เซียวเหยามองสบตาเซียวเจี่ยน นั่งลงบนโซฟาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ แล้วเปิดทีวี “เธอขึ้นไปนอนกลางวันหลังจากทานอาหาร ฉันจะบอกเธอว่านายจะเดินทางไปติดต่อธุรกิจต่างประเทศเมื่อเธอตื่น”
เซียวเจี่ยนพยักหน้า “ตกลง เธอยังไม่หายดี ไม่ต้องปลุกเธอหรอก ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้าข้างบน”
เซียวเหยาพยักหน้า ถังซีซึ่งกำลังอยู่บนรถไปสนามบิน คงซาบซึ้งใจถ้ารู้ว่าพี่ชายเธอเป็นคนรอบคอบอย่างนี้
เซียวเหยารู้สึกโล่งอกหลังจากเห็นเซียวเจี่ยนกลับออกไป จากนั้นเขาก็รู้สึกขำตัวเอง เมื่อตระหนักว่าเมื่อกี้เขาหวาดหวั่นแค่ไหน
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงถังซีในวีแชท จากนั้นโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เขาคิดว่าต้องเป็นข้อความตอบจากถังซี เขาจึงเปิดวีแชทด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเห็นว่าผู้ส่งข้อความเป็นใครเขาก็ชะงัก แล้วเปิดดูข้อความนั้น
เฮ่อหว่านอี : เซียวเหยาคืนนี้คุณว่างไหม มาทานข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ
บางทีอาจเป็นเพราะเซียวเหยาไม่ได้ตอบกลับข้อความเป็นเวลานาน ในไม่ช้าข้อความที่สองของเธอก็โผล่ขึ้นมา
เฮ่อหว่านอี : คุณบอกว่าคุณเป็นหนี้ฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็มาใช้หนี้คืนฉันสิ
เซียวเหยามองดูข้อความ ไม่นานนักเขาก็ตอบกลับไป : ผมว่าง คุณเลือกร้านสิ
เฮ่อหว่านอี : ตกลงค่ะ ฉันจะส่งข้อความถึงคุณหลังจากจองโต๊ะแล้ว
เซียงเหยา : ตกลง
…
เฮ่อหว่านอีมองดูคำตอบสั้นๆ นั้นแล้วขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ครู่ใหญ่ต่อมาเธอก็โยนโทรศัพท์ลง และกล่าวกับผู้จัดการส่วนตัวว่า “จองโต๊ะในร้านอาหารที่มีลูกค้าน้อยๆ ให้หน่อยสิ”
ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า แล้วส่งสัญญาณให้ช่างแต่งหน้าลงมือแต่งหน้าให้เฮ่อหว่านอี จากนั้นก็กล่าวว่า “มีร้านอาหารจีนบรรยากาศดีริมแม่น้ำ เป็นร้านอาหารสมาชิกก็เลยมีลูกค้าไม่มากนัก ฉันจะจองโต๊ะที่นั่นให้เดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” เฮ่อหว่านอีห้ามผู้จัดการส่วนตัวไม่ให้ต่อโทรศัพท์ และกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว “จองร้านที่อาหารแพง และไม่อร่อย”
ผู้จัดการส่วนตัวมองเฮ่อหว่านอีอย่างงุนงง แต่เฮ่อหว่านอีไม่พูดอะไรอีก พร้อมกับมองหน้าเธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้”
เฮ่อหว่านอีหลับตาลง ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้เธอ
…
ถังซีกับเฉียวเหลียงสวมหน้ากากผิวหนังในรถ เฉียวเหลียงไม่ได้ใช้หน้ากากอันที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ แต่ใช้อีกอันหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าเขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แม้ว่าหน้ากากผิวหนังอันนี้จะไม่สามารถปกปิดรัศมีความมีอำนาจของเขาได้ แต่เขาก็ดูไม่โดดเด่นมากนักในฝูงชน เมื่อสวมหน้ากากนี้
ถังซีมองหน้าเขาและหัวเราะ “ทำไมคุณถึงเปลี่ยนหน้ากากล่ะคะ”
“ผมปรากฏตัวที่ฝรั่งเศสด้วยหน้ากากอันนั้น หลายคนเคยเห็นใบหน้าแบบนั้นแล้ว ผมจึงใช้ซ้ำอีกไม่ได้” เฉียวเหลียงแตะหน้ากากผิวหนังบนใบหน้าเขา “หน้ากากอันนี้หลงเซี่ยวได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น จะไม่มีใครจำผมได้เมื่อผมสวม”
ถังซียักไหล่ “สำหรับฉันยังไงก็ได้ ตราบเท่าที่คุณอยู่เคียงข้างฉัน” จากนั้นเธอก็กอดแขนเขา หลับตาลงพักผ่อน พร้อมกับถามว่า “ปู่ฉินเอาตัวฉินซินหยิ่งออกจากสถานีตำรวจได้ยังไงคะ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลย”
“เขาไม่ได้ใช้ความพยายามมากนัก แต่…” เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีและลดเสียงลง “ทำไมคุณถึงไม่บอกผม”
ถังซีชะงัก ลืมตาขึ้นมองเฉียวเหลียงอย่างสับสน “คุณหมายถึงอะไร”
เฉียวเหลียงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ จับมือเธอข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไว้แน่น ถามเสียงแหบพร่าว่า “ทำไมคุณถึงไม่บอกผมว่า ฉินซินหยิ่งมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุเครื่องบินตก ที่เป็นการฆาตกรรมคุณ”
ถังซีชะงัก แล้วมองหน้าเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องจริง!” เขาเริ่มสงสัยฉินซินหยิ่งหลังจากได้ตรวจสอบประวัติคนตระกูลถัง เขาจึงแกล้งลองถามถังซีเมื่อกี้ ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นมีส่วนรู้เห็นในอุบัติเหตุครั้งนั้นจริงๆ!
ถังซีเข้าใจทันทีว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เธอสูดลมหายใจเข้า เม้มริมฝีปาก “ทีแรกฉันเพียงแค่สงสัยเธอ แต่ฉันมาแน่ใจว่าเธอมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้น หลังจากฉันได้พูดคุยกับเธอด้วยตัวตนของถังซีในวันนั้น”
“เพราะฉะนั้น จึงยังไม่เพียงพอสำหรับเธอ สำหรับการติดคุกไม่กี่เดือนจากความผิดฐานทำร้ายร่างกาย” เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี แล้วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เธอต้องชดใช้ให้คุณด้วยชีวิตของเธอ!”
ถังซีตัวแข็ง จ้องมองเฉียวเหลียงด้วยดวงตาเบิกกว้าง “คุณจะฆ่าเธอเหรอ” เธอส่ายศีรษะ “ไม่เอานะ อาเหลียง ฉันไม่อยากให้คุณมือสกปรกเพราะฉัน”
“ไม่หรอก ผมจะไม่ทำให้มือผมสกปรก” เฉียวเหลียงลูบผมเธอ แล้วกล่าวเสียงต่ำ “ผมจะปล่อยให้เธอก้าวไปบนถนนที่ไม่มีวันได้ย้อนกลับด้วยตัวเธอเอง”
ถังซีเม้มริมฝีปาก แล้วเล่าแผนการของเธอให้เขาฟัง “ในเมื่อเธออยากจะฆ่าฉันเหลือเกิน เราก็ปล่อยให้เธอฆ่าฉันได้อีกครั้ง ตราบใดที่เธอฆ่าถังซีอีกครั้งและทิ้งหลักฐานไว้ ฉินกรุปจะไม่สามารถช่วยเธอได้อีก ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม”
“ไม่ ผมยังต้องการสืบหาคนบางคนอยู่” เฉียวเหลียงหรี่ตาลง “ผมเคยสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นรู้ที่อยู่ผมได้ยังไง มีเพียงคนในหลงเซี่ยวเท่านั้นที่รู้ข้อมูลพวกนี้”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงด้วยความตกใจ “คุณหมายความว่ามีหนอนบ่อนไส้ในหลงเซี่ยวใช่ไหม”
“ไม่ใช่ แต่มีใครบางคนตั้งใจทำให้ข้อมูลของผมหลุดออกไปที่เธอ” เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล ผมจัดการได้”
ถังซีพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก ขณะสงสัยอย่างมากว่า ใครกันที่บังอาจเปิดเผยที่อยู่เขาแก่ฉินซินหยิ่ง
เมื่อทั้งสองมาถึงสนามบิน เฉียวเหลียงก็ไปซื้อตั๋วเครื่องบิน ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ถังซีนั่งรอเฉียวเหลียงซึ่งกำลังไปจัดการเรื่องตั๋วอยู่บนเก้าอี้ จากนั้นเธอก็เห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นเคย เขาคือเซียวเจี่ยน! เธอตกใจขึ้นมาทันที แต่แล้วเธอก็นึกออกว่าเธอสวมหน้ากากผิวหนังอยู่ จึงบอกตัวเองว่าอย่าตื่นตระหนก
ถึงตอนนี้เฉียวเหลียงก็เดินกลับมา เขาเองก็เห็นเซียวเจี่ยนด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่สนใจ เดินเข้าไปหาถังซีแล้วยื่นตั๋วให้เธอ “เข้าไปข้างในกันเถอะ”
ถังซีพยักหน้าและกระซิบ “โลกแคบจริงๆ เลย! พี่เจี่ยนดันมาขึ้นเครื่องบินสายการบินเดียวกับเรา”
เมื่อเห็นเธอรู้สึกกังวลเฉียวเหลียงก็ยิ้ม “ทำไมคุณถึงต้องกังวลขนาดนี้ ตอนนี้เขาไม่รู้จักคุณ”
“มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติน่ะ เข้าใจไหม” ถังซีกล่าวขณะมองไปที่เซียวเจี่ยน “เข้าไปในห้องรับรองผู้โดยสารขาออกกันเถอะ ฉันไม่ค่อยสบายใจที่เห็นพี่ชายฉันที่นี่”
เฉียวเหลียงส่ายศีรษะพร้อมกับหัวเราะ และเดินตามถังซีเข้าไปในห้องรับรองวีไอพี
ท่ามกลางความประหลาดใจของถังซี เซียวเจี่ยนก็เข้าไปในห้องรับรองเดียวกันกับพวกเขา!
พี่เหยาบอกว่าพี่เจี่ยนจะไปสวิตเซอร์แลนด์ไม่ใช่เหรอ! ทำไมเขาถึงมาเข้าห้องรับรองทางด้านนี้!
เฉียวเหลียงก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อมูลเที่ยวบิน จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ ถังซี กระซิบกับเธอว่า “เขาต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่เมืองหลวง”