บทที่ 2152+2153

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2152 ยืนนิ่งๆ ซะ!

“กรรซ์…”

ฮุ่นตุ้นคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงคำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ทันใดนั้นกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้วว่าเสียงคำรามที่ดังขึ้นทุกวันคือเสียงอะไร เป็นเสียงร้องของเจ้าตัวนี้! ถึงแม้ระดับเสียงคำรามจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่โทนเสียงไม่ต่างกันนัก…

ยังเร็วไปที่จะบอกว่าสายไปแล้ว ร่างของฮุ่นตุ้นตัวนั้นที่เดิมทีเคลื่อนไหวอยู่ในหมอกแดงเสมอมา เริ่มดิ้นรนออกมาจากหมอกแดงแล้ว ร่อนลงสู่พื้น

จากนั้น…กู้ซีจิ่วถึงได้พบว่าใต้ปีกของสัตว์ร้ายตัวนี้มีดวงตาอยู่ถึงแปดคู่!

หนำซ้ำดวงตาแปดคู่นี้ยังมีสีสันแตกต่างกันไปด้วย มีแด งมีดำ มีสีทอง มีสีชา ดวงตาทุกดวงล้วนเรืองรองเจิดจ้ายิ่งกว่าอัญมณีและเยียบเย็นยิ่งกว่าอสรพิษ…

ยามนี้ดวงตาทั้งแปดคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว!

เส้นขนทั้งร่างกู้ซีจิ่วแทบจะลุกชันขึ้นมาแล้ว!

ดวงตาแปดคู่นี้ดุร้ายเกินไปแล้ว! ถูกมันจ้องมองแล้วราวกับถูกคนใช้โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นล่ามตรึงไว้ ทำให้มือเท้าผู้อื่นแข็งทื่อไปหมด…

กู้ซีจิ่วสู้รบปรบมือกับสัตว์ร้ายของที่นี่มาเนิ่นนานปานนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัตว์ที่ดุร้ายถึงเพียงนี้!

หนังหัวเธอชาหนึบไปหมดแล้ว ลากแขนตี้ฝูอีใช้วิชาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง

“ถ้าไม่อยากให้ทุกคนต้องลงหลุมไปพร้อมกันหมด ก็ยืนนิ่งๆ ซะ!”

ตี้ฝูอีเอ่ยเสียงแผ่ว พลันตวัดแขนเสื้อ สร้างโดมครอบร่างกู้ซีจิ่วไว้

“เป็นเด็กดีรออยู่ตรงนี้นะ”

กู้ซีจิ่วตะลึง

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับจากนี้เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้กู้ซีจิ่วกำมือแน่นด้วยความเคร่งเครียดจนนิ้วมือแทบแหลก

ทันทีที่ตี้ฝูอีดันเธอเข้าไปในเกราะกำบัง ฮุ่นตุ้นตัวนั้นก็คำรามเสียงดังก้องแล้วบินเข้ามา

สายตากู้ซีจิ่วพร่าเลือนไปแวบเดียว ร่างกายมโหฬารนั้นก็เข้ามาใกล้เธอแล้ว

แรงกดดันมหาศาลกดทับจนก้อนหินที่อยู่รอบข้างแหลกเป็นผงไปทันที ร่างกายของกู้ซีจิ่วที่อยู่ในโดมมีเหงื่อผุดซึมออกมา

หากว่าเธอเป็นอิสระล่ะก็ ปฏิกิริยาแรกในยามนี้ต้องเป็นการลากตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายหนีแน่นอน….

แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายในโดมได้ ทำได้เพียงเบิกตามองมันร่อนลงเบื้องหน้าดั่งภูเขาไท่ซานร่วงหล่นลงมา

ใต้ชายโครงของมันปรากฏปากที่กว้างใหญ่พอจะกลืนกินทุกสิ่งเข้าไปได้ ในปากมีฟันแหลมคมเรียงรายกัน ฟันแต่ละซี่คมกริบปานกระบี่ล้ำค่า ส่องประกายเยียบเย็นข่มขวัญคน…

กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอียืนอยู่ตรงนั้นแล้วเหมือนกระรอกสองตัวที่ยืนขวางอยู่อยู่ข้างๆ ช้าง…

ขนาดเทียบกันไม่ได้เลย!

“รีบหนีเร็ว!”

กู้ซีจิ่วที่อยู่ในโดมตะโกนเสียงดัง คอแทบแตกแล้ว

โดมที่ครอบอยู่เหนือร่างเธออาจจะต้านทานฟันอันแหลมคมของฮุ่นตุ้นตัวนี้ได้ แต่ตี้ฝูอีที่ยังยืนอยู่ข้างๆ โดมนี้ของเธอ หากถูกฮุ่นตุ้นกัดเข้าแล้ว เกรงว่าตี้ฝูอีคงกลายเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของอีกฝ่ายไปทันที

บนร่างของฮุ่นตุ้นตัวนี้พกพาสายลมกรรโชกมาด้วย เป่าจนเสื้อผ้าของตี้ฝูอีปลิวไสวดุจผืนธงแล้ว

ทว่าเขาเสมือนถูกตอกเอาไว้ตรงนั้น มั่นคงดั่งขุนเขา

สำหรับเสียงตะโกนของกู้ซีจิ่ว เขาก็ทำราวกับไม่ได้ยินเลย…

จากนั้น กู้ซีจิ่วก็มองเห็นฮุ่นตุ้นตัวนั้นทำเหมือนมีความเคียดแค้นชิงชังอย่างล้ำลึกอันใดกับพวกเขา อ้าปากงับพวกเขาทันที!

กู้ซีจิ่วถูกครอบไว้ในโดม จะหนีก็หนีไม่ได้ จะหลบก็หลบไม่พ้น ทำได้เพียงเบิกตามองปากที่ใหญ่โตราวกับอ่างใบยักษ์สีโลหิตที่อยู่เบื้องหน้านั้นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว…

‘แกรก!’

กู้ซีจิ่วได้ยินเสียงขบกัดที่ทำให้คนเสียวฟันดังขึ้น เสียดแก้วหูสะเทือนหัวใจ

ปลายนิ้วมือของกู้ซีจิ่วแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือแล้ว

เธอมองออกไปด้านนอกอย่างร้อนรน จากนั้นก็มองเห็นฉากที่ทำเธอแทบไม่อยากจะเชื่อ

ตี้ฝูอียังคงยืนมั่นอยู่ตรงนั้น ขวางอยู่ด้านหน้าโดม ทว่าขลุ่ยในมือกลับชูยื่นขึ้นกลางอากาศ และฟันอันแหลมคมของเจ้าฮุ่นตุ้นก็กัดลงบนขลุ่ยเลานั้น…

เห็นได้ชัดว่าแรงกัดนี้มหาศาลยิ่งนัก ขลุ่ยเลานั้นสั่นสะท้าน สีหน้าตี้ฝูอีซีดเผือดในชั่วพริบตา

————————————————————————————-

บทที่ 2153 แรงกดดันบนร่างเขาจะมีมากมายปานใดกัน?!

เห็นได้ชัดว่าแรงกัดนี้มหาศาลยิ่งนัก ขลุ่ยเลานั้นสั่นสะท้าน สีหน้าตี้ฝูอีซีดเผือดในชั่วพริบตา โลหิตซึมออกมาจากง่ามมือ

ทว่าเขาไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว มือขวายังคงกุมขลุ่ยสีขาวพิสุทธิ์เลานั้นไว้แน่น ส่วนมือซ้ายไม่รู้ว่าหยิบใบไม้ใบหนึ่งมาจากไหน จรดเข้าที่ริมฝีปากแล้วเป่าทันที…

แค่ใบไม้ที่ธรรมดายิ่งนักใบหนึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าพอถูกเขาเป่าแล้วจะมีเสียงราวกับขลุ่ย เสียงขลุ่ยนี้ใสเสนาะยิ่ง เสมือนเพลงกล่อมเด็ก แว่วลอยออกมาจากริมฝีปากเขา

ดวงตาแปดคู่ที่กำลังคลุ้มคลั่งของฮุ่นตุ้นตัวนั้นกลอกไปมาอยู่ไม่กี่ครั้ง ปากใหญ่ที่งับขลุ่ยไว้แน่นเริ่มคลายออกนิดๆ

ยามนี้หากว่าตี้ฝูอีอยากจะชักขลุ่ยออกมาก็สามารถทำได้แล้ว แต่เขากลับไม่รีบชักออกมา สายตาจ้องมองดวงตาที่อยู่ใจกลางใต้ซี่โครงลงไปเขม็ง เสียงขลุ่ยแว่วต่อเนื่อง เจือสำเนียงการปลอบประโลมเอาไว้…

กู้ซีจิ่วอยู่ในโดมด้านหลังตี้ฝูอี เธอมองไม่เห็นว่าตี้ฝูอีมีท่าทีเช่นใด ทว่ามองเห็นท่าทางของฮุ่นตุ้นอย่างชัดเจน

เดิมทีดวงตาทั้งแปดคู่ของเจ้าฮุ่นตุ้นจ้องมองมาที่เธอราวกับถูกตอกตรึงเอาไว้ แต่หลังจากเสียงขลุ่ยแว่วขึ้นอีกครั้ง ความดุร้ายภายในดวงตาแปดคู่นั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป ถึงขั้นที่มีดวงตาคู่หนึ่งฉายแววเลื่อนลอยออกมาแวบหนึ่ง…

กู้ซีจิ่วเกาะผนังโดมแน่น ไม่ขยับเลยสักนิด

เธอมองออกว่าฮุ่นตุ้นตัวนี้ถูกเธอกระตุ้นให้โกรธเกรี้ยวขึ้นมา การพุ่งโจมตีเมื่อครู่นี้ก็เป็นการพุ่งเข้าโจมตีเธอ แต่หลังจากตี้ฝูอีสร้างโดมครอบเธอไว้ ก็ราวกับตัดขาดเธอกับทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ดวงตาของฮุ่นตุ้นจะยังมองเห็นเธอ แต่ขอเพียงเธอไม่ขยับ มันก็จะไม่โมโหคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก…

เธออยู่ในโดมยังสัมผัสถึงแรงกดดันมหาศาลของฮุ่นตุ้นตัวนั้นได้เลย แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว แต่ตี้ฝูอีสามารถยืนประจันหน้าได้ แรงกดดันบนร่างเขาจะมีมากมายปานใดกัน?!

บุรุษผู้นี้ราวกับขุนเขาลูกหนึ่ง เป็นที่พึ่งพาที่ทำให้คนรู้สึกวางใจ ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ถอยเลยแม้แต่ครึ่งก้าว ขวางกั้นอันตรายทุกอย่างให้เธอ

เสียงขลุ่ยแว่วกังวานไม่ขาดสาย…

ในที่สุด ปีกที่คลี่กางอยู่ครึ่งหนึ่งของฮุ่นตุ้นตัวนั้นก็ค่อยๆ หุบลงมา บดบังดวงตาทั้งแปดคู่ไว้ใต้ปีกของมัน จากนั้นร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารของมันก็เลือนรางลงเรื่อยๆ เลือนหายไปแล้ว…

กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก ถึงแม้เธอจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ ทว่าราวกับได้เข้าร่วมศึกแห่งความเป็นความตาย เหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากยังไม่หายไปเลย

ตี้ฝูอีถอยไปก้าวหนึ่ง ยื่นมือหมายจะคลายเกราะกำบังรอบกายนางลง แต่มือกลับสั่นระริก เห็นได้ชัดว่าเรี่ยวแรงไม่เป็นใจ

เขาสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง แล้วถึงคลายโดมนั้นออก เพ่งพิศนางคราหนึ่ง

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ถึงแม้ฮุ่นตุ้นตัวนี้จะเป็นร่างมายาที่ก่อตัวขึ้นจากไอฮุ่นตุ้น แต่ก็ไม่อาจดูแคลนพลังอำนาจได้จริงๆ ต่อให้เป็นจินเซียนทั่วไปยืนอยู่เบื้องหน้ามันก็ยังทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา อย่าว่าแต่ประจันหน้ากับฮุ่นตุ้นตัวนี้เลย ต่อให้อยู่ห่างออกไปสองสามลี้ก็ยังถูกแรงกดดันบนร่างมันกดทับจนระเบิดทันที!

ถึงแม้โดมของเขาจะสกัดกั้นคมเขี้ยวของฮุ่นตุ้นได้ แต่ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันอันทรงพลังบนร่างฮุ่นตุ้นได้ ต่อให้กู้ซีจิ่วอยู่ในโดมก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ทำได้เพียงเผชิญหน้าไปตรงๆ…

เมื่อครู่ยามที่เริ่มเป่าขลุ่ยใบไม้ ในใจเขายังคงตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่บ้าง เกรงว่ากู้ซีจิ่วจะทนรับแรงกดดันไม่ไหวกรีดร้องขยับตัววุ่นวายขึ้นมา กลับคาดไม่ถึงเลยว่าตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ ไม่ขยับตัวเลยสักนิดด้วย ทักษะการควบคุมตนเองอันแข็งแกร่งนี้ก็ทำให้ตี้ฝูอีมองนางในมุมใหม่เช่นกัน

เห็นทีว่าต่อให้นางสูญเสียพลังวิญญาณทั้งหมดไปกลายเป็นคนธรรมดา แต่ความสงบเยือกเย็นนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย ทำให้ตี้ฝูอีชื่นชมยิ่งนัก

“ให้ข้าดูมือเจ้าหน่อย”

หลังจากออกมาเรื่องแรกที่กู้ซีจิ่วทำก็คือมองมือขวาที่โชกเลือดของเขา

เมื่อครู่ง่ามมือของเขาปริฉีกมา ยามนี้จึงมีโลหิตไหลซึมออกมา

กู้ซีจิ่วเม้มปาก หยิบโอสถขวดหนึ่งออกมาทาง่ามมือให้เขา

ตี้ฝูอีปล่อยให้นางปรนนิบัติอย่างเป็นสุข เขาชอบท่าทางยามนางเป็นห่วงเป็นใยเขา

——————————————-