บทที่ 2150+2151

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2150 ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นดูแลช่างอบอุ่นมากจริงๆ…

ดังนั้น ถึงเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าไม่จำเป็นตัวติดกับเขาอีกแล้ว เธอก็ยังคงเขยิบเข้าไปใกล้ ยื่นมือข้างหนึ่งไปโอบไหล่เขาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ

“เจ้าสิ่งนี้สามารถทำลายทิ้งได้ไหม? มันก็ทำร้ายคนได้เหมือนกัน ครั้งก่อนข้าใช้นิ้วแหย่มันดู ผลคือราวกับถูกไฟลวกก็มิปาน…”

ตี้ฝูอีฉวยมือนางขึ้นมาดู

“ใช้นิ้วไหนแหย่?”

“นี่ นิ้วนี้ไง”

กู้ซีจิ่วชูนิ้วกลางข้างซ้ายขึ้นส่ายเล็กน้อย ซ้ำยังเอ่ยอย่างค่อนข้างภูมิใจว่า

“ข้าก็เกรงว่าหมอกแดงนี้จะมีพิษ ดังนั้นจึงใช้นิ้วมือซ้ายแหย่”ตี้ฝูอีพูดไม่ออกอยู่บ้าง

“…แล้วนิ้วมือซ้ายไม่ใช่นิ้วมือเจ้าหรือไง? โง่งม!”

ว่าพลางตรวจดูไปด้วย พบว่าไม่แดงไม่บวม ด้วยเหตุนี้เขาจึงลูบนิ้วนางเบาๆ

กู้ซีจิ่วรู้สึกเพียงว่าหัวใจก็คล้ายจะถูกเขาลูบไปด้วย

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ็บนิดหน่อยเท่านั้น”

“หมอกแดงนี้คือหมอกฮุ่นตุ้น[1] แปรสภาพมาจากไอพิษที่ฮุ่นตุ้นในตำนานพ่นออกมา มีพิษร้ายแรงยิ่งนัก ไม่อาจสัมผัสส่งเดชได้!”

ตี้ฝูอีพูดพลางโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ม้วนซากสัตว์ร้ายมายาตัวหนึ่งให้ลอยขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าชนหมอกแดง ผลคือสัตว์ร้ายมายาตัวนั้นประหนึ่งสัมผัสโดนน้ำกรดก็มิปาน เกิดควันขาวพวยพุ่งออกมาหลอมละลายกลายเป็นน้ำเหลืองกองหนึ่ง

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

ที่แท้หมอกแดงนี้มีพิษสงถึงเพียงนี้! แล้วทำไมนิ้วเธอถึงไม่เป็นอะไรล่ะ?

เธออดไม่ได้ที่จะมองดูนิ้วมือตนเองอีกครั้ง

“ไม่ต้องมองหรอก ร่างกายเจ้าพิเศษกว่าคนทั่วไป ต้านพิษได้ยอดเยี่ยมยิ่ง พิษทั่วไปทำอันตรายเจ้าไม่ได้”

ถึงแม้พลังวิญญาณของเธอจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรร่างกายเธอก็เป็นร่างเซียน ร่างกายมีภูมิคุ้มกันพิษ ประกอบกับในอดีตนางเล่นกับพิษอยู่เสมอ ภูมิคุ้มกันพิษในร่างกล่าวได้ถือว่าบรรลุขั้นสูงสุดแล้ว พิษทั่วไปทำอันตรายเธอไม่ได้เลย

ถึงแม้พิษของหมอกแดงนี้จะทำอันตรายกู้ซีจิ่วอย่างแท้จริงไม่ได้ แต่หากว่าไม่ทำลาย เธอก็หนีออกไปไม่ได้เช่นกัน

“เจ้าทำลายหมอกฮุ่นตุ้นนี้ได้หรือไม่?”

กู้ซีจิ่วฝากความหวังไว้กับตี้ฝูอี รู้สึกอยู่เสมอว่าไม่มีอะไรที่คนผู้นี้ทำไม่ได้

ไม่รู้ว่าตี้ฝูอีหยิบขลุ่ยเลาหนึ่งออกมาจากไหน

“น่าจะได้”

ดึงนางให้เข้าไปใกล้ๆ ตน

“เจ้าอย่าได้วิ่งวุ่นวาย กันไม่ให้ข้าเสียสมาธิ”

ดวงตากู้ซีจิ่ววูบไหวเล็กน้อย พยักหน้ารับคำ

“วางใจเถอะ ข้าไม่วิ่งวุ่นวายหรอก!”

ในใจมีความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาเป็นระลอก

เธอเป็นลูกพี่ของที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าเป็นเรื่องอันตรายใดๆ เธอล้วนพุ่งนำอยู่ด้านหน้าเสมอ เป็นเธอที่คอยดูแลทางนั้น ดูแลทางนี้ สั่งการผู้อื่นไม่ให้วิ่งวุ่นวาย ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนมากำชับเธอบ้างแล้ว…

คำกำชับนี้อบอุ่นใจยิ่งนัก ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นดูแลช่างอบอุ่นมากจริงๆ…

โดยเฉพาะการถูกบุรุษคนนี้ปกป้อง…

กู้ซีจิ่วหยักยิ้ม แม้แต่ดวงตาก็หยีโค้งดุจจันทร์เสี้ยว

ตี้ฝูอีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แนบขลุ่ยจรดปาก บรรเลงขลุ่ยด้วยท่าทีสบายๆ…

เสียงขลุ่ยกังวานใสเสนาะ ไหลลอดหว่างนิ้วเขาปานธาราไหลริน เลื่อนลอยอยู่ระหว่างฟ้าดิน

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ จ้องขลุ่ยที่แนบริมฝีปากเขา หรือว่าบรรเลงขลุ่ยแล้วจะทำลายเขตแดนหมอกแดงนี้ได้?

เสียงขลุ่ยค่อนข้างประหลาด มิใช่ท่วงทำนองใดๆ เลย ราวกับสายลมที่พัดผ่านทิวไผ่ หยาดพิรุณต้องใบตอง แฝงท่วงทำนองโบราณอันเอ้อระเหย ทำให้กู้ซีจิ่วมึนเมาอยู่บ้าง

เธออดไม่ได้ที่จะจดจำท่วงทำนองนี้ไว้ในสมอง เตรียมการว่าวันหน้าจะหัดเป่าเองดู

จะว่าไปก็แปลก เสียงขลุ่ยนี้นับว่าดังไม่น้อยเลย ทว่าไม่ได้ดึงดูดสัตว์ร้ายมายามาเลยสักตัว ทั่วปฐพีเงียบสงบ มีเพียงเสียงขลุ่ยแว่วกังวาน

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วก็ได้เห็นฉากที่ทำให้เธอตกตะลึง

จู่ๆ หมอกแดงที่ปกคลุมบดบังฟ้าดินไว้ก็ค่อยๆ หมุ่นวนบิดเบี้ยว เข้ามารวมตัวช้าๆ ก่อตัวเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬาร…

กู้ซีจิ่วกำมือแน่นทันที!

————————————————————————————-

บทที่ 2151 ต้องการมองให้ชัดหน่อย…

สิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬารตัวนั้นมองแวบแรกคล้ายกับหมู ทว่าไม่มีหัว มีเพียงขาที่ราวกับเสาเข็มและลำตัวที่อ้วนกลมปานขุนเขา สีสันร่างกายเป็นสีแดงโลหิต ดูพิลึกพิลั่นและน่ากลัว

กู้ซีจิ่วถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ กันตี้ฝูอีไว้ด้านหลังตน กุมกระบี่ในมือแน่น

เจ้าสิ่งนี้คล้ายว่าจะก่อตัวขึ้นจากหมอกแดงเหล่านั้น แต่กลับทรงพลังอย่างยิ่ง ทันทีที่ก่อร่างขึ้นก็เกิดสายลมกรรโชกรอบด้าน…

กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่รางๆ ว่าเจ้าสิ่งนี้ค่อนข้างคุ้นตา ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“นี่คือตัวฮุ่นตุ้น”

ตี้ฝูอีสื่อสารกับกู้ซีจิ่วโดยไม่ขยับปาก

สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

“ฮุ่นตุ้นหนึ่งในสี่สัตว์ร้ายบรรพกาลน่ะหรือ?!”

“นี่ไม่ใช่ร่างจริงของมัน เป็นเพียงไอฮุ่นตุ้นของมันที่ก่อตัวเป็นภาพมายา อย่ากลัวไปเลย ข้าจะกำราบมัน ให้มันคลายเขตแดนหมอกพิษเหล่านี้ออกไป”

ที่แท้นี่ก็เป็นภาพมายาของฮุ่นตุ้น…

กู้ซีจิ่วโล่งอกเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อเลยว่าภาพมายาจะใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นฮุ่นตุ้นตัวจริงจะใหญ่โตมากขนาดไหนกัน?

อย่างไรเสียกู้ซีจิ่วก็อยู่ที่นี่ในสภาพความจำเสื่อม ดังนั้นข้อมูลความรู้ที่เธอมีต่อสัตว์ร้ายเหล่านี้จึงว่างเปล่าขาวโพลน ในสมองมีเพียงความรู้เกี่ยวกับสัตว์ร้ายมายาพวกนั้นกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่หัวหน้าเผ่าถ่ายทอดให้เธอ อย่างอื่นไม่รู้เลย

แต่สัมผัสที่หกของเธอกล้าแกร่งยิ่ง รับรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าสัตว์ชนิดนี้ดุร้ายยิ่ง…

“เจ้าจะเป็นเหมือนสัตว์ร้ายมายาหรือเปล่า? ที่วิ่งออกมาแล้วจะกลายเป็นของจริง?”

นี่เป็นจุดที่กู้ซีจิ่วค่อนข้างกังวล

“บอกได้ยาก”

ตี้ฝูอีตอบเธอเพียงสามคำ เสียงขลุ่ยที่บรรเลงอยู่ใต้ริมฝีปากชดช้อยกว่าเดิม

กู้ซีจิ่วไม่กล้ารบกวนเขาแล้ว กุมกระบี่ยืนอยู่ข้างกายตี้ฝูอี ขณะที่เขากำลังตั้งใจเป่าขลุ่ยอยู่ หากว่าสัตว์มายาตัวนี้กลายเป็นของจริงแล้วพุ่งเข้ามาโจมตี เกรงว่าเธอคงตั้งรับไม่ทันกาล

แน่นอนว่าเธอก็ต้านทานไว้ไม่อยู่ด้วย แต่เธอสามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาเขาหลบหนีได้…

หลังจากภาพมายาฮุ่นตุ้นตัวนั้นปรากฏขึ้น หมอกแดงรอบกายมันก็ปั่นป่วนพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง เสมือนหม้อน้ำเดือด

แรกเริ่มที่เจ้าสิ่งนี้ปรากฏตัวขึ้นดูหงุดหงิดงุ่นง่านยิ่งนัก ท่าทางราวกับต้องการจะกลืนกินโลกทั้งใบ ในแต่ละก้าวที่สี่กีบเท้าเยื้องย่าง ล้วนทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนไปสามครา

แต่เห็นได้ชัดว่าเสียงขลุ่ยของตี้ฝูอีปลอบให้อารมณ์ของมันสงบลง ท่ามกลางเสียงขลุ่ยที่ล่องลอย ร่างกายของมันก็โยกไหวไปตามเสียงขลุ่ยเล็กน้อย ราวกับเต้นระบำไปตามเสียงขลุ่ย

ยิ่งเสียงขลุ่ยอ่อนโยนขึ้นมากเท่าไหร่ หมอกแดงที่เดือดพล่านอยู่รอบกายมันก็ค่อยๆ ลดลง บางเบาลงอย่างเชื่องช้า อ่อนจางลง…

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่เข้าใจ แต่ก็รู้ว่านี่เป็นรูปการณ์ที่ดี

ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็คงจะทำลายเขตแดนหมอกแดงได้แล้ว

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ลดกระบี่ลงเงียบๆ เธอมองดูฮุ่นตุ้นแวบหนึ่ง มองเห็นอย่างเลือนรางว่าตรงปลายเท้ามันคล้ายมีสิ่งใดส่องแสงกระพริบวิบวับอยู่ ราวกับซุกซ่อนสมบัติอันใดไว้

นั่นคืออะไร?

กู้ซีจิ่วนึกสงสัย ก้าวเข้าไปสองก้าว ต้องการมองให้ชัดหน่อย…

และในวินาทีนี้เองได้เกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหัน!

ฮุ่นตุ้นตัวนั้นที่เดิมทีว่าง่ายเชื่อฟังแล้วจู่ๆ ก็ราวกับได้กลิ่นบางสิ่งที่กระตุ้นประสาทของมันขึ้นมา ร่างกายที่เดิมทีโยกย้ายโอนเอนไปตามเสียงขลุ่ยแล้วพลันหยุกชะงัก!

ต่อจากนั้น ปีกสีโลหิตคู่หนึ่งก็โผล่ออกมาจากแผ่นหลังอันเกลี้ยงเกลาของมัน กางปีกขึ้นในทันใด ก่อให้เกิดสายลมที่กรรโชกรุนแรงราวคลื่นยักษ์ ผุดออกมาจากปลายปีกมัน…

“ระวัง!”

เสียงต่ำๆ ของตี้ฝูอีพลันแว่วขึ้นริมหูกู้ซีจิ่ว จากนั้นร่างเธอก็ถูกคนรั้งไปทางด้านหลัง ฟ้าดินพลิกหมุนตาลปัตรร่างกายเธอถูกดึงไปอยู่ด้านหลังตี้ฝูอี…

สายหมอกโลหิตที่รุนแรงสายหนึ่งพุ่งเข้าหาคนทั้งสอง!

สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เธอก็ตอบสนองว่องไวเช่นกัน ถือโอกาสดึงแขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีไว้ ใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที…

เคลื่อนย้ายออกไปหลายสิบลี้ หลบหนีออกห่าง

————————————————————————————-


[1]  หมอกฮุ่นตุ้น คือภาวะที่อากาศ รูป และธาตุยังปะปนเกาะกลุ่มกัน เป็นสภาพดั้งเดิมของจักรวาลก่อนที่เทพผานกู่จะใช้ขวานจามแยกเป็นฟ้าและดินตามตำนานการสร้างโลกของชาวจีน และเป็นชื่อของสัตว์ร้ายด้วย