TQF:บทที่ 568 เตรียมเลื่อนขั้น (3)

 

 

บอกตามตรง พวกเขาทั้ง 3 นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้รับสมบัติอะไร ตอนแรกที่ตัดสินใจอยู่ก็แค่อยากจะรอเก็บเศษเล็กเศษน้อย หรือนั่งฝึกฝนในที่ที่พลังวิญญาณหนาแน่นก็เท่านั้น

 

เพียงแต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยน่ารักปานนางฟ้าเมื่อกี้จะให้แหวนมิติแก่พวกเขา แล้วให้พวกเขาออกไปก่อน และห้ามแพร่งพรายเรื่องในหุบเขาออกไป

 

พวกเขาไม่พูดอยู่แล้ว พวกคนของสำนักมารจะได้ไม่มาหาเรื่องพวกเขา เมื่อตอบตกลงเรียบร้อยก็ออกจากที่นั่นทันที

 

แต่ของในแหวนมิติเหมือนแมวที่คอยคลอเคลียใจพวกเขาอยู่ ทำให้พวกเขาแปลกใจและตื่นเต้น อยากจะรีบรู้ให้แน่ว่าของในแหวนมิติคืออะไรกันแน่

 

ภายใต้การคาดหวังจากสหายทั้ง 2 เกาชิงหยางพยักหน้า พยายามข่มใจที่ตื่นเต้นไว้แล้วค่อยๆส่งพลังจิตเข้าไปในแหวน ไม่นานนักก็ได้เห็นของในแหวน

 

เมื่อได้เห็นเขาก็อึ้งไปเลย สะบัดหัวอย่างไม่อยากเชื่อแล้วดูใหม่อีกรอบ เขานิ่งไปอีกครั้ง เขาไม่ได้มองผิดไป

 

“พี่เกา เกิดอะไรขึ้น มีของมั้ย นางให้มาเท่าไหร่” โจวไห่หยันดึงมือเขาอย่างใจร้อน ทั้งร้อนใจและอยากรู้

 

ตู้จินเฟยเองก็อดเลียปากไม่ได้ ตะโกนด้วยความตื่นเต้น “พี่ชิงหยาง เป็นอย่างไรบ้าง”

 

“ซู้ดดด”

 

เกาชิงหยางสูดลมหายใจลึกเพื่อสะกดความตื้นตันและความตื่นเต้น พยักหน้าแรงๆกับสหายที่รอด้วยความร้อนใจ “ของเยอะมาก แต่ว่า…”

 

“แต่ว่าอะไร”

 

ทั้งตู้จินเฟยและโจวไห่หยันถามขึ้นพร้อมกัน

 

“แต่ว่า ของที่พวกนางให้มาเหมือนจะไม่ใช่ของในหุบเขานั่น เหมือนกับจะเป็นของพวกนางเอง” เกาชิงหยังบอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป

 

“มีอะไรบ้างพี่เกา รีบเอาออกมาให้พวกเราดูเร็ว”

 

“พี่ชิงหยาง หรือว่าพวกนางเอาของตัวเองมาให้พวกเรา”

 

ทั้ง 2 บอกความสงสัยของตัวเองออกไป เกาชิงหยางไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหยิบของในแหวนมิติออกมาทีละอย่าง ปล่อยให้สหายอีก 2 คนของเขามองด้วยความนิ่งอึ้ง

 

“น้ำวิเศษ ผลไม้วิเศษ ยาวิเศษ ข้าววิเศษ หินพลังวิญญาณ เครื่องวิเศษ ยาเม็ดวิเศษ….”

 

โจวไห่หยังพึมพำตามของที่หยิบออกมาแต่ละอย่าง จนสุดท้ายเขาก็ไม่รู้แล้วว่าคืออะไรกันแน่ ตั้งนานก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี

 

เงียบ เงียบเชียบอย่างที่สุด

 

ในถ้ำเล็กๆนี้เหลือเพียงเสียงหายใจของพวกเขา 3 คน

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เกาชิงหยังเอ่ยด้วยความจริงจังว่า “จินเฟย ไห่หยัน ของพวกนี้พวกเราแบ่งเท่าๆกัน แต่ว่าของทุกอย่างต้องใช้แค่กับตัวพวกเราเองเท่านั้น ห้ามให้คนอื่นเห็นโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจจะเสี่ยงต่อการถูกฆ่าได้ เข้าใจมั้ย”

 

“พี่เกา ข้ารู้” โจวไห่หยันพยักหน้าตอบ

 

ตู้จินเฟยก็พยักหน้าเช่นกัน พวกเขาต่างรู้ว่าของพวกนี้น่ะสำคัญมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธคนไหนได้เห็นก็ต้องอยากได้ ถ้าหากถูกผู้อื่นล่วงรู้เข้าชีวิตพวกเขาคงจะหาไม่

 

“บอกตามตรง พวกเราต้องขอบคุณแม่นาง 2 คนนั้นนะ ถ้าไม่ใช่พวกนางพวกเราคงถูกคนของสำนักมารฆ่าไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสมบัติในหุบเขานั่นเลย แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้ของในหุบเขา แต่ของที่พวกนางมอบให้เพียงพอต่อการฝึกฝนของเราเป็นสิบปี เพราะฉะนั้นพวกเราต้องจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้”

 

“พี่ชิงหยางพูดถูก” ตู้จินเฟยเอ่ยอย่างเห็นด้วย “เท่ากับว่าพวกนางช่วยพวกเราไว้จากเงื้อมมือของสำนักมาร ตอนนี้ยังมอบของพวกนี้ให้พวกเราอีก เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงจริงๆ พวกเราต้องจดจำพวกนางไว้ หากวันไหนพวกนางต้องการความช่วยเหลือ ต่อให้ร่างจะแหลกเป็นผุยผงพวกเราก็ต้องตอบแทนพวกนาง”

 

“ที่จริงถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พวกนางต้องฆ่าพวกเราเพื่อปิดปากไปแล้วแน่ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมอบทรัพยากรให้เลย พวกนางนี่เป็นคนดีจริงๆ ไม่ใช่แค่หน้าตาสวยเหมือนนางฟ้าอย่างเดียว จิตใจก็ดีด้วย เหมือนเทพธิดาบนสวรรค์เลย ดีจริงๆ”

 

โจวไห่หยันตาเป็นประกายด้วยความปลื้มอย่างปิดไม่มิด

 

คำพูดเหล่านี้ของพวกเขาคนของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ยิน ถ้าหากได้ยินละก็คงดีใจแน่ๆ อย่างน้อยๆก็ไม่ได้มอง 3 คนนี้ผิดไป นิสัยดีน่าคบหาจริงๆ

 

ถ้าหากเจอกับพวกคิดไม่ซื่อ อาจจะเรียกพวกมาปล้นฆ่าพวกนางก็เป็นได้ ไม่ใช่แค่ของที่หยูเฮงน้อยให้ไปน่าตกใจ แค่ของในหุบเขานั่นก็เพียงพอที่จะกระตุ้นกิเลสในใจคนอื่นได้แล้ว รวมเข้ากับของพวกนี้เพียงพอที่จะทำให้คนระดับก้าวสู่เทพเทวาคลั่งได้ จะปล่อยให้พวกนางรอดไปได้อย่างไรกัน

 

โชคดีที่ถึงแม้ 3 คนนี้จะอยู่ในวงการผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ แต่ยังพอมีจิตสำนึกและศีลธรรมอยู่บ้าง ไม่งั้นต่อให้พวกเขาไม่พาพวกมาดักปล้นฆ่าก็คงจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เพื่อให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยกลายเป็นศัตรูร่วมของคนทั้งผืนดินฉางไห่พวกนางจะอยู่ที่นี่ก็คงจะลำบากขึ้นเยอะ

 

แน่นอนว่าที่หยูเฮงน้อยกล้าให้ทรัพยากรพวกเขาไปมากขนาดนั้นก็เป็นเพราะว่านางใช้ความสามารถตัวเองส่องดูจิตใจของพวกเขาแล้วรอบนึง ที่สำคัญหยูเฮงน้อยยังสามารถมองเห็นบาปบุญของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธได้

 

ในตัวพวกเขามีไฟบาปเพียงน้อยนิดเท่านั้น ตรงกันข้าม พวกเขามีบุญอยู่บ้าง และบุญเหล่านี้มีเยอะกว่าไฟบาปอยู่มาก และด้วยเหตุนี้ หยูเฮงน้อยจึงให้ทรัพยากรแก่พวกเขามากมาย หวังว่าพวกเขาจะไปได้ไกลขึ้น

 

บัดนี้แม้ว่าทุกคนจะยังอยู่ในหุบเขา แต่ก็ได้เข้ามิติไปหมดแล้ว

 

การเลื่อนขั้นมิติครั้งนี้ หยูเฮงน้อยไม่ได้ให้ทุกคนอยู่ดู แต่กลับบอกให้ทุกคนรีบฝึกฝนซะ บางทีการเลื่อนขั้นมิติครั้งนี้จะนำพาเรื่องน่าดีใจที่คาดไม่ถึงให้กับทุกคน

 

กับคำพูดของหยูเฮงน้อยทุกคนเชื่ออยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ทุกคนต้องการเพิ่มพูนพลังหมด มีโอกาสในการบรรลุทุกคนย่อมต้องการและไม่อยากพลาด

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพาทุกคนมาที่ลานกว้างวังสวรรค์ ทุกคนที่เพิ่งเคยเห็นวังสวรรค์เป็นครั้งแรกต่างมีสีหน้าตกตะลึง แต่ว่านี่ไม่ใช่เวลาให้พวกเขาเยี่ยมชม แต่ละคนพากันนั่งลงใต้ต้นหลิว

 

ทุกคนเริ่มท่องคาถาใจและเริ่มฝึกฝน

 

หยูเฮงน้อยก็เริ่มทำงาน มิติเลื่อนขั้นอีกครั้ง

 

 

——————————–