SD:บทที่ 37 : ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามต่อกรกับคนเช่นนี้

กู่เฉิงหยา ไม่อาจทราบได้เลยว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่ง ซู ฉิวไป่ พูดถึง จะเป็น ฮัว โต๋ จริง ๆ ไม่ใช่แค่นั้น ชายคนขับรถผู้หน้าไม่อายยังพา จาง จ้งจิ่ง มาด้วยอีก

ในขณะที่เธอกำลังรอเขากลับมา กู่เฉิงหยา ยังเล่นอยู่กับสุนัขทั้งสองตัวของชายหนุ่ม และ ณ เวลาเดียวกันนั้นเอง ครอบครัวกู่กำลังชุลมุนวุ่นวายกับการตามหาเธอ!

“ยังไม่เจอเฉิงหยาอีกเหรอ!”

ชายวัยกลางคนท่าทางมืดมนคนหนึ่งตะโกนใส่คู่สายทางโทรศัพท์ เขาแทบจะเป็นบ้าจากความวิตกกังวล

“ยังครับท่าน…”

กู่ จ้านชุน ตอบอย่างกระวนกระวาย ชายผู้เป็นถึงคนคุ้มกันนายหญิงของบ้านนึกเสียใจที่เขาละเลยหน้าที่ของตน เด็กสาวปกติจะเป็นคนมีเหตุผลเสมอ เธอไม่เคยไปไหนมาไหนโดยไม่ทิ้งข้อความบอกเขาไว้ เขาจึงไม่ค่อยเข้มงวดกับเธอมากนัก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะละหลวมมากเกินไป!

“ตามหา กู่เฉิงหยา ให้เจอภายในสองชั่วโมง ช้ากว่านั้น ฉันหาข้ออ้างให้กับปู่กู่ไม่ได้แล้วล่ะ”

ชายวัยกลางคนสูดหายใจเข้า แล้วสั่ง กู่ จ้านชุน ก่อนจะวางสาย อันที่จริงแล้ว เขาก็เป็นถึงพ่อของหญิงสาวที่ยังหายตัวไป ชื่อของเขาคือ กู่ เชียนชาน!

เขาเองก็รู้ดีที่สุดว่าพ่อของเขาห่วงหลานสาวมากเพียงใด หากปู่กู่ค้นพบว่า กู่เฉิงหยา หายตัวไปล่ะก็ เขาคงโกรธจัดเป็นแน่

เหนือสิ่งอื่นใด กู่ เชียนชาน ก็เป็นห่วงเธอมากเหมือนกัน!

ปู่กู่ไม่ใช่คนเดียวที่รักเฉิงหยา ฉันเองก็รักลูกสาวฉันไม่ต่างกัน เธอต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าคนอื่นมากนัก อาการของเธอก็ทรุดลงทุก ๆ วัน หรือว่า…

กลางความคิดนั้นเอง ชายผู้ไม่เคยร้องไห้อย่าง กู่ เชียนชาน ดวงตาของเขากลับเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

ซู ฉิวไป่ ไม่มีทางรู้เลยว่าเขาสร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวกู่มากเพียงใด เพียงแค่เพราะเขาอยากจะตรวจอาการของ กู่เฉิงหยา

หลังจากที่ ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง นั่งในรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว เขารีบขับรถกลับไปที่บ้านของเขาผ่านช่องทางข้ามเวลา ชายชราสองคนนั่งที่หลังรถ และคอยถามเรื่อย ๆ ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เขาอธิบายได้อย่างคร่าว ๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน

หลังจากจอดรถแล้ว ทั้งสามก็เข้าไปในบ้านของเขา

ขณะที่ กู่เฉิงหยา กำลังคิดใคร่ครวญว่าเธอควรโทรหา กู่ จ้านชุน ดีหรือไม่ เธอพลันเห็น ซู ฉิวไป่ นำชายชราสองคนในเสื้อคลุมสีเขียวเข้ามาในบ้าน

“เร็วเข้า เชิญหาที่นั่งเลย ผมพาหมอสองคนมาดูอาการคุณ คุณเนี่ยโชคดีนะ…ซื้อหนึ่ง ได้ถึงสอง”

ท่อนสุดท้ายนั้นถูกกระซิบให้ กู่เฉิงหยา ฟังแต่เพียงผู้เดียว โดยที่ชายที่เหลือทั้งสองคนไม่อาจได้ยิน ซึ่งเอาจริง ๆ แม้เธอจะได้ยินชัดเจน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันควรหมายความว่าอย่างไรกัน

เพียงมอง กู่เฉิงหยา ในครั้งแรก ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง กลับดูตึงเครียดขึ้นมา และทั้งสองก็เดินเข้ามาหาเธอ

เมื่อมองจากชุดของพวกเขาแล้ว ความประทับใจแรกของ กู่เฉิงหยา คือ ชายชราทั้งสองคนคงเป็นคนไม่เต็มบาท แต่ทว่า เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าสายตาของพวกเขาราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างลึกในตัวเธอ หญิงสาวสัมผัสได้ว่ามีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ เธอก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ

“สาวน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก พวกข้าแค่อยากจะช่วยเหลือเจ้า”

ฮัว โต๋ คงสังเกตเห็นพฤติกรรมของเด็กสาว เขาจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ ท่านทั้งสองเป็นหมอเทวดา คุณไม่ต้องกังวลไป”

ซู ฉิวไป่ พยายามยืนยันให้เธอมั่นใจ แต่คนที่จะโดนรักษากลับยังวิตกกังวล กู่เฉิงหยา นึกเอาว่าเขาแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย เธอไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มกำลังพูดตามความจริง

หลังจากที่นายแพทย์ชราจับชีพจรของเธอแล้ว ชายเฒ่าทั้งสองกลับเงียบสนิท ท่าทางของพวกเขาทำให้ กู่เฉิงหยา สงสัยว่าแท้จริงแล้ว ซู ฉิวไป่ กำลังถูกหลอกอยู่

เนื่องจากโรคประหลาดของเธอ ครอบครัวกู่เคยเชิญแพทย์นับไม่ถ้วนมารักษาเธอตลอดหลายปีนี้ เธอเคยเห็นคนมากมายในชุดแบบเดียวกันมาก่อน พวกเขามักจะทำตัวเหมือนเป็นมืออาชีพ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกันทั้งสิ้น

“ท่านจ้งจิ่ง ท่านคิดเช่นไรกับอาการของนาง” ฮัว โต๋ เอ่ยทำลายความเงียบงัน แล้วถาม จาง จ้งจิ่ง ด้วยรอยยิ้มกว้าง

“รักษาด้วยการฝังเข็มทองคำ เลื่อนตำแหน่งของหลอดเลือดดำ แล้วฟื้นฟูพลังฉีในกาย…ดีเยี่ยมเลย!”

จาง จ้งจิ้ง มีรอยยิ้มประท้บบนใบหน้าเช่นกัน เขาหันไปมอง ฮัว โต๋ แล้วตอบขึ้น

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเราทั้งสองต่างมีความคิดเช่นเดียวกัน”

นายแพทย์ชราอีกคนเอ่ยตอบ พร้อมกับทีลูบเครายาว ชายชราทั้งสองจึงหัวเราะร่าพร้อมกัน

กู่เฉิงหยา ทึ่งทีเดียวกับชายชราทั้งสอง พวกต้นตุ๋นคราวนี้ดูจะเตรียมตัวมาดี หญิงสาวไม่เคยเห็นใครใช้ลูกไม้แบบนี้มาก่อน

อีกด้านหนึ่ง ซู ฉิวไป่ กระตุกริมฝีปากของเขาอย่างลับ ๆ เดิมที เขาคิดว่าเขาคงจะได้เรียนรู้เทคนิคการแพทย์โบราณสักอย่างจากหมอเทวดาทั้งสอง แต่ที่จริง…เชากลับเข้าใจเพียงคำว่า ‘ดีเยี่ยมเลย!’

“ไหน ๆ พวกท่านก็รู้แล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น งั้นก๊เร่งรักษาเธอเร็วเข้าเลยครับ” ซู ฉิวไป่ เอ่ยขัดชายชราทั้งสองที่ยังอวยกันเองอยู่

เมื่อได้ยินเขาเข้า ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง พลันจริงจังขึ้นมา

“จริงสิ อาการของเด็กสาวคนนี้สาหัสมากนัก นางจักต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด…ข้าจะทำเอง”

ประโยคสุดท้ายนั้น นายแพทย์ชรากล่าวโดยตรงกับ จาง จ้งจิ่ง  เพราะจะอย่างไรก็ดี ทั้งสองก็เป็นแพทย์เช่นเดียวกัน ฮัว โต๋ เคารพสหายตนเป็นอย่างมาก ทว่าเนื่องจากเขาอาวุโสมากกว่า เขาจึงเป็นคนที่จะรักษาเธอ

จาง จ้งจิ่ง พยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อเด็กสาวเห็นว่าชายชราทั้งสองคิดจะทำการฝังเข็มหลังจากการวินิจฉัยโรคเพียงไม่นาน กู่เฉิงหยา จึงไม่ไว้วางใจพวกเขาแล้ว

“พวกคุณรักษาโรคของเราไม่ได้หรอก”

หญิงสาวไม่ได้กังวลเลยว่าจะต้องเจ็บตัว เพราะถึงอย่างไร อีกไม่นานเธอก็ต้องตายอยู่ดี เธอแค่ไม่อยากให้พวกเขาต้องเสียความพยายามไปโดยประโยชน์เท่านั้น เด็กสาวไม่ใคร่เห็นชายแก่สองคนทำตัวเองให้ต้องอับอายขายขี้หน้านักหรอก

“หืม เหตุใดข้าถึงจะทำไม่ได้เล่า”

ข้ออ้างนั้นเป็นประโยคที่ ฮัว โต๋ ไม่เคยได้ยินมาก่อน สิ่งที่เธอขาดมีเพียงพลังฉีที่เด็กสาวแทบไม่มีมาตั้งแต่กำเนิด หากได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มแล้ว นางคงหายดีเป็นแน่ แล้วเหตุใดนางจึงกล่าวว่าเช่นนี้กัน

กู่เฉิงหยา ถอนหายใจเบา ๆ ตอนนี้เธอลำบากใจเหลือเกิน

นี่ฉันต้องบอกชายเฒ่านี่จริง ๆ เหรอว่าโรคนี้รักษาได้โดยแค่ ฮัว โต๋ เพียงเท่านั้น เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาอีกล่ะ

และด้วยความคิดเช่นนั้น เธอยอมรับการรักษาแต่โดยดี

ซู ฉิวไป่ พลันหายห่วงขึ้นมา ถ้า ฮัว โต๋ บอกว่ามันรักษาได้ ท่านก็คงรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่าง…ยังมี จาง จ้งจิ่ง หมอเทวดาอีกคนหนึ่งอยู่!

คงไม่มีใครคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ที่แพทย์ที่มีความสามารถมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีนถึงสองท่าน จะมารวมตัวกันในห้องอพาร์ตเมนต์เขาเพื่อจะมารักษาคนไข้คนหนึ่ง

ฮัว โต๋ นำเอาเข็มทองออกมาจากในเสื้อคลุม พร้อมกับขอให้ กู่เฉิงหยา นอนลงบนเตียง ก่อนที่เขาจะเริ่มฝังเข็มเล่มแรก

จากด้านข้าง ซู ฉิวไป่ เห็นอย่างชัดเจนว่าท่าทางของ ฮัว โต๋ เปลี่ยนไปมากเมื่อเขานำเอาเข็มทองออกมา บัดนี้เขาเคลื่อนไหวต่างจากชายชราลิบลับ ทุกกระบวนท่าของเขารวดเร็วและว่องไว เขาดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ

อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ประตูของห้องกลับเปิดออก ฮัว โต๋ หน้าบึ้งทันที ในมือของเขายังถือเข็มทองสำหรับการรักษาอยู่

ทุกคนหันหน้าไปทางประตูโดยพร้อมเพรียง

ชายผู้ที่ขัดจังหวะการรักษา คือ กู่ จ้านชุน พร้อมกับผู้คุ้มกันอีกหลายคนในชุดดำที่ยืนอยู่หลังเขา

“นายหญิง…”

กู่ จ้านชุน เมิน ซู ฉิวไป่ และชายชราทั้งสองเสียสนิท เขาปรี่เข้าไปหา กู่เฉิงหยา ทันทีที่เห็นเธอนอนอยู่บนเตียง กู่เฉิงหยา ไม่ได้คิดเลยว่าผู้คุ้มกันเธอจะพบเธอเร็วขนาดนี้ เธอยิ้มขอโทษ ซู ฉิวไป่ แล้วลุกขึ้นยืน

“นี่พวกแกคิดจะทำอะไร ถ้าแตะต้องนายหญิงแม้แต่ปลายนิ้วล่ะก็ พวกเราไม่ปล่อยพวกแกไปง่าย ๆ แน่”

เมื่อเขาเห็นว่าเด็กสาวปลอดภัยแล้ว กู่ จานชุ้น จึงนึกได้ว่าชายแก่คนหนึ่งกำลังจะทิ่มเข็มบนร่างของเธอ ความโกรธและความกระวนกระวายของเขาจึงปะทุออกมาเสียตรงนั้น แต่ยังดีที่เขายังมีสติพอจะนึกได้ว่า ซู ฉิวไป่ ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้โดยง่าย เขาเคยเป็นพยานเห็นแล้วว่าน้องชายของชายคนนั้นน่ากลัวแต่เพียงใด เขาจึงทำแค่ขึ้นเสียงแล้วร้องเรียกหาคำตอบ แทนที่จะเริ่มการต่อสู้

ซู ฉิวไป่ ไม่พอใจตั้งแต่ที่มีคนแปลกหน้าบุกเข้ามาในบ้านของเขาอยุ่แล้ว ดังนั้น เขาจึงยิ่งโกรธจัดเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นจากปากชายตรงหน้า

บ้าอะไรเนี่ย ทำไมพอฉันทำตัวดีแล้วกลับต้องทำแบบนี้ล่ะ*! นี่ถ้าฉันไม่ทันสังเกตว่า กู่เฉิงหยา อาการหนัก ฉันจะอุตส่าห์พาเธอมาที่บ้าน แล้วเดินทางข้ามเวลาเพื่อเชิญหมอเทวดาอย่าง ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง มาเหรอ*

“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ นี่ฉันกำลังช่วยชีวิตเธออยู่นะ!”

เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้า แล้วจ้อง กู่ จ้านชุน อย่างไม่เกรงกลัว

“รักษาเธอเหรอ” กู่ จ้านชุม เงียบไปสักพัก เขาเหลือบตามองไปทางชายชราทั้งสองในห้องอย่างยาวนาน ก่อนจะพูดต่อ

“ด้วยพวกสิบแปดมงกุฎสองคนนี้เนี่ยนะ”

พลันที่คำพูดนั้นหลุดออกจากปากของเขา สีหน้าของ ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง เปลี่ยนไปในบันดล

นี่คิดว่าพวกเขาเป็นใครกัน ทั้งสองท่านนี้เป็นหมอเทวดาเชียวนะ*! แล้วรู้มั้ยหมอเทวดาพวกนี้ทำอะไรได้ หากจะบอกว่าพวกเขารักษาคนตายได้แล้ว ยังกล่าวน้อยไปเสียด้วยซ้ำ!*

ซู ฉิวไป่ ได้แต่ก่นด่าชายผู้ไม่รู้อะไรตรงหน้าในใจ การเชิญพวกเขามา เป็นโอกาสที่หาได้ยากแค่ไหน รู้มั้ย*!*

หากจะกล่าวอย่างเลวร้ายแล้ว คำพูดของ กู่ จ้านชุน ไม่ต่างอะไรเลยจากการทำลายความหวังสุดท้ายในการมีชีวิตอยู่ของ กู่เฉิงหยา

“สิบแปดมงกุฎเหรอ หึหึ… หากไม่ใช่เพราะคำขอร้องของสหายข้าแล้ว พวกข้าคงไม่มีวันมาเยือนที่นี่เป็นแน่… สำหรับโรคร้ายของนาง ก็มีแต่พวกข้าเท่านั้นที่สามารถรักษานางได้ ข้าไม่อาจทานทนการดูถูกข้าและสหายเช่นนี้เป็นอันขาด ลาก่อน!”

แม้ว่า ฮัว โต๋ จะเมตตา ซู ฉิวไป่ มากนัก แต่นายแพทย์ก็มีขีดจำกัดของตัวเองเช่นกัน เขาจะไม่ยอมรับการดูแคลนเช่นนี้เป็นแน่

เมื่อเอ่ยเช่นนั้นแล้ว ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง จึงขอตัวกลับทันที

ผู้ที่ร้อนรนที่สุดในขณะนี้ คงเป็น ซู ฉิวไป่ อย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดการเป็นคนดีถึงยากเพียงนี้ หากผู้ที่ป่วยคือ กู่ จ้านชุน ล่ะก็ เขาคงไม่ลำบากถึงเพียงนี้แน่!

แต่ กู่เฉิงหยา นั้นยังมีโอกาสรอดอยู่ เขาไม่อาจปล่อยให้เธอต้องตายได้!

ทว่าจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น… เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจชายชราทั้งสอง คนขับรถทำได้แค่ปล่อยให้พวกท่านเดินลงไป และยอมไปส่งเขากลับในภายหลัง

กู่เฉิงหยา เองก็ตกใจไม่ต่างกัน ตั้งแต่วินาทีที่ กู่ จ้านชุน ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง สถานการณ์ก็แย่ลงทุกที โดยที่เธอไม่มีโอกาสให้พูดเลยสักนิด

เธอหันไปมอง ซู ฉิวไป่ แล้วเอ่ยด้วยความเสียใจ เธอกระซิบบอกเขา “ขอโทษจริง ๆ นะคะ…”

ซู ฉิวไป่ ได้แต่ส่ายหัวโดยที่ทำอย่างอื่นไม่ได้ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ สุดท้าย เขาแค่จ้องมอง กู่ จ้านชุน อย่างเย็นขา

“รู้ตัวมั้ยว่าแกกำลังฆ่าเธออยู่”

สายตาของชายคนขับรถทำให้ กู่ จ้านชุน เสียวสันหลังวาบ ร่างของเขาไม่อาจขยับไปไหน

ชายผู้เป็นคนคุ้มกันเองก็ไม่ใคร่จะยุ่งกับ ซู ฉิวไป่ มากนัก เหตุเพราะน้องชายของชายตรงหน้านั้นโหดร้ายเอาเรื่อง แต่จากพฤติกรรมของชายคนนี้แล้ว บางทีเขาอาจจะต้องพิจารณาทบทวนชายหนุ่มคนนี้ใหม่

“คุณซูครับ เรื่องการรักษานายหญิงของเรานั้น พวกเราจะจัดการเอง คุณไม่จำเป็นจะต้องทำสิ่งใดเลยครับ”

กู่ จ้านชุน พูดขึ้นหลังจากที่เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ คำพูดที่ควรจะฟังดูอบอุ่นกลับเย็นชาเสียอย่างนั้น

เมื่อได้ยินชายตรงหน้าเอ่ยเช่นนั้น ซู ฉิวไป่ ก้าวขึ้นไปตรงหน้า กู่ จ้านชุน ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ถึงหนึ่งฟุต แล้วเขาเอ่ยเพียงสามคำ

“ไอ้โง่เอ้ย…”