บทที่ 2148+2149

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2148 เล่นงานเอาคืน…

คุณชายตี้ผู้นี้ดูสดชื่นแจ่มใสดี ความสง่างามแผ่ซ่านออกมาจากในกระดูก

“คุณชายอย่างข้าไม่ใจดีเหมือนพี่สือโทวของพวกเจ้าหรอกนะ ตอนนี้จะสอนกระบวนค่ายกลชุดหนึ่งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องฝึกให้เชี่ยวชาญภายในหนึ่งชั่วยาม ประเดี๋ยวคุณชายอย่างข้าจะกลับมาทดสอบดู หากว่ามีผู้ใดล้าหลัง ก็ไม่ต้องติดตามข้าผู้เป็นคุณชายออกไป!”

ทุกคนเงียบงัน

ฝูงชนยังไม่เชื่อมั่นในตัวคุณชายตี้ฝูอีนี้สักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่เก็บคำพูดของเขามาใส่ใจ เพียงตอบรับเสียงอ้อมแอ้มไม่กี่เสียง ราวกับคนที่ไม่ได้กินอิ่ม

ตี้ฝูอีเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง

“เสียงแต่ละคนเบาหวิวถึงเพียงนี้ วิดพื้นห้าร้อยครั้งก็เป็นไก่อ่อนกันหมดแล้วหรือ? ไม่มีแรงแล้วหรือไง?”

ทุกคนเงียบงัน พวกเขานึกสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าตัวละครหลักผู้นี้อาจได้ยินบทสนทนาสัปดนก่อนหน้านี้เข้าแล้ว! ดังนั้นยามนี้จึงคิดจะเล่นงานเอาคืน…

คนเหล่านี้ล้วนเป็นชายฉกรรจ์เลือดร้อนกันทั้งสิ้น ย่อมไม่คิดจะปล่อยให้ผู้อื่นสบประมาท บางคนร้องเฮอะออกมา

 “ข้าไม่ใช่ไก่อ่อน! อย่าว่าแต่วิดพื้นห้าร้อยครั้งเลย ต่อให้ทำอีกพันครั้ง ก็ยังเป็นชายชาตรีเช่นเดิม!”

ผู้ที่กล่าวประโยคนี้คือเถี่ยหนิว

ร่างเขาตระหง่านปานหอคอยเหล็ก ยืนอยู่ตรงนั้นดุจภูเขาลูกหนึ่ง พละกำลังของเขาแข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ แน่นอนว่าเขาก็เป็นคนที่ดูแคลนตี้ฝูอีที่สุดด้วยเช่นกัน รู้สึกว่าไอ้หนุ่มหน้าขาวนี้ขโมยยอดดวงใจของเขาไป ไม่คู่ควรกับพี่สือโทวของเขาเลย…

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว ทันทีที่เขายิ้มก็ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิโชยผ่านโลกา ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นไปด้วย

แต่วาจาที่เขาเอื้อนเอ่ยกลับไม่อบอุ่นเลยสักนิด

“เช่นนั้นก็ดี งั้นเจ้าก็วิดพื้นอีกพันครั้งสิ คุณชายอย่างข้าจะได้เห็นว่าเจ้าเป็นชายชาตรีเช่นใด”

เถี่ยหนิวเงียบไปแล้ว เขาไม่นึกเลยว่าคำพูดประโยคหนึ่งจะกลายเป็นการขุดหลุมลึกดักตนเข้า ย่อมไม่เต็มใจจะกระโดดลงไป

เขาถลึงตามองตี้ฝูอีอย่างขุ่นขึงแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่กู้ซีจิ่ว

“พี่สือโทว ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ให้พวกเราเรียนรู้ค่ายกลเป็นสิ่งสำคัญกว่า…”

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าวิดพื้นหนึ่งพันครั้งตอนนี้สำคัญกว่า”

เถี่ยหนิวกล้ำกลืนความชอกช้ำลงไปเงียบๆ หมอบลงตรงนั้นเริ่มวิดพื้นอีกครั้ง

ทุกคนมองไปที่กู้ซีจิ่ว ราวกับไม่อยากเชื่อว่าพี่สือโทวพอ ‘แต่งภรรยาสาวเข้าเรือนแล้ว ก็โยนเหล่าพี่น้องทิ้งไป’

กู้ซีจิ่วกวาดสายตามองไปรอบๆ

“นับจากนี้ไป หากว่าพวกเจ้าอยากหนีออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย ก็ต้องเชื่อฟังคำชี้แนะของคุณชายตี้ทุกอย่าง ถ้ามีผู้ใดฝ่าฝืนอีก ลงโทษสถานหนัก! ตอนนี้จงฮึกเหิมเพื่อข้าซะ! อย่าให้หมู่บ้านของเราต้องเสียหน้า!”

วันหน้าตี้ฝูอีจะต้องสั่งการให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆ อีกมากมาย หากว่าทุกคนไม่เชื่อฟังคำสั่งตั้งแต่ตอนนี้ พอหนีออกไปข้างนอกได้จริงๆ แล้วพวกเขาซักถามวุ่นวายขึ้นมา ไม่แน่ว่าอาจทำให้การปฏิบัติงานครั้งนี้ล้มเหลวก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วถึงได้มอบอำนาจสั่งการให้ตี้ฝูอี

หัวหน้าเผ่าย่อมเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงลุกออกมาสั่งสอนทุกคน ทำการสั่งสอนก่อนจะเรียกระดมพล…

หัวหน้าเผ่าให้โอวาทปลุกขวัญกำลังใจ เหล่าชายฉกรรจ์ฟังจนง่วงหงาวหาวนอนแล้ว ในที่สุด ในตอนที่ชายคนหนึ่งกำลังจะกรนออกมาเป็นครั้งแรก หัวหน้าเผ่าก็จบคำให้โอวาทของเขาแล้ว

ถึงตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่าจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของตี้ฝูอี ในที่สุดก็ฮึกเหิมขึ้นมา

ตั้งแต่ต้นจนจบตี้ฝูอีไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ เพียงยิ้มน้อยๆ แล้วกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง

รอยยิ้มน้อยๆ ของเขาแฝงความเย็นชาเอาไว้รางๆ ทำให้หัวใจของทุกคนหนาวยะเยือกอย่างน่าประหลาด ในที่สุดก็เก็บสีหน้าทะเล้นไป

ก่อนที่ตี้ฝูอีจะถ่ายทอดวิชา ได้ลากกู้ซีจิ่วไปหน้าโขดหินก้อนหนึ่ง หยิบเครื่องเคียงสามสี่จานกับโจ๊กถ้วยหนึ่งออกมาเป็นอาหารเช้าให้นาง

ดึงดูดให้สายตาหิวโซมากมายให้มองมา

หลายปีมานี้ทุกคนกินเนื้อสัตว์ร้ายมายาหรือไม่ก็ผักต้มเสมอมา ไหนเลยจะเคยเห็นอาหารที่ประณีตบรรจงถึงเพียงนี้

สายตาของผู้คนมากมายล้วนจับจ้องมา…

————————————————————————————-

บทที่ 2149 ไล่เก็บ ‘สหายตัวน้อย’ ไปทีละตัว

พากันคาดเดาอยู่ในใจว่าอาหารเหล่านี้มีอยู่บนสวรรค์เท่านั้นหรือเปล่าหนอ สามารถยืดอายุขัย ถึงขั้นที่ทำให้เป็นอมตะได้หรือเปล่า…

เพียงน่าเสียดายที่ตี้ฝูอีไม่ได้พกข้าวของประเภทนี้ติดตัวมามากนัก และมีเพียง ‘พี่สือโทว’ ของพวกเขาที่สามารถลิ้มรสได้ พวกเขาทำได้เพียงดมกลิ่นเท่านั้น

ถึงแม้ในใจจะเข้าใจดี แต่น้ำลายก็ยังคงเอ่อสออยู่ในปาก…

มารดามันเถอะ! หอมเหลือเกิน!

ตี้ฝูอีเหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า

“ไม่ว่าผู้ใดที่หนีออกไปจากที่นี่สำเร็จ โจ๊กเปล่าและเครื่องเคียงเช่นนี้ล้วนมีพอสำหรับทุกคน”

คำพูดนี้ได้ผลดียิ่งกว่าน้ำแกงไก่ชามโตที่หัวหน้าเผ่าเอ่ยถึงตอนให้โอวาทเสียอีก!

สายตาทุกคนลุกวาวแล้ว!

ด้วยเหตุนี้ พอกู้ซีจิ่วได้เห็นเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้คึกคักขึ้นมาปานฉีดด้วยเลือดไก่ เรียนรู้อย่างจริงจังยิ่งกว่าพวกเด็กเรียนเสียอีก สิ่งที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าต้องร่ำเรียนถึงครึ่งชั่วยามจึงจะเป็น พวกเขาก็เรียนรู้ได้ภายในระยะเวลาสองเค่อเท่านั้น ขาดไปเพียงความเชี่ยวชาญ…

เมื่อตี้ฝูอีสอนเสร็จ กู้ซีจิ่วก็อิ่มแล้ว ทั้งสองคนจึงจากไปพร้อมกัน ส่วนคนเหล่านี้ก็รั้งอยู่ที่เดิมพยายามฝึกกระบวนค่ายกลที่เพิ่งเรียนรู้มา

ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนที่วางไว้

กู้ซีจิ่วและตี้ฝูอีประสานงานกัน กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาตี้ฝูอีออกไป ตรงไปยังรอบนอกของหุบเขา…

ระหว่างทางย่อมทำให้สัตว์ร้ายมายาหลายตัวตื่นตัวขึ้นมา แต่วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วว่องไวยิ่ง ไม่รอให้พวกมันทันเปิดใช้ทักษะไล่ล่า สองคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งสองคนก็มาถึงเขตแดนที่คล้ายหมอกสีแดงแล้ว

บริเวณเขตแดนนี้ มีสัตว์ร้ายกว่าสิบตัวตระเวนอยู่ เมื่อเห็นคนทั้งสองที่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้ามา ก็รวมตัวกันพุ่งเข้ามาโจมตีทันที

ตอนนี้พละกำลังของกู้ซีจิ่วไม่นับว่าดีนัก ตัวเธอรับมือกับสัตว์ร้ายมายาสักตัวสองตัวยังพอไหว แต่มาทีเดียวกว่าสิบตัว เธอต่อกรไม่ไหว

นี่ก็คือสาเหตุที่เธอถูกสัตว์ร้ายมายาทำร้ายตอนมาเยือนที่เขตแดนเพียงแวบเดียวในครั้งก่อน

เพียงแต่ หนนี้ข้างกายเธอมีตี้ฝูอีมาด้วย!

ถึงแม้ตี้ฝูอีจะไม่มีวิชาเคลื่อนย้าย แต่พละกำลังเขายอดเยี่ยม พลังวิญญาณสูงส่ง ซ้ำยังมีกลยุทธ์ล้ำเลิศ

กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาเขาไปโผล่ตรงหน้าสัตว์ร้ายมายาที่ดุร้าย เขาจึงใช้วิชากระบี่แทงเข้าไปที่จุดอ่อนโดยตรง…

พวกเขาจึงทำการสังหารล้างบางเช่นนี้ ไล่เก็บ ‘สหายตัวน้อย’ ไปทีละตัว

สัตว์ร้ายมายากว่าสิบตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าคนทั้งสองที่ทำงานสอดประสานกัน จึงมอดม้วยลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ

ในไม่ช้า ภายในบริเวณที่พวกเขาอยู่ ก็ไม่มีสัตว์ร้ายมายาสักตัวแล้ว กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ครั้งนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ลงมือสังหารสัตว์ร้าย แต่การใช้วิชาเคลื่อนอย่างต่อเนื่องก็เหนื่อยมากเช่นกัน

เธอรู้สึกว่าวันนี้เรี่ยวแรงของตนแข็งแรงมากกว่าปกติ ปกติแล้วหากว่าใช้วิชาเคลื่อนย้ายต่อเนื่องกันเช่นนี้ คงหอบแฮ่กๆ ไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เธอพาคนผู้หนึ่งใช้วิชาเคลื่อนย้ายตั้งหลายครั้ง กลับมีเหงื่อซึมออกมาตรงหน้าผากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…

หรือว่าพอคนเรามีเรื่องชื่นมื่นจิตเบิกบานแล้ว แม้แต่พละกำลังก็จะเพิ่มขึ้นมาด้วย?

หรือว่าถ้าชายหญิงทำงานประสานกันแล้วจะไม่เหน็ดเหนื่อย?

หรือจะเกี่ยวข้องกับการเล่นพลิกผ้าห่มเมื่อคืน?

เพียงแต่ เธอเคยได้ยินว่าหลังจากชายหญิงร่วมหอกันแล้ว จะเหนื่อยล้ายิ่งนัก วันต่อมาพละกำลังของทั้งสองฝ่ายชายหญิงล้วนจะถดถอยลง ถึงขั้นที่สตรีบางคนลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ…

ตอนนี้เธอกลับกระฉับกระเฉงยิ่งนัก น่าจะไม่เกี่ยวกับการเล่นพลิกผ้าห่มกระมัง?

แน่นอน ความคิดเหล่านี้เพียงโลดแล่นอยู่ในสมองของเธอเท่านั้น จากนั้นก็ถูกเธอปัดทิ้งไป

เธอมองไปที่ตี้ฝูอี ตี้ฝูอีกำลังจ้องมองศึกษาเขตแดนที่คล้ายกับหมอกแดงนั้นอยู่ นิ้วมือจรดร่ายเป็นครั้งคราวราวกับคำนวณอันใดอยู่

เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วง สายลมแผ่วหวิวพัดพาอาภรณ์ม่วงของเขาให้ปลิวไสว

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า คำว่าล่องลอยดุจเซียนก็ไม่เพียงพอจะใช้บรรยายถึงบุรุษผู้นี้…

บุรุษผู้นี้หล่อเหลาเกินไปแล้ว! โดยเฉพาะยามที่บุรุษผู้นี้ตั้งใจจัดการเรื่องราวยิ่งดูหล่อเหลากว่าเดิม!

—————————–