TQF:บทที่ 569 บรรลุอย่างรวดเร็ว(1)

 

หยูเฮงน้อยที่ลอยอยู่ในอากาศรวบรวมของทุกอย่างเข้าด้วยกันให้กลายเป็นประกายแสงหลากสี นางค่อยๆอ้านิ้วออก มีประกายสีเงินออกจากปลายนิ้วราวกับภูติตัวเล็กๆที่เต้นรำอยู่ มือของนางขยับไปมาอย่างงดงาม แสงสีเงินออกจากมือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนประสานกันเป็นตาข่าย

 

นางทำให้กฎแห่งฟ้าดินสมบูรณ์ขึ้นอีก มีแต่การทำให้กฎแห่งฟ้าดินในมิติสมบูรณ์ถึงจะทำให้ฤดูกาลอุบัติขึ้นมาได้ มีแต่การมีฤดูกาลสับเปลี่ยนถึงจะทำให้มิติมีสภาพใกล้เคียงกับโลกจริงๆ ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นได้แค่มิติตลอดไป

 

กฎแห่งฟ้าดินล้อบรอบวงล้อแห่งบัญชาสวรรค์ไว้ในอากาศ ทำให้เกิดแสงจ้าไปทั่วมิติ

 

ก้อนเมฆหลากสีค่อยๆลอยขึ้นไม่หยุด หมอกสีทองเป็นประกายระยิบระยับ กฎแห่งฟ้าดินร่ายรำเหมือนมังกรโผบิน เหมือนหงส์กระพือปีก

 

สภาพของสัตว์แต่ละชนิดถูกแสดงออกโดยกฎแห่งฟ้าดินได้อย่างเต็มที่ บ้างก็กางเขี้ยวเล็บออก บ้างก็คำราม บ้างก็บินลับขอบฟ้าไป

 

ภายในมิติมีพลังวิญญาณคละคลุ้งอยู่ทั่วลึกไปถึงภายในหุบเขา เห็นได้ด้วยตาเปล่า พืชพรรณพากันผุดขึ้นจากพื้น พริบตาเดียวก็กลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่

 

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ผ่านการชำระล้างจากหมอกสีทองอีกครั้ง เหล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นับพันนับหมื่นที่อาศัยอยู่ในมิติต่างถูกลมปราณแห่งหยินหยางและพลังชีวิตล้อมรอบเอาไว้

 

ในชั่วขณะนั้น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดบรรลุเป็นสัตว์อมตะโดยไร้สัญญาณใดๆ พวกมันวิวัฒนาการหมด

 

ส่วนกฎแห่งฟ้าดินก็ยังคงร่ายรำต่อไปภายใต้การชักนำของหยูเฮงน้อย วนเวียนไปมา กลายเป็นคลื่นพลังที่กระแทกเข้าหาวงล้อแห่งบัญชาสวรรค์อยู่เรื่อยๆ ขณะเดียวกันกฎแห่งฟ้าดินก็เริ่มสลักลวดลายลงในอากาศอย่างไม่หยุดหย่อน อักขระปรากฏขึ้นท่ามกลางท้องฟ้า พลังลึกลับที่ราวกับเกิดจากการผสมผสานของสายฟ้าก็ปรากฏออกมา

 

ขณะนั้น ก้านหลิวโบกสะบัดไปมาเบาๆและยื่นขึ้นไปบนฟ้า สัมผัสกับหมอกสีทองที่ลอยอยู่ ทันในนั้นก็มีพลังชีวิตแห่งไม้ไหลเวียนอยู่ในประกายแสงสีเขียว

 

ภายใต้การชักนำของก้านหลิว หมอกหลากสีที่ลอยอยู่ค่อยๆรวมเข้ากับหมอกสีทองและไหลลงสู่ทั้ง 6 คนที่นั่งสมาธิอยู่รอบต้นหลิว

 

อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ที่ไม่ออกมาเลยก็ถูกเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียกออกมาจากที่เก็บตัวของเขา

 

ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้มิติเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่อยากให้คนของตัวเองพลาดแม้แต่คนเดียว อย่างไรซะอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ก็คอยดูแลนาง นางอยากที่จะตอบแทนเขา

 

คลื่นแห่งพลังลมปราณขึ้นอยู่ทั่ว มีกลิ่นหอมลึกลับปรากฏออกมาให้ได้กลิ่น หมอกสีทองหนาแน่นขึ้นอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไหลลงมาสู่ร่างกายของทุกคน

 

ในสถานการณ์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ประกายแสงต่างๆยังไม่ดับลง ยังคงล้อมรอบทุกคนด้วยหมอกระยิบระยับ พลังลมปราณของทุกคนต่างพุ่งขึ้นสูง เห็นได้ว่าวิทยายุทธกำลังบรรลุไปเรื่อยๆ

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ปรากฏการณ์นี้ค่อยๆจางหายไป ต้นหลิวก็เก็บก้านกลับมากลับเป็นสภาพเหมือนก่อน จากท่าทางเขียวขจีและลมปราณมากมายของมัน ก็รู้ได้ว่ามันเองก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อยจากการเลื่อนขั้นครั้งนี้

 

หยูเฮงน้อยยังลอยอยู่เหนืออากาศ เหล่าผู้คนด้านล่างก็ยังฝึกฝนกันอยู่ สรรพสิ่งใต้หล้าสงบ ราวกับเวลาได้หยุดลงแล้ว

 

วันเวลาข้างนอกผ่านไปเรื่อยๆ

 

1 เดือนผ่านไป

 

2 เดือนผ่านไป

 

เดือนที่ 3 กำลังจะมาถึง เหล่าผู้คนในมิติก็ยังไม่ออกมา

 

1 วัน 2 วัน 3 วัน…..

 

จนผ่านไปอีกครึ่งเดือนถึงได้เห็นร่างของพวกเขาในหุบเขาอีกครั้ง

 

เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับทุกคนที่มาปรากฏตัว โดยเฉพาะผู้เฒ่าหยิงที่เคยมีสภาพตาแก่ซอมซ่อ บัดนี้เขาได้มีสภาพเป็นชายวัยกลางคนเหมือนๆกับอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์แล้ว น่าดูขึ้นเยอะ

 

ส่วนเหล่าหญิงสาวก็เกิดการเปลี่ยนแปลงราวพลิกแผ่นฟ้าเหมือนกัน โดยเฉพาะหยูเฮงน้อยที่ดูจะโตขึ้นอีกหน่อย ตอนนี้นางเหมือนหญิงสาวอายุ 13-14 ใบหน้าสวยสดงดงามไร้ที่ติที่ใสสกาว

 

แขนขาวๆในชุดสีเงินอ่อน ไม่ใส่รองเท้า ขาคู่งามเปิดเผยต่อสายตา ที่หลังมีประกายแสง 9 สี ทำให้ทุกคนต้องตะลึงในความงามสง่าของนาง มองยังไงก็ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา

 

ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ตาคู่สวยใสสกาวขึ้น มีประกายศักดิ์สิทธิ์อยู่บนใบหน้า มุมปากมีรอยยิ้มที่ทำให้สรรพสิ่งบนโลกใบนี้หมองลงในพริบตา ผิวขาวจนเป็นประกาย ทั้งลื่นทั้งนุ่ม

 

เดิมทีหน้าตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ต่างอะไรกับฟางซูหยุนมาก ตอนนี้ฟางซูหยุนก็ยังสวยล้ำยากจะหาผู้ใดเปรียบ ใบหน้ายิ้มแย้มทำให้นางดูสดใส ท่าทางเรียบๆที่แฝงไว้ด้วยความสง่า มีความบริสุทธิ์ราวกับดอกบัวขาว ดูไม่ออกเลยว่านางเป็นคุณย่าแล้ว

 

อาจารย์หญิงหรงจิ้งซือโดดเด่นและสง่า ไม่ต้องแต่งเติมอะไรก็งดงามสดใสเสมือนดวงจันทร์บนฟากฟ้า ความสวยของนางไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้น

 

เรียกได้ว่าหญิงสาวโฉมงามตรงหน้าสวยกันคนละแบบ บางคนก็ท่าทางเย้ายวน บางคนก็ทาทางสง่าราวเทพธิดา บางคนก็สวยงามสูงส่ง

 

“เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งเดือน ต้องรีบไปที่ฮวงยัน งานคัดตัวของโถงวิหารสวรรค์ใกล้จะเริ่มแล้ว”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยเรียบๆก่อนจะหันไปถามคนข้างๆ “อาจารย์ปู่ ท่านจะเข้าร่วมงานคัดตัวครั้งนี้ด้วยมั้ย อย่างไรซะที่นี่ก็เป็นถึงโถงหลักวิหารสวรรค์”

 

“ไม่ล่ะ” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ส่ายหัว “ให้อู๋เซอและจิ้งซือ 2 คนไปก็พอแล้ว ข้าเองก็อายุมากแล้ว ต่อให้ข้าจะมีวิชาของโถงวิหารสวรรค์แต่ก็ไม่อยากไปร่วม ข้าชินกับความอิสระแล้ว อยู่กับเจ้าที่ผืนดินฉางไห่นี่แหละ”

 

“ก็ดี” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นด้วยกับทางเลือกของอาจารย์ปู่ อย่างไรซะอาจารย์ปู่ก็อายุ 600 ปีแล้ว ต่อให้เป็นที่ผืนดินฉางไห่ก็ถือเป็นระดับอาวุโสที่ต้องอยู่เบื้องหลัง หากเขาไปคัดตัวต้องเป็นที่แตกตื่นแน่นอน ตอนนี้ยังไม่ต้องออกตัวมากมายขนาดนั้น

 

“อาจารย์และอาจารย์หญิงก็อยู่ระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะแล้ว ด้วยอายุของทั้งคู่ไม่ถือว่าโดดเด่นสำหรับผืนดินฉางไห่ยังดีที่อาจารย์และอาจารย์หญิงมีวิชาของโถงวิหารสวรรค์ น่าจะผ่านง่าย แต่ไปที่โถงวิหารสวรรค์….”

————————————