ส่วนที่ 5 ตอนที่ 42 มองเรือนร่างข้าแต่เสียน้ำตาเพื่อผู้อื่น

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

เสี่ยวหลิงตังค่อยๆ โผล่ศีรษะออกมาจากหลังต้นไม้ ก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งจ้องหน้านางอยู่ ด้วยความตกใจจึงต่อยเข้าที่ดวงตาที่น่ากลัวคู่นั้นแล้วร้องโวยวายวิ่งหนีไปพลางเหวี่ยงแขนขามั่วไปหมด

 

อวิ๋นเยี่ยเอามือปิดตา คราวนี้แกล้งไม่สำเร็จแถมยังต้องเจ็บตัวอีกต่างหาก เมื่อคนตกใจกลัวส่วนตัวเองก็เจ็บตัวกว่าเดิม เสี่ยวหลิงตังวิ่งหนีไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามอง จึงรู้ว่าเป็นอวิ๋นเยี่ย จึงค่อยๆ ก้าวกระเถิบเข้าไปหาด้วยความเขินอาย

 

“หลิงตัง เจ้าไปเรียนรู้ความร้ายกาจจากองค์หญิงเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ทันทำอะไรก็ต่อยคน นิสัยเช่นนี้ไม่ดีนะ โอ๊ย ตาข้า ถูกเจ้าต่อยจนบอดแล้ว จบกันๆ แล้วข้าจะแต่งงานได้อย่างไรนี่”

 

“ข้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้า เจ้าซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้หลอกให้ข้าตกใจ ก็แค่ต่อยเบาๆ เอง” เสี่ยวหลิงตังมองอวิ๋นเยี่ยที่นั่งยองๆ ร้องโอดครวญไม่หยุดอยู่บนพื้น ขอโทษไม่ยอมหยุด ฟังน้ำเสียงแล้วเหมือนว่าเขาจะเจ็บปวดมาก

 

เพราะแกล้งหยอกล้อหญิงใจดีมีเมตตาคนนี้ไม่ลง อวิ๋นเยี่ยจึงขยี้ตาแล้วลุกขึ้นยืน ไม่เป็นไร เพียงแค่ตาข้างซ้ายปวดเล็กน้อย จึงหรี่ตาซ้ายแล้วถามเสี่ยวหลิงตังว่า “เจ้ามาทำลับๆ ล่อๆ อะไรอยู่ที่นี่ อย่าบอกนะว่าเตรียมจะดักตีคนส่งอาหารที่ผ่านทางมา แล้วแย่งอาหารอร่อยๆ ไป”

 

ใครจะคิดว่าเสี่ยวหลิงตังไม่ได้โต้แย้งคำพูดที่เหลวไหลไร้สาระของอวิ๋นเยี่ยเหมือนเมื่อก่อน แต่เบ้ปากแล้วก็ร้องไห้โฮ

 

หากผู้หญิงร้องไห้ขึ้นมาเมื่อไหร่นั่นเป็นเรื่องที่ชวนปวดศีรษะอย่างมาก ใช้ชีวิตมาสองภพก็ยังเรียนรู้วิธีปลอบใจผู้หญิงไม่ได้เสียที จึงได้แต่ใช้ไม้ตายตระกูลอวิ๋นออกมา “อย่าเพิ่งร้องไห้ บอกข้าก่อนว่าใครรังแกเจ้า ข้าจะไปตีขาเขาให้หักระบายความโกรธให้เจ้าเอง”

 

“ก็ราชาแห่งแดนเถื่อนที่มาจากหลิงหนานคนนั้นที่ชื่อเหมิงฉารังแกข้า เขาต้องการแต่งงานกับองค์หญิง ข้าไม่อยากไปหลิ่งหนาน ได้ยินมาว่าพวกเขาชอบกินเนื้อมนุษย์” คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวหลิงตังจะพูดสาเหตุที่แท้จริงออกมา เพียงแต่ถ้าตอนนี้ตีแขกของหลี่ซื่อหมินจนขาหัก ไม่รู้ว่าหลี่ซื่อหมินจะหันกลับมาจับตนเองไปตีให้ขาหักหรือไม่

 

“เสี่ยวหลิงตัง ถ้าเจ้าไม่อยากไปหลิ่งหนาน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ข้าไปหาเหมิงฉาขอเจ้ากลับมาก็เรียบร้อยแล้ว อย่างไรเสียเรื่องนี้เขาก็ต้องไว้หน้าข้าอยู่แล้ว หากไม่ไว้หน้าข้า ข้าก็จะฉุดเจ้าหนี อย่างร้ายแรงที่สุดก็คือโดนปรับเงินเท่านั้นเอง”

 

อวิ๋นเยี่ยนั้นพูดความจริง มันเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างตระกูลใหญ่ด้วยกันที่จะมอบสาวใช้ให้กันสักคนสองคน ตอนนี้อวิ๋นเยี่ยอยู่ในจุดที่รุ่งเรืองที่สุด จึงคิดว่าราชาแห่งแดนเถื่อนตัวเล็กๆ ก็ไม่กล้ามีปากมีเสียงอะไรแน่ แม้ว่าจะมีการลงไม้ลงมือก็เพียงแค่ถูกปรับเงินเท่านั้น อวิ๋นเยี่ยไม่สนใจเสียหน่อย ในตอนนี้แม้แต่ฮองเฮาก็เป็นหนี้บุญคุณตนเอง การแย่งคนคนหนึ่งมาไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย

 

เสี่ยวหลิงตังมองอวิ๋นเยี่ยด้วยความนับถือ ดวงตาแทบจะกลายเป็นดาวระยิบระยับแล้ว จับมือของอวิ๋นเยี่ยเขย่าอย่างแรงพลางพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าช่วยถือโอกาสแย่งองค์หญิงมาด้วยได้ไหม ได้หรือไม่ องค์หญิงก็ไม่อยากไปหลิ่งหนาน”

 

นางไม่ได้พูดถึงหลี่อันหลานนั้นยังดี แต่เมื่อพูดถึงหลี่อันหลาน อวิ๋นเยี่ยก็โกรธเลือดขึ้นหน้า “อย่าพูดถึงผู้หญิงโง่คนนั้น นางเองเป็นคนไปทูลขอฝ่าบาทที่จะแต่งงานไปยังดินแดนที่ห่างไกล คำพูดที่อกตัญญูเช่นนี้ใครได้ฟังก็ต้องโกรธทั้งนั้น ทำตัวเองแท้ๆ สมควรแล้ว แล้วยังจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วย เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ข้าไม่สนใจแล้ว ตอนนี้ข้าจะไปหาราชาแดนเถื่อนนั่นเพื่อขอเจ้ามาก่อน ต่อไปเจ้าก็ใช้ชีวิตในตระกูลอวิ๋นให้ดี อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าเขากล้าไม่ยอมให้ ข้าจะตีเขาให้ขาหักจริงๆ”

 

อวิ๋นเยี่ยหันหลังแล้วเดินไป เสี่ยวหลิงตังลากอวิ๋นเยี่ยไว้ไม่ให้เขาไป ร้องไห้พลางพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ช่วยองค์หญิงออกมาด้วย ข้าจะไม่ไปไหน ข้าจะไปหลิ่งหนานกับองค์หญิง ไม่เช่นนั้นนางตัวคนเดียวต้องหงอยเหงา น่าสงสารมาก ข้ารู้ว่าเจ้าชอบองค์หญิง ดังนั้นโปรดช่วยพวกเราด้วย”

 

อวิ๋นเยี่ยจึงหยุดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้เสี่ยวหลิงตัง พูดกับนางอย่างจริงจังว่า “หลิงตัง ใต้หล้านี้ไม่มีความรักและความแค้นที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อองค์หญิง นอกจากนี้องค์หญิงก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว นางต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ตั้งแต่วันที่นางเริ่มแสดงอาการเอาแต่ใจ ก็ได้กำหนดชะตาไว้แล้วว่านางจะไม่มีความสุขตลอดชีวิต นางไม่เคยทุ่มเทต่อความรู้สึกของผู้อื่น  แล้วจะคาดหวังให้ผู้อื่นรักนางได้อย่างไร

 

แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงมีความผิด แต่นั่นเป็นบิดาของนาง หากยืนอยู่ภายใต้ความชอบธรรมนี้นางก็คือคนที่อกตัญญู อย่าลืมว่าฝ่าบาทไม่ได้เป็นเพียงบิดาของนาง แต่ยังเป็นกษัตริย์ของนางด้วย นิสัยที่ไม่ดีของนางจะทำให้ทุกอย่างยิ่งทำยิ่งแย่ลงไปตลอดกาล ในที่สุดมันก็จะมาถึงจุดที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้อีกดังเช่นตอนนี้ อย่างน้อยนางก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเองสักแปดส่วน”

 

เสี่ยวหลิงตังจึงได้แต่ร้องไห้เสียงเบา ไม่พูดอะไรเลย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยชายเสื้อของอวิ๋นเยี่ย อวิ๋นเยี่ยเป็นความหวังสุดท้ายของนาง นางไม่อยากให้หลุดมือไป สำหรับนางแล้วหลิ่งหนานนั้นอยู่ไกลมากเหลือเกิน ทั้งยังไม่คุ้นเคยเลยสำหรับนาง ซึ่งทำให้นางหวาดกลัวเป็นอย่างมาก มีเพียงแค่ดึงชายเสื้อของอวิ๋นเยี่ยไว้จึงจะทำให้นางรู้สึกปลอดภัยขึ้นบ้าง

 

“องค์หญิงอยากพบเจ้า นางบอกว่าหากเจ้าไม่มาจะต้องเสียใจไปตลอดชั่วชีวิต” เสี่ยวหลิงตังหยุดร้องไห้และพูดถึงจุดประสงค์ที่นางมา

 

มองดูเสี่ยวหลิงตังที่น้ำตานองหน้าแล้วอวิ๋นเยี่ยก็พยักหน้า ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน มันก็สมเหตุสมผลที่จะพบนางสักครั้งก่อนที่นางจะจากไป

 

ในเรือนเล็ก หลี่อันหลานแต่งหน้าอย่างระมัดระวัง นางไม่ชอบแต่งหน้าให้งดงามหยาดเยิ้ม โดยปกตินางจะเข้าวังโดยไม่แต่งหน้า วันนี้นางไปนำเครื่องหอมแป้งผัดหน้าจากท่านแม่ของนางมาจนครบ ทั้งยังตั้งใจหาที่ทาปากสีแดงสดออกมาโดยเฉพาะ ท่านแม่บอกว่าหากนางแต้มลงไปเพียงเล็กน้อยจะต้องดูงดงามขึ้นแน่ เสื้อผ้าก็นำมาจากท่านแม่ของนาง นางเพียงแค่พันผ้าไว้ที่ทรวงอก ด้านนอกสวมเสื้อชีฟองบางๆ เกล้าผมยกสูงขึ้นและแต้มจุดแดงไว้ระหว่างคิ้ว

 

อวิ๋นเยี่ยต้องมาแน่ นางมั่นใจมาก ตัวเองแต่งตัวให้กับเรือนร่างนี้อย่างละเอียดอ่อน คิดว่าเขาคงต้องพอใจกระมัง ตอนนี้หลี่อันหลานไม่ได้จินตนาการถึงความรักอันบริสุทธิ์เหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกสุดท้ายก็เป็นเหมือนหนังตะลุง หญิงงามที่ประดับด้วยดอกไม้ไม่แน่ว่าจะได้พบกับสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน บางทีอาจจะได้พบกับคนชั่วร้ายก็เป็นได้ อวิ๋นเยี่ยไม่ได้ชอบตัวเอง เขาเพียงแค่ใส่ใจกับร่างนี้เท่านั้น ตนหน้าตาเหมือนผู้หญิงที่อวิ๋นเยี่ยเรียกว่าภรรยาคนนั้นจริงๆ หรือ

 

เสียงฝีเท้าดังขึ้นบนบันได แต่ละขั้นตอนนั้นมั่นคง นี่คือเสียงฝีเท้าของอวิ๋นเยี่ย เสียงฝีเท้าของรัชทายาทนั้นค่อนข้างรีบเร่ง เสียงฝีเท้าของเสี่ยวหลิงตังนั้นปนเปมั่วซั่ว สองมือนางดันหน้าอกขึ้นเพื่อให้ดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น ท่านแม่มักจะพูดว่าหน้าอกของนางนั้นสวยที่สุด และตอนนี้ก็ได้ใช้มันแล้ว

 

ทันทีที่อวิ๋นเยี่ยเห็นหลี่อันหลานที่แต่งตัวเต็มยศก็รู้สึกเผลอไผลไปเล็กน้อย ใบหน้าราวกับรูปวาด วาดออกมาจริงๆ คิ้วสองเส้นถูกเขียนจนดกดำ แป้งบนใบหน้าก็เกลี่ยไม่สม่ำเสมอ ส่วนที่มากเกินไปที่สุดก็คือปากที่สีแดงเลือด ทั้งยังแต้มจุดสีแดงตรงจุดอิ่งตง[1]อีก นี่คือต้องการแต่งตัวเป็นชาวญี่ปุ่นหรือ

 

ภรรยาของเขาไม่ค่อยแต่งหน้า แม้ว่าจะแต่งหน้าเธอก็จะทาลิปสติกสีอ่อนเพียงเล็กน้อย ตอนนี้ใบหน้านี้ได้ถูกทำลายจนเหมือนผีก็ไม่ปาน อวิ๋นเยี่ยโกรธจนตัวสั่นเทา ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสมอง แม้แต่เรื่องความงามก็มีปัญหา

 

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วจุ่มน้ำในอ่างให้เปียก เดินมาหยุดที่เบื้องหน้าของหลี่อันหลาน ก่อนจะเช็ดแป้งผัดหน้าทั้งหมดบนใบหน้าของนางออก เช็ดไปสามรอบ ใบหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติของภรรยาของเขาจึงค่อยปรากฏขึ้น อวิ๋นเยี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความทรงจำเมื่อครู่เขาไม่ต้องการเลยสักนิด

 

“ข้าสวยไหม” หลี่อันหลานไม่หยุดพฤติกรรมที่หยาบคายของอวิ๋นเยี่ย ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ

 

 “ตอนนี้สวยมาก เมื่อครู่เหมือนผี ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก มันเป็นการทำลายมากกว่า” อวิ๋นเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ หลี่อันหลานในตอนนี้ถึงกับละทิ้งศักดิ์ศรีและต้องการใช้ความงามของนางมายั่วยวน นางมาถึงทางตันแล้วจริงๆ มิฉะนั้นด้วยนิสัยของนางไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้

 

หลี่อันหลานพยักหน้าและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะแต่งตัวไม่เป็นจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าแต่งตัว น่าขายหน้าจริง ต่อไปจะไม่มีอีก”

 

“เจ้ารู้จักที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยสังเกตเห็น”

 

“ในอดีตข้าคิดว่าตราบใดที่ข้าเข้มแข็งพอก็จะไม่มีเรื่องอะไรที่ข้าไม่สามารถจัดการได้ ใครจะรู้ว่าเมื่อเรื่องเกิดขึ้นต่อหน้า จึงพบว่าข้าไม่สามารถกุมชะตากรรมของตัวเองได้เลย ราชโองการของเสด็จพ่อเพียงฉบับเดียวทำให้ข้าตกลงไปในเหวลึกที่ไร้ก้นเหว ต้องแต่งงานกับคนป่าเถื่อนไปที่หลิ่งหนาน อวิ๋นเยี่ย ข้ารู้ว่าคนที่เจ้ารักนั้นไม่ใช่ข้า แต่เป็นร่างนี้ ข้าหน้าตาเหมือนนางมากอย่างนั้นหรือ”

 

อวิ๋นเยี่ยตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้หญิงคนนี้มองได้ทะลุปรุโปร่ง มันเป็นความคิดที่ละเอียดอ่อนมาก ในเมื่อถูกมองออกแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นจะถูกนางดูถูกได้ ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของอวิ๋นเยี่ยก็จะไม่อนุญาตให้ตนเองถอยหนีต่อหน้าหลี่อันหลาน

 

เขาหรี่ตาลง พูดว่า “คล้ายกันมาก แม้แต่ไฝบนหน้าอกเม็ดนั้นก็เหมือนกันทุกประการ”

 

หลี่อันหลานหน้าแดงไปทั้งใบหน้า แต่นางก็ไม่ได้สนใจว่าเสื้อจะเปิดออก แต่กลับยืดอกขึ้นและถามอวิ๋นเยี่ยว่า “เจ้าคุ้นเคยกับร่างนั้นมากนักหรือ แม้แต่จุดซ่อนเร้นก็เคยเห็นหรือ”

 

“นางเคยเป็นภรรยาข้า เจ้าคิดว่าอย่างไร” การเผชิญหน้ากับร่างนี้ อวิ๋นเยี่ยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเลยจริงๆ

 

หลี่อันหลานยืนขึ้น มือของนางเพียงแค่ดึงอาภรณ์ช่วงเอว เสื้อผ้าบนร่างกายของนางก็ไหลหล่นลงมา ผ้าแพรไหมนั้นนุ่มลื่น หลี่อันหลานแม้แต่กางเกงชั้นในก็ไม่ได้สวมใส่ ดังนั้นจึงยืนเปลือยกายเช่นนี้อยู่ต่อหน้าอวิ๋นเยี่ย

 

อวิ๋นเยี่ยเดินถอยหลังไปหลายก้าวแล้วนั่งลงที่ขอบโต๊ะ แต่ไม่ได้ละสายตายไปจากเรือนร่างนี้เลย นี่คือเรือนร่างของสาวน้อยที่งดงามเต่งตึงกว่าร่างของภรรยามาก เต็มไปด้วยพละกำลัง ผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องราวกับงาช้าง เรียวขาที่ยืดตรง ทรวงอกที่เต่งตึงและเอวคอดเล็กได้ทำให้อวิ๋นเยี่ยถูกดึงกลับไปสู่อดีตในพริบตา

 

‘นี่คุณ คิดว่าท้องของฉันมีแต่ไขมันส่วนเกินหรือเปล่า’

 

‘ไม่มี อย่าไปฟังเพื่อนสนิทคุณพูดเหลวไหลไร้สาระ พวกเขาก็เพียงแค่อิจฉาเท่านั้นแหละ’

 

‘นี่คุณ ถ้าคลอดตัวเล็กแล้วท้องจะแตกลาย แล้วฉันจะทำอย่างไรดี’

 

‘ไม่เห็นจะเป็นอะไร นั่นคือประจักษ์พยานที่บ่งบอกถึงคุณงามความชอบนะ คลอดลูกชายตัวอ้วนโตเพียงคนเดียวไม่ทำให้เธอรูปร่างเสียหรอก ตระกูลอวิ๋นต้องขอบคุณเธอไปชั่วชีวิตเลย’

 

‘เอวของฉันจะกลายเป็นถังน้ำอยู่แล้ว คุณต้องคิดหาวิธีนะ ไม่อย่างนั้นจะออกไปข้างนอกได้อย่างไร’

 

‘ไม่ได้ให้คนอื่นดูเสียหน่อย ฉันว่าดูดีออก ที่อ้วนเป็นเพราะออกกำลังน้อยเกินไป เรามาออกกำลังกันหน่อยดีกว่า…’

 

ในโลกนี้คงมีเพียงขันทีและอวิ๋นเยี่ยเท่านั้นที่สามารถร้องไห้ให้กับร่างผู้หญิงเปลือย น้ำตาได้ไหลรินออกมาจากหางตา ไหลผ่านริมฝีปากและหยดลงมาจากคาง อวิ๋นเยี่ยมองดูอย่างหิวกระหายแต่กลับไม่ได้รู้สึกอยากมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเลย เพียงแค่อยากจะจดจำเรือนร่างนี้ไม่มีวันลืมและเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

 

หลี่อันหลานอิจฉาและโกรธมาก อวิ๋นเยี่ยมองเรือนร่างของนางแต่เสียน้ำตาเพื่อผู้อื่น ทั้งที่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงทำให้คิ้วของนางเชิดขึ้น นางหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาจากพื้นและสวมใส่มันปกปิดอย่างมิดชิด ผิวพรรณที่สดใสหาได้เปิดเผยต่อหน้าอีกต่อไป

 

“ข้ายังดูไม่พอเลย ทำไมจึงรีบสวมเสื้อผ้าล่ะ” อวิ๋นเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองหลี่อันหลานด้วยน้ำตาคลอเบ้า

 

หลี่อันหลานกัดฟันพูดออกมาสองคำ “ไร้ยางอาย!” นางลืมไปว่าเมื่อครู่ตนเองเป็นคนถอดเสื้อผ้าเอง

 

อวิ๋นเยี่ยจมปลักอยู่ในความทรงจำจนไม่อาจถอนตัวได้ จะมีเวลาให้ความสนใจว่าหลี่อันหลานจะพอใจหรือไม่พอใจได้อย่างไร ในหนึ่งปีนี้ ญาติของเขาปรากฏตัวในความฝันน้อยลงเรื่อยๆ มีหลายครั้งที่อวิ๋นเยี่ยภาวนาก่อนเข้านอน หวังว่าพวกเขาจะปรากฏตัวในความฝัน ทำให้ตัวเองหวนระลึกถึงความหวานชื่นในอดีต

 

 

 

——

 

[1] จุดอิ่งตง คือ บริเวณร่องเล็กๆ เหนือริมฝีปากบนและปลายจมูก