั่นชิงโมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงแม้เธอจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว ไม่รู้สึกรังเกียจเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็ต้องค่อยๆปลุกอารมณ์ไม่ใช่หรือไง? เย่เทียนทำตัวอย่างกับโจร แอบเข้าห้องมาดึกๆดื่นๆ จะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไง?
“มีอะไรต้องเข้าใจผิด ถ้าไม่ใช่ว่าฉันเข้าห้องน้ำพอดี ไม่แน่คุณอาจจะสมปรารถนาไปแล้วก็ได้!”
คิดมาถึงตรงนี้ เฉินหวั่นชิงหันควับไปคว้าโคมไฟเล็กๆข้างตัว และเขวี้ยงใส่เย่เทียนด้วยความโมโห
เคร้ง!
เย่เทียนเห็นท่า รีบเอามือไปรับโคมไฟเล็กๆที่เขวี้ยงเข้ามาอย่างแม่นยำ เขาชี้หน้าต่างและอธิบาย “เมียจ๋า ฟังผมอธิบายก่อนสิ ผมไม่ได้ตั้งใจเข้ามาแอบดูคุณจริงๆนะ!”
“แอบดูฉัน?!”
เฉินหวั่นชิงหันไปมองหน้าต่างก่อนด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะรีบรู้ตัวและก้มมองตัวเอง ทันใดนั้นก็ร้องเสียงหลงขึ้นมา
ใบหน้างดงามของเด็กสาวกลายเป็นสีแดงทันที ไม่รู้ว่าเพราะอายหรือโกรธ
“แล้วคุณยังไม่รีบออกไปอีก!”
เฉินหวั่นชิงรีบคว้าผ้าห่มมาปกปิดร่างกายท่อนบนของตัวเอง นัยน์ตาเป็นประกายนั้นเปี่ยมไปด้วยความเย็นยะเยือก
“ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เย่เทียนที่รู้สึกผิดในใจกล้าพูดมากอีกที่ไหน เขารีบวางโคมไฟลงข้างๆและวิ่งหนีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่สิ นั่นเมียฉันนะ ฉันดูหน่อยจะเป็นไรไป?”
รอจนเฉินหวั่นชิงปิดประตูแล้ว เย่เทียนถึงรู้ตัว และส่ายหัวด้วยความขมขื่น
ท่าทางแข็งกร้าวของเฉินหวั่นชิงในวันวานสร้างภาพจำอันลึกซึ้งในใจของเขา จนเขาไม่อาจปรับตัวได้ในทันที…..