ขันทีอ้วนผู้ถือแซ่หางม้ามาถึงยังชั้นบนของท้องพระโรง แก้มของเขาตอบราวผู้โศกเศร้าอย่างประหลาด และกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงขณะเขาเอ่ยเสียง

” ถึงเวลาแล้ว … ข้าขอเคารพผู้อาวุโส  เหล่า บัณฑิต และคุณชายทั้งหลายเข้าสู่โงใหญ่เพื่อพบกับองค์จักรพรรดิ ! “

” เอ่อ ! “

จวินโม่เซี่ยเรอ

. เสียงนี้จักมากไปแล้ว !

 

.เสียงนี้ขัดหูยิ่งกว่าเสียงของทีวี …

 

ราวกับขันทีผู้นี้กำลังเลียนเสียงละครทีวี

. กี่หนที่ขันทีผู้นี้กระทำเช่นนี้ ?

แต่แท้จริงแล้วเขามิได้เลียนแบบอันใด … c9jสิ่งที่อยู่ระหว่างขาของคนผู้นี้นั้นหายไป …

 

ผู้มากประสบการณ์ มองหน้ากันด้วยความเข้าใจ  ความกว้างขวางของท้องพระโรง พระตำหนักเทียน นั้นยิ่งใหญ่ที่สุดในวังหลวง  สามารถจัดเลี้ยงอาหารผู้คนได้นับพัน … มากกว่านั้นนิดหน่อย  ชัดเจนว่า เป็นการตระเตรียมไว้สำหรับงานฉลองขนาดมหึมา

. เหตุใดพวกเขาจึงมิได้แจ้งก่อนหน้าสักสองสามวัน ?  คุณชายน้อยบางผู้มิอาจได้รับข้อความให้กลับสู่นครได้ทันการ

 

คุณชายน้อยจวิน และ ผู้อื่นกำลังจะจากไปเมื่อพวกเขาได้ยินน้ำเสียงเฉียบแหลมของขันที

” พระองค์ประสงค์ให้ถังหว่านลี่ผู้กล้าหาญและภักดีนำพาตัวหลานชายมาด้วย … เช่นนั้น องค์จักรพรรดิอาจประสงค์จะพบเขา “

 

ถังหยวนหวาดกลัว เขาสะดุ้งโยงขณะมองจวินโม่เซี่ยเจ็บปวด

” แม่เจ้า !  เกิดอันใดกัน ?”

 

คุณชายน้อยจวินกรอกตา และหันหน้าไปทางอื่น เพื่อเมินเฉยถังหยวน

. เจ้าคิดว่าข้าเป็นเทพเจ้ากระนั้นหรือ ?  เหตุใดถึงถามเช่นนี้กับข้า ?!

อันธพาลจวิน เงยหน้าขึ้นและยังไหล่  เขาหันก้นและตรงไปยัง โถง คล่อลแคล่วดั่งแมว … คนอื่นๆมิอาจกลั่นไม่ให้หันมองกันมิได้ …

 

จวินจ้านเเทียน มองไปยังพฤติกรรมหยาบช้าของหลานชายที่กระทำต่อหน้าคนหมู่มาก ทำให้ปวดหัว

. อาวุโสผู้นี้มิได้บอกให้เจ้าหลีกเลี่ยงการกระทำโดดเด่นเช่นนี้หรอกหรือ ?  เกินกว่าจะเอ่ยว่า นกกระเรียนในฝูงไก่  ไม่สิ ควรจะเอ่ยว่า ไก่ในฝูงนกกระเรียน ชื่อเสียงทั้งชีวิตของข้าจบลงแล้ว  เจ้าชั่วช้า !  เจ้าทำลายมันโดยการบิดก้นเช่นนั้น …

 

ตู่กู้ซ้งเฮงหันหัวและมองไปยัง จวินโม่เซี่ย โดยบังเอิญ เขามองเห็นเด็กผู้นั้นบิดก้นและส่ายไปมาขณะกำลังเดิน  ขุนพล เตาะลิ้นและเอ่ย

” พี่จวิน นี่เป็นครั้งแรกที่อาวุโสผู้นี้ได้เห็นหลานชายของท่านหลังเขาได้เติบโตขึ้นมา ?  แท้จริงแล้ว การได้รู้จักผู้มีชื่อเสียง มิอาจเทียบได้กับการพบกับเขาด้วยตัวเอง  และหลังจากได้เห็นเขาาในวันนั้น .. ข้ารู้ว่าเขานั้นเกินกว่าชื่อเสียงของเขานัก !  น่าประหลาดใจยิ่ง !  เขาพิเศษและโดดเด่นอย่างแท้จริง  ฮี่ ฮี่ … “

เขายิ้มเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเขาประหลาดยิ่ง

 

จวินจ้านเทียนพ่นลมทางจมูก ขมวดคิ้วลึกล้ำ และ หยุดเดิน

” อาวุโสตู่กู้ ข้าจำได้ว่า สกุลตู่กู้ ของท่าน ติดหนี้ข้าราวเก้าสิบล้านตำลึงเงิน  แต่ท่านทำราวกับมันมิใช่เรื่องสำคัญ … มันจักได้รับคืนเมื่อใด ?  ข้าเพียงสอบถามถึงผลประโยชน์จากหัวใจ ! “

 

 

ปู่จวินเด็ดเดี่ยวยิ่ง  แต่ ปู่ตู่กู้ นั้นไร้ซึ่งเหตุผลยิ่ง  เขาเพียงล้อเลียนจวินจ้านเทียนเพื่อความสนุกสนาน

. คนโง่เขลาผู้นั้นมีล้อเล่นหัวหน้าสกุลจวินเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ดังนั้น ในขณะที่เขาเอ่ยปาก เขาจึงถูกทวงถามหนี้สิน

 

ตู่กู้ซ้งเฮงกระวนกระวาย  ดวงตาเขาเบิกกว้างเป็นวงกลม และไร้วาจาอยู่ชั่วครู่  จากนั้นเขามีโทสะรุนแรง และเอ่ย

” เหลวไหล !  เจ้าน่าขันยิ่งนัก !  เก้าสิบล้านตำลึงเงิน ?  เจ้าคิดว่า สกุลตู่กู้ ข้าเป็น ท้องพระคลัง  ?  แม้แต่ ท้องพระคลัง ก็ไม่สามารถรองรับจำนวนมหาศาลเช่นนั้นได้ ! “

 

” เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าต้องการจะเบี้ยวหนี้หรือ ? “

ปู่จวินเหลือบ

” จากวาจาของสกุลเจ้า เจ้าจำต้องชดใช้จำนวนนั้นเนื่องจากราคาประมูล  แล้วเจ้าคิดจักเบี้ยวหนี้ได้อย่างไร ?  แม้นการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากจำนวนอันไม่เป็นธรรมนี้ เป็นการขัดต่อชื่อเสียงสกุลจวิน  ข้าสงสัยว่า สกุลตู่กู้  จักขาดแคลนเงิน หากเรานำเรื่องนี้ขึ้นโต้เถียงต่อหน้า องค์จักรพรรดิ !  ยุติธรรมอาจเป็นเพียงสามพยางค์ตัวในโลกมนุษย์  แต่เจ้าต้องจดจำไว้ ตู่กู้ซ้งเฮง … สวรรค์จักเห็นเรื่องในวันนี้ ! “

 

ตู่กู้ซ้งเฮงมีโทสะเนื่องด้วยวาจานี้  ความรู้สึกของเขาอยู่ระหว่างมีเกียรติและขุ่นเคือง

 

หยาบคายและไร้เหตุผล แต่เขามิใช่ผู้ส้นทัดในการชดใช้หนี้สิน  และทำให้เรื่องแย่ลง … ทั่วทั้งเทียนเชียงรู้ถึงสิ่งนี้  ดังนั้น เขาจึงมิได้คิดถึงหน้าสินนี้อีก

 

. แต่ …. ข้าจักเอ่ยสิ่งใดเวลานี้ … ?  สกุลจวินเล็กๆจักมีความกล้าเอ่ยสิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ลมหายใจเขาหอบถี่อย่างชัดเจน และเห็นได้ชัดว่าเขาสาปแช่งสกุลจวินนับร้อยครั้งในใจ

. ดู มองดูให้ดี เจ้าฟุ่มเฟือยไร้ยางอายทำให้ผู้นี้ขุ่นเคือง !

 

เขาคิดอย่างหนักหน่วงขณะกลยุทธ์เกิดขึ้น แผนการของเขาถูกสร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

” ถูกต้อง สกุลตู่กู้ของข้าติดหนี้เจ้าหลายตำลึงเงิน  ท่านอาวุโส ความขัดข้องใจของท่านนั้นไร้เหตุผล !  ฆาตรกรจักต้องชดใช้ด้วยชีวิต และ หนี้สินจักต้องชดใช้ด้วยเงิน นั่นคือความถูกต้อง !  อย่าบอกข้า ท่านอาวุโสตัดสินใจแล้วหรือ ?  เก้าสิบล้านตำลึงเงินนี้จักเพียงพอหรือ ?  ตระหนี่ยิ่ง !  หากทุกผู้คนเป็นดั่งเจ้า … พวกเขาจักใช้เงินเพียงเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น !  จวินจ้านเเทียน เจ้าสามารถเอาเงินใส่โลงไปได้มากมายเท่าใด ?  ข้าหมิ่นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของสกุลจวินของเจ้า ! “

 

จวินจ้านเทียนเกือบจะมีโทสะ คนผู้นี้รับสิ่งนี้เบาบางเกินไป

. เก้าสิบล้านตำลึงนั้นเล็กน้อย ?  จำนวนนี้เทียบเท่ากับงบประมาณในกองทัพแห่งอาณาจักรเทียนเชียงได้ถึงสามปี !  หยุดโง่เขลาเสีย !

” เนื่องจากเจ้ามิได้สนใจมันมากมย … เร็วเข้า เร่งรีบคืนหนี้สินจำนวนเล็กน้อยนี้  เหตุใดเจ้าจึงชักช้า ?  ให้ข้าได้เอ่ยวาจา … สกุลจวินของข้ารอคอยเงินจำนวนน้อยนิดนี้  โอ้ และเจ้าเรียกพวกเราว่า ตระหนี่ ?  แน่นอนเป็นคนตระหนี่ดีเสียกว่า ผู้ที่เบี้ยวหนี้สิ้น ! “

 

” เมื่อใดกันที่ข้าเอ่ยว่าจักไม่ชดใช้คืน ? “

ตู่กู้ซ้งเฮงหันหน้าไปและกรอกตา

” พวกเรายอมรับหนี้สินนี้  เพียงแต่อาวุโสผู้นี้ไม่มีเงินติดตัวมาเพียงพอ  แต่ เจ้ามิต้องเป็นกังวล  อย่างไรก็ตาม ยังมิเป็นที่ตัดสินใจจักชดใช้เมื่อใด … เจ้าบอกข้า สิ่งนี้มิได้สำคัญ ?  หากมิใช่ปีนี้ … ก็ปีถัดไป … หรือถัดไปอีก ?  และหากมิมีในชาตินี้ .. บางทีอาจเป็นชาติหน้า ?  จำได้ไหม บางผู้เคยเอ่ยวาจา หนี้สินสามารถชำระคืนได้หากคนผู้นั้นสามารถมีผู้สืบทอดต่อไปได้ไร้สิ้นสุด … ?

 

” ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ” ผู้

ที่อยู่ด้านข้างเขาหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

 

บางผู้สังเกตเห็นเมื่ออาวุโสทั้งสองเข้ามาใกล้และเริ่มพึมพัมใส่กัน  และ เหล่าคนหนวดขาวเริ่มรวมตัวกันรอบๆเมื่อทั้งสองเอ่ยถึงหนี้สินจำนวนมหาศาล  ปากของเหล่าผู้นำสกุลเริ่มขยับเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องขำขันของ ตู่กู้ซ้งเฮง

 

และพวกเขาได้ยิน ตู่กู้ซ้งเฮง คิดหาประโยคไร้ยางอายเช่นนั้น ทั่วทั้งโถงเกิดเสียงหัวเราะขึ้นเนื่องด้วยเรื่องนั้น  คนผู้นี้มากสามารถไม่สามัญ  เป็นเพียงหนี้สินเท่านั้น  เขาเพียงผลักมันให้กับคนรุ่นต่อไป …​และต่อไป ให้แก่ลูกหลานของเขาทั้งหมด  เขานั้นไร้ยางอายยิ่ง  แท้จริงแล้ว เขาได้สำเร็จความไร้ยางอายขั้นสูงสุดแล้ว …

 

. ต้นไม้มิสามารถเติบโตไร้เปลือก คนผู้นี้ไร้ยาอายมิสิ้นสุดทั่วทังแผ่นดินใต้สรวงสวรรค์นี้ !  ข้าได้เรียนรู้แล้วในวันนี้ …

 

” น่ารังเกียจ ! “

ปู่จวินโต้กลับอย่างรุนแรง

” ผู้ใดจักรู้ว่าคนรุ่นต่อไปของเจ้าจักไร้ยางอายได้อีกเพียงใด ? “

จากนั้นเขาเหลือบตา และ เอ่ย

” อาวุโสตู่กู้ หากเจ้ามิอาจชดใช้หนี้สินได้ด้วยเงิน หลานสาวของเจ้าสามารถช่วยชดใช้ให้ได้  พวกเราจักสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงาน หากหลานสาวเจ้า แต่งกับหลานชายข้า …

 

เจ้าคิดว่าข้าจักโต้เถียงกับญาติพี่น้องเพื่อเงินเก้าสิบล้านหรือ ?  ชัดเจนว่าหนี้สินของสกุลเจ้าจักได้รับยกเว้น คิดเห็นเช่นไร ?  ข้าจักยกหนี้สินให้ในเวลาอันสำคัญ  จากนั้นเจ้าสามารถใช้เงินจำนวนนั้นเพื่อ สลักรูปปั้นเป็นของตัวเองได้  ว่าอย่างไร ? “

 

” ไร่สาระ !  เจ้าจวินชั่วร้าย ! “

ตู่กู้ซ้งเฮงโกรธเคืองและเริ่มสาดคำสาปแช่งด้วยทีท่ารุนแรง

” หลานสาวข้าเป็นดั่งเทพธิดา !  และลองมองดูหลานชายเจ้าสิ มองดูเขาสิ … “

 

เขาชี้นิ้วไปยังหลังของอันธพาลจวินขณะเอ่ยถึงสิ่งนี้  เต็มไปด้วยโทสะขณะเอ่ยต่อ

” เจ้าเด็กเหลือขอนั่นจักสัมพันธ์กับหลานสาวข้าได้กระนั้น ?  เจ้าคือคนเดียวในโลกที่บอกว่าเขาดีพอสำหรับลูกสาวข้า ! “

 

” วาจาเจ้าไร้สาระ  หลานสาวของเจ้า มิอาจคู่ควรหลานชายข้า  แต่ ดูเหมือน หลานชายข้าสนใจหลานสาวเจ้า  เช่นนั้น เจ้ากำลังโชคดี “

 

จากนั้น ปู่จวินหรี่ตาและเอ่ย

” อาวุโสตู่กู้ เจ้าจักเสียใจหากมิเห็นด้วยในเรื่องนี้  วันที่เจ้าไร้ข้าวกินจักมาถึง  เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้าจักไร้ซึ่งทุกสิ่ง  เช่นนั้น มิต้องประหลาดใจ เหตุใดที่อาวุโสผู้นี้ตักเตือนเจ้า ! “

 

” กล้านัก !  อาวุโสผู้นี้จักตอนเจ้า ! “

 

ตู่กู้ซ้งเฮงหอบเนื่องจากโทสะ จากนั้นก้าวขึ้นหน้า  ปู่จวินจะถอยหรือไม่ ?  ท่าทางของเขาเฉียบคมและเย่อหยิ่งเพิ่มขึ้น  ผู้อาวุโสอื่นๆรู้ว่าสถานการณ์เริ่มหายนะ เนื่องจากทั้งสองนั้น เหมาะสมกัน  ผู้คนห้าคนสามกลุ่มเริ่มเข้าสงบสถานการณ์ทันที  เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงภายในราชวัง

 

ผลที่เกิดขึ้นจักสดใสยิ่งนักหากอาวุโสผู้เป็นหัวหน้าสกุลอันทรงอำนาจในกองทัพทั้งสองตัดสินใจปะทะกันใน พระราชวัง

 

อาวุโสทั้งสองพยายามทำให้ตัวเองเป็นอิสระอย่างสิ้นหวัง  ราวกับพวกเขาประสงค์จักทุบตีกัน  แท้จริงแล้ว พวกเขาเตะและต่อยทุกผู้ที่อยู่ใกล้เคียง …

 

” จวินจ้านเเทียน หากหลานชายผู้ล้ำค่าของเจ้ากล้าอวดดีและทำให้ข้ารำคาณ … อาวุโสผู้นี้จักเตะก้นเขา และให้อาหารเขาดั่งเช่นนก !  สกุลของเจ้าจักต้องล่มสลาย และ ข้าจักปลดผู้อยู่ใต้บัญชาของเจ้า ! “

ตู่กู้ซ้งเฮง วิวาทกับทุกผู้ขณะเขาคำราม

 

” ถุย !  เจ้าคิดว่าสามารถหรือ ?!  เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเตะต่อยผู้ใดในระหว่างการบำเพ็ญนานปีนี้ ?  เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้า ?!  ข้าลืมไป มิได้สั่งสอนบทเรียนแก่ท่านมาหลายปี !  และตอนนี้ อาวุโสชั่วผู้นี้ปีกกล้าขาแข็ง และปรารถนาจักโบยบินสู่สรวงสวรรค์ !  แต่ อาวุโสผู้นี้จักยกเว้นให้ และทำให้เจ้ากลับตัวในวันนี้ !  เจ้าโง่เขลาอวดดี !  เจ้าปฏิเสธความเมตตาที่มีต่อเจ้า ! “

 

ปู่จวินขุนเคืองยิ่ง

. ข้าเสียดายความน่ารักของหลานสาวเจ้ายิ่งนัก  นอกจากนี้ จากสถานการณ์ความเป็นจริงของหลานชายข้า … แม้แต่ลูกสาวองค์จักรพรรดิก็ยังไม่คู่ควร !  ไม่ต้องเอ่ยถึงลานสาวของเจ้า !  เจ้าน่ารังเกียจที่ใส่ร้ายเด็กผู้อัศจรรย์นี้  เจ้าคือผู้ที่ไร้ยางอายที่สุดในโลก !

 

เจ้าหน้าที่เร่งรีบฝ่าความวุนวายนี้ ขณะมีบางผู้ที่พยายามจะทำให้การลงโทษผ่านไป ..

 

. ผู้ใดอาจหาญทำให้สองอาวุโสนี้ขุ่นเคือง … ?

 

. ตู่กู้ซ้งเฮงนั้นดีกว่า  เขาไร้เหตุผล แต่ตัวเจ้าจักมิได้รับอันตรายจากเขา อาวุโสจวินผู้นั้นเช่นกัน เขาจักสงบและดูไร้อันตราย  ความจริง เขายังโอ้อวดถึงคุณธรรม … แต่ครั้งล่าสุดที่มีคนทำให้เขาขุ่นเคือง … เขาสังหารขุนนางไปถึงหนึ่งในสาม  คนผู้นี้ชั่วร้ายยิ่งนัก  เขามิได้แม้แต่ขมวดคิ้วขณะทำสิ่งนั้น  เขาเงียบขรึม !

 

. เมื่อทั้งสองโต้เถียงกันอยู่ ไม่ควรมีผู้ใดอยู่ที่นี่นาน …

 

” ถังหยวน ! “

องค์จักรพรรดิเพ่งมองไปยังชายอ้วนตรงหน้าเขาใน ท้องพระโรง นิสัยของพระองค์สงบนิ่งอย่างยิ่ง แต่เขาเลิกคิ้วขึ้น

 

จักรพรรดิตกตะลึงเมื่อได้เห็น หลานชายของถังหว่านลี่ตึงเครียด

. ตัวตนของเขาแตกต่างจากใน หอชนชั้นสูง ยิ่ง

แต่ องค์จักรพรรดิสัมผัสได้ถึงความมั่นคงจากร่างของถังหยวน เนื่องจากมันสะท้อนถึงความเป็นเลิศทางเศรษฐกิจของอาณาจักร

 

เห็นได้ชัดเมื่อใครบางคนมองไปยังร่างของเขา เหล่าสามัญชนมิได้ขาดแคลนอาหารหรือเสื้อผ้า และใช้ชีวิตอย่างผาสุก

 

” พะยะคะ !  ถังหยวนคำนับองค์ฝ่าบาท ! “

เขาคุกเข่าลงยากลำบาก  ท้องของเขาสัมผัสกับพื้น และหนังบนร่างแผ่ออกดั่งพรม  เขาพยายามเอาหัวสัมผัสกับพื้นแต่ ท้องของเขาปิดบังมันไว้แล้ว