SD:บทที่ 39 : มาถึงตงไห่

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ที่ลานบ้านของตระกูลเซี่ยว ในเมืองตงไห่ เซี่ยว ซิวเหวิน เพิ่งจะทะเลาะกับภรรยาของเขาเสร็จ

เขาเพิ่งค้นพบว่าลูกชายคนเล็กสุดของเขาทำเรื่องที่น่าอายอย่างที่สุดลงไป เขาบังคับเด็กสาวคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยตงไห่ให้เป็นแฟน และยังทำให้เธอกระโดดตึก

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าคนหนึ่งของเขาแอบบอกล่ะก็ เขาคงยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรต่อไปแน่!

“ดูคุณสิ นี่โมโหมากมายอะไรกัน หยุนเอ๋อเป็นอะไรที่ไหนล่ะ ส่วนนังเด็กนั่นก็เป็นนักเรียนบ้านนอก! เธอควรดีใจด้วยซ้ำว่าลูกชายของเราไปชอบเธอด้วยซ้ำ แต่มันกลับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”

คนที่พูดกับเขาคือภรรยาของ เซี่ยว ซิวเหวิน และแม่โดยกำเนิดของ เซี่ยว หยุน และเธอชื่อ ฝาง ชุนหยู ในขณะที่เธอพูด เจ้าตัวก็เดินไปหา เซี่ยว ซิวเหวิน ด้วยความดูถูกในดวงตา และความหยิ่งยโสบนริมฝีปาก

“หุบปาก!” เซี่ยว ซิวเหวิน ตะโกนขึ้น เขาไม่อาจทนฟังเธอได้อีกต่อไป

“ถ้าคุณไม่ประคบประหงมเขาขนาดนี้ คิดว่าไอ้เด็กนั่นจะทำอะไรแบบนี้มั้ยเล่า ทุกอย่างมันเป็นเพราะคุณนั่นแหละ เขาเลยนิสัยเสียแบบนี้!”

เซี่ยว ซิวเหวิน ขุ่นเคืองเหลือเกินที่เขาต่อกรกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย แต่เขาทำอะไรได้เสียที่ไหนล่ะ จะอย่างไรก็ตาม แต่ก็เพราะการสนับสนุนของตระกูลฝาง ตระกูลเซี่ยวถึงสามารถไต่เต้าจนมาถึงสถานะในตอนนี้ได้

“เซี่ยว ซิวเหวิน แล้วนี่จะมาตะโกนใส่ฉันทำไมเนี่ย! ยัยเด็กคนนั้นก็เป็นแค่ผู้หญิงโง่ ๆ จน ๆ คนหนึ่งก็เท่านั้น! อีกอย่าง มันก็ไม่ได้ตายเสียหน่อย ถึงตายจริง ให้เงินชดใช้นิดหน่อย ครอบครัวก็ไม่เอาเรื่องแล้ว! จะโกรธฉันมากมาย!”

ฝาง ชุนหยู เหลือบตามองเขา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีทางยอมแพ้แน่

เซี่ยว ซิวเหวิน อ้าปากจะพูดอีกครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ยอมเป็นฝ่ายยกธงขาว แล้วปล่อยเรื่องนี้ไป

เขาเดินออกจากลาน กระโดดขึ้นรถ และวางแผนที่จะเดินทางไปถนนตงโขว่

“ค้นภูมิหลังของเด็กสาวคนนั้นหรือยัง” หลังจากที่เงียบไปเสียนาน เขาเงยหน้าแล้วเอ่ยถามคนขับรถ

“ค้นแล้วครับผม ทุกเรื่องเลย ดูเหมือนว่าเธอจะมาจากครอบครัวแถบชนบทธรรมดา ๆ โดยไม่มีเบื้องหลังอะไรพิเศษ พี่ชายของเธอเป็นคนขับรถแท็กซี่ในเมืองฉิงเหอ” คนขับรถไม่ลังเลที่จะรายงานทุกอย่างที่เขาค้นพบ

“โอเค ผมเข้าใจ ไปจัดการให้ใครซักคนไปให้เงินผู้หญิงคนนั้นราวหนึ่งหมื่นดอลลาร์ ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ให้อีกหนึ่งหมื่น แล้วบอกให้พวกบอดี้การ์ดระแวดระวังมากขึ้นได้ ถ้ามีอะไรเกินขึ้นกับหยุนเอ๋อรีบส่งเขากลับมาที่ถนนตงโข่วในทันที”

หลังจากที่เขาสั่งการทุกอย่างเสร็จสิ้น เซี่ยว ซิวเหวิน หลับตา แล้วเอนนอนพักบนเบาะหลัง

ลูกชายคนนี้นี่มันน่าเป็นห่วงจริง ๆ แต่คงช่วยเขาได้เท่านี้แหละ

อย่างไรก็ตาม ลูกของเขากลับถูกแม่ตามใจที่บ้านซะจนเสียคน เซี่ยว ซิวเหวิน ต้องเป็นกังวลเหลือเกินว่าไม่ช้าก็เร็ว ลูกชายตัวดีคงไปก่อเรื่องใหญ่เข้าแน่หากยังนิสัยเสียอย่างนี้อยู่ แต่โชคยังดี ปัญหาคราวนี้ดูจะไม่ใหญ่มากนัก

ในไม่นาน เซี่ยว ซิวเหวิน จึงโยนปัญหานี้ไว้เบื้องหลังเขา

โชคไม่ดี เพราะปัญหาที่แท้จริงกำลังมาแล้ว มันคำรามดังมาจากเมืองฉิงเหอข้ามผ่านสายฝนที่โหมกระหน่ำ

รถแท็กซี่ของ ซู ฉิวไป่ นำอยู่บนทางด่วน โดยมีรถสปอร์ตกว่าสามสิบคันห้อยสอยติดตามมา หลายคนสามารถเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มจากไกล ๆ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าอยู่ที่ผลกระทบอันใหญ่หลวงที่ไม่อาจอธิบายได้เมื่อมองมันด้วยสองตาของตัวเองต่างหาก

ประหนึ่งว่าสายฝนที่ตกหนักจะเป็นลางว่าไม่นานเกินรอ เมืองตงไห่จะไม่สงบเหมือนเดิมเป็นแน่

ณ ขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลขนาดเล็กแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยตงไห่

ซู เซี่ยวเซี่ยว ยังคงอยู่ในหน่วยอภิบาลสำหรับดูแลผู้ป่วยวิกฤติ หรือห้องไอซียู ในขณะที่เพื่อนร่วมหอทั้งสองของเธอรออยู่ที่ประตู

“เสี่ยว หลี นี่แกบอกพี่ชายเซี่ยวเซี่ยวเกี่ยวกับ เซี่ยว หยุน จริงอ่ะ” จาง เหวิน หนึ่งในเพื่อนร่วมหอพักของเซี่ยวเซี่ยวเอ่ยถามขึ้น ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเธอเป็นเด็กสาววัยไล่เลี่ยกันใส่แว่น และเธอเป็นคนที่ตัดสินใจโทรหา ซู ฉิวไป่

“เออสิ ไม่อย่างงั้นฉันจะหาเงินค่ารักษามากมายมาจากไหนล่ะ” เสี่ยว หลี พยักหน้ารับ ในมือยังกุมผ้าเช็ดหน้าที่เธอใช้เช็ดน้ำตาของเธออยู่ หลังจากที่ได้ร้องไห้ปล่อยโฮออกมาแล้ว เด็กสาวรู้สึกปลอดโปร่งอย่างประหลาดทีเดียว

“แต่นี่ฉันได้ยินจากเซี่ยวเซี่ยวมาว่าพี่ชายเป็นแค่คนขับรถธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่จะมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน! แน่ใจนะว่าบัญชีมัน…” จาง เหวิน ก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก เธอยังคงสงสัยปริมาณเงินในบัญชีอยู่

เสี่ยว หลี พยักหน้าอีกครั้ง เธอเองก็คิดเช่นกันว่ามันประหลาดมาก!

แต่ไหนแต่ไร พวกเธอก็เห็นมาตลอดว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว เป็นคนประหยัดมัธยัสถ์มากจนน่าตกใจ ชวนไปกินเลี้ยงอะไรก็ตาม เจ้าตัวก็ไม่เคยยอมไปด้วย แล้วพี่ชายของเธอจะโอนเงินมากขนาดนี้มาให้เธอได้อย่างไร

“คงยืมคนอื่นมาแหละ”

เสี่ยว หลี ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ จาง เหวิน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะมีข้อสรุปเช่นเดียวกัน ปริมาณเงินมากมายขนาดนี้นั้นเยอะเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการ

“แล้วจะบอกพี่ชายนางว่าไงตอนเขามาถึง แกบอกเรื่อง เซี่ยว หยุน ไปแล้ว นี่แกคิดว่าพี่เค้าจะ…” จาง เหวิน หยุดพูดอีกครั้ง แล้วหันมาถาม เสี่ยว หลี อีกครา

เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น เสี่ยว หลี ก็กระวนกระวายมากนัก เซี่ยวเซี่ยวเคยเตือนเธออยู่หลายครั้งว่าครอบครัวเธอจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาด แต่เธอกลับผิดสัญญากับเพื่อนไปแล้วนี่สิ ถ้าเซี่ยวเซี่ยวตื่นขึ้นมาล่ะก็ เธอต้องโทษฉันสำหรับทุกเรื่องเป็นแน่

อีกอย่างหนึ่ง ตระกูลเซี่ยวนั้นก็มีอิทธิพลมากเหลือเกินในเมืองตงไห่ จะเกิดอะไรขึ้นเล่าหากพี่ชายเซี่ยวเซี่ยวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แล้วไปมีเรื่องกับพวกนั้น

เสี่ยว หลี หน้าซีดทันทีเพียงแค่คิดถึงเรื่องดังกล่าว เดิมที เธอโล่งอกมากเมื่อเธอได้ยินว่า ซู ฉิวไป่ จะมาที่โรงพยาบาล แต่คิดอีกที… เธอได้แต่ภาวนาว่าเขาจะไม่มาที่ตงไห่

ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่ จนกระทั่งพวกเขาได้ยินเสียงแตรรถมาจากข้างนอก พวกเธอหันมาสบตากัน เสียงมันดังมาจากชั้นล่าง ทั้งคู่เดินไปดูที่หน้าต่างว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่

วินาทีที่พวกเขาได้เป็นพยานเห็นเหตุการณ์หน้าพวกเขาแล้ว พวกเธออ้าปากค้างทีเดียว

สถานการณ์เบื้องล่างดูน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง รถยนต์หรูหราหลากสีสันนับสิบคนขับมาจนเต็มลานจอดรถของโรงพยาบาล ทั่วบริเวณดูอึดอัดไปถนัดตา

“นี่เขาจะจัดงานอะไรกันเหรอ” จาง เหวิน ลูบคางพลางครุ่นคิด ในหัวพยายามหาคำอธิบายของเรื่องประหลาดตรงหน้า ส่วน เสี่ยว หลี เพียงส่ายหัวอย่างงงงวย

ในขณะที่พวกเธอยังสงสัยนั่นเอง รถสปอร์ตกลับมาหยุดลงในบริเวณโรงพยาบาล ยามรักษาความปลอดภัยกำลังเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ราวกับว่าพวกเขาเองก็อยากถามเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่กล้าพอจะเข้าใจ

อีกด้านหนึ่งนั้น เฉา ตั้วเฟยดับเครื่องรถแล้วเรียบร้อย เขาเป็นคนแรกที่ลงมาจากรถ ตามมาด้วยคนอื่น ๆ ทุกคนต่างเป็นคนหนุ่มสาวในวัยไม่เกินยี่สิบต้น ๆ ผู้คนรู้สึกถึงบรรยากาศเยือกเย็นอย่างประหลาดจากเหตุการณ์โกลาหลตรงหน้า ส่วนใหญ่จึงพยายามหลีกเลี่ยงพวกเขาเสียไกล แต่บางส่วนไม่อาจระงับความใคร่รู้ของตน และยังคอยมองดูจากห่าง ๆ

“ลูกพี่ใหญ่ เราควรเอายังไงต่อ” เหล่าคนหนุ่มสาวแทบจะเดินขบวนไปหา ซู ฉิวไป่ เมื่อเขาลงจากรถ เฉา ตั้วเฟยก็ถามขึ้น

ยามที่ยังเฝ้าดูอยู่ต้องประหลาดใจ

ทำไมเด็กพวกนี้ในรถสปอร์ตหรู ๆ พากันมารายล้อมรถแท็กซี่กันเล่า ที่สำคัญ เห็นชัดเลยว่าคนขับแท็กซี่มันเป็นหัวหน้าใหญ่*! จะโง่แค่ไหนก็ต้องดูออก!*

โดยไร้ซึ่งคำอธิบายใด ๆ เหล่าคนหนุ่มสาวก็ปรี่เข้าไปในโรงพยาบาล โดยฝูงชนพร้อมกันหลีกทางให้

เมื่อเห็นเช่นนี้ จาง เหวิน และ เสี่ยว หลี ประหลาดใจไม่น้อยเลย อนึ่ง พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้เห็นรถสปอร์ตหลากหลายคันมารวมตัวกันเช่นนี้ แต่ที่ประหลาดใจกว่า คือคนขับแท็กซี่ที่นำขบวนนั่นแหละ

ทว่าเมื่อเห็นพวกนั้นเข้ามาในอาคารแล้ว ทั้งคู่เลิกใส่ใจประเด็นดังกล่าวชั่วคราว จะอย่างไรก็ตาม แต่พวกเขาคงไม่มีทางคาดเดาเอาได้ว่าคนขับรถแท็กซี่คนนั้น ที่จริง จะเป็นคนเดียวกับที่พวกเธอเฝ้าภาวนาให้ไม่มา

พวกเธอเลิกมองหน้าต่าง แล้วหันไปสนกับการขอพยาบาลให้มีการนัดหมอมาตรวจเซี่ยวเซี่ยว

แค่เพราะพวกเขาไม่มีเงินในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลในตอนแรก พวกพยาบาลไม่ยอมคุยกับพวกเขาเลย แม้แต่หมอก็ไม่มีใครมาดูอาการเธอสักคน จนกระทั่ง ซู ฉิวไป่ โอนเงินมาให้นั่นแหละ เหล่าพยาบาบถึงได้ดูใส่ใจขึ้นมาบ้าง อันที่จริง แม้แต่หัวหน้าพยาบาลก็สาปแช่งให้เซี่ยวเซี่ยวตายไปเสียด้วยซ้ำ โทษฐานที่ทำให้นายน้อย เซี่ยว หยุน ไม่พอใจ

ไม่มีใครทราบเลยว่าเซี่ยวเซี่ยวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ขณะที่ทั้งสองเตรียมตัวที่จะไปหาสถานีพยาบาล พวกเขากลับต้องหยุดนิ่ง

พวกหนุ่มขับรถสปอร์ตทั้งหมดกำลังก้าวเข้ามาหาพวกเขา

จาง เหวิน และ เสี่ยว หลี หลบไปชิดด้านข้างทางเดินโดยสัญชาตญาณ โดยหวังว่าพวกเขาแค่จะผ่านไปแต่โดยดีเท่านั้น แม้พวกเธอจะไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องการอะไร แต่ที่แน่ใจคือพวกเธอไม่อยากจะทำให้พวกนั้นต้องขุ่นเคือง

แต่คนขับรถที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่มกลับหยุดลงตรงหน้าพวกเขาพอดี เขาหันไปจ้องเลขห้องแล้วถามพวกเธอ “ตอนนี้เซี่ยวเซี่ยวเป็นยังไงบ้าง”

เสี่ยว หลี ตอนนี้ชะงักงันทำอะไรไม่ถูก แต่ จาง เหวิน กลับตอบอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่ไว้วางใจชายตรงหน้าก็ตาม “คุณเป็นใครคะ”

“ผมเป็นพี่ชายเธอ”

เด็กสาวทั้งสองต้องตกตะลึงจากคำตอบของเขา

ผู้ชายคนนี้ ผู้นำของแก็งเด็กขับรถสปอร์ตราคาแพงนี่ เป็นพี่ชายของเซี่ยวเซี่ยวเหรอ

สาวทั้งสองพยายามระงับความตกใจเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับสภาพของเซี่ยวเซี่ยว แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสองเองก็ไม่ทราบว่าเซี่ยวเซี่ยวเป็นอย่างไรบ้าง

จาง เหวิน จึงเล่าทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลอย่างไม่ลังเล เธอเล่ารวมถึงสิ่งที่หัวหน้าพยาบาลพูด และเรื่องที่พวกเขาหาหมอมาให้เซี่ยวเซี่ยวไม่ได้ก่อนหน้านี้

หลังจากที่เขาฟังเธอ นัยน์ตาที่เคยสงบของ ซู ฉิวไป่ กลับแฝงประกายของอันตรายขึ้นมาฉับพลัน!