SD:บทที่ 41 : คุณยังต้องการอะไรอีกมั้ย

โถงทางเดินที่เคยเสียงดังกลับเงียบดลในบันดล ไม่มีใครเอ่ยถ้อยคำใดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของคณบดีเหอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกคนไข้ที่เป็นห่วง ซู ฉิวไป่ และเหล่าพรรคพวกของเขา คนไข้พวกนี้ได้พักในโรงพยาบาลนี้สองสามวันที่แล้ว และได้เป็นพยานเห็นด้วยตนเองว่าหัวหน้าพยาบาลเป็นคนเช่นไร

ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็น เฉา ตั้วเฟย สั่งสอนเธอแล้ว ฝูงชนจึงแค่มองและกล่าวชื่นชมพวกเขาในใจ!

ไม่ว่าใครต่างก็ประหลาดใจที่เห็นว่าคณบดีกลับไม่หนุนหลังนางพยาบาลหลี่ ก่อนที่รองคณบดีจางจะทันโต้ตอบอะไร คณบดีเหอก็รีบรุดมาหา ซู ฉิวไป่ เสียแล้ว

“คุณเป็นพี่ชายของ ซู เซี่ยวเซี่ยว ใช่ไหมครับ ขออภัยจริง ๆ นะครับ ทางเราไม่ได้คาดคิดเลยว่าโรงพยาบาลจะมีคนชั่วช้าเช่นนี้ทำงานอยู่ ผมจะไปจัดการเรื่องแพทย์ให้เลยในทันทีครับ โปรดวางใจได้!”

หลังจากที่เห็นพวกเด็กหนุ่มสาวท่าทางเกเรเต็มโถงทางเดิน คณบดีเหอจึงเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเขาถึงมีคนโทรหามากมากนัก แน่ชัดเลยว่าต้องเป็นฝีมือของพวกเขาแน่!

คณบดีเหอมั่นใจว่าตระกูลเซี่ยวคงถึงคราวตกอับเป็นแน่ เขาเลยไม่ลังเลที่จะจัดหาแพทย์ที่เชี่ยวชาญมากที่สุดให้ ซู เซี่ยวเซี่ยว แล้วกลับมาที่ห้องทำงานของตนเอง ก่อนจะดำเนินการไล่รองคณบดีจางและ หลี่ ฉิวปิง ทันทีทันใด

ไม่นานเกินรอ หลังจากที่มีการประกาศออกไปแล้ว คุณนายเซี่ยวก็โทรมาหาเขา

“เหอ โฉวกุย นี่คุณเป็นบ้าอะไร”

แน่นอน ผู้หญิงคนนั้นเรียกร้องหาคำอธิบายอย่างไม่อ้อมค้อมเลย น้ำเสียงของเธอโกรธเคืองอย่างมาก หากคณบดีเหอไม่ได้รับสายอันล่าสุดล่ะก็ เขาคงกลัวแทบตายเป็นแน่ เพราะจะอย่างไรก็ดี ไม่มีใครที่กล้าหรือโง่พอที่จะทำให้ตระกูลเซี่ยวแห่งเมืองตงไห่ไม่พอใจหรอก

“คุณนายเซี่ยว ผมเพียงทำสิ่งที่แพทย์คนหนึ่งควรทำก็เท่านั้น” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น คู่สนทนาเงียบไปเสียสนิท ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว เหอ โฉวกุย โปรดอย่าลืมสิ่งที่คุณปริปากไปในวันนี้ด้วย ฉันหวังว่าคุณจะไม่เสียใจในภายหลัง” จากนั้นอีกฝ่ายก็วางสายไป

คณบดีเหอตระหนักเป็นอย่างดีว่าเขาคงทำให้ตระกูลเซี่ยวโกรธจนควันออกหูเป็นแน่แท้ แต่เมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว เขาแลเห็นหนทางอื่นไม่ สุดท้าย เขาได้หวังว่า ซู ฉิวไป่ จะไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง

เหอ โฉวกุย ไม่มีเหตุผลให้ต้องหมกตัวในห้องทำงานอีกต่อไป เขาจึงรุดไปหา ซู ฉิวไป่ อีกครั้งหนึ่ง

ซู ฉิวไป่ เอ่ยขอร้องให้ เฉา ตั้วเฟย และคนอื่น ๆ ไปรอข้างล่าง โดยสุดท้าย มีเพียงเขาและเพื่อนร่วมห้องของ ซู เซี่ยวเซี่ยว ที่ยังอยู่ในแผนกผู้ป่วย เมื่อคณบดีเหอมาถึง หมอที่ตรวจ ซู เซี่ยวเซี่ยว ก็ออกมาจากห้องของเธอพอดี

“คุณหมอฉี ตอนนี้อาการคนไข้เป็นยังไงบ้าง” คณบดีเหอเอ่ยถามนายแพทย์ต่อหน้า ซู ฉิวไป่

ซู ฉิวไป่ ได้แต่มองไปที่แพทย์อย่างวิตกกังวล ก็น้องสาวของเขาเป็นคนที่ต้องนอนในห้องนั้นอยู่ จะไม่ให้เขากังวลอย่างไรเล่า

“อาการของเธอตอนนี้หนักมากครับ คนไข้ยังคงอยู่ในภาวะโคม่า และยังมีการแตกหักของกระดูกทั่วทั้งร่างครับ”

หัวใจของคนเป็นพี่ชาย เมื่อได้ยินนายแพทย์กล่าวเช่นนั้นแล้วก็เจ็บแปลบขึ้นมา เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองเด็กสาวที่ยังคงนอนสลบไสลผ่านหน้าต่างเข้าไป

“ถ้าอย่างนั้น เราควรเอายังไงต่อครับหมอ” ซู ฉิวไป่ ไม่อาจรั้งตัวเองได้อีก เขาเอ่ยขัดจังหวะบทสนทนาตรงหน้าขึ้น

นายแพทย์ฉีไม่อาจกล่าวโทษชายหนุ่มได้ เขาเพียงขมวดคิ้วแล้วตอบ “ณ ตอนนี้ เธอต้องการที่ค้ำแบบพิเศษเพื่อยึดร่างกายของเธอให้ยังคงอยู่ได้ แต่ขดลวดตาข่ายแบบนั้นไม่สามารถหาได้ในแถบนี้ ทว่า ผมพอรู้ว่ามีโรงพยาบาลนึงในสหรัฐอเมริกาที่มีมันอยู่ แต่กว่าทางโน้นจะส่งมาถึง มันก็คงจะสายไปแล้วล่ะครับ”

“โรงพยาบาลไหนครับ ช่วยบอกที่อยู่ของมันได้มั้ย ผมจะลองหาทางเอง” ซู ฉิวไป่ เอ่ยถามนายแพทย์ฉีด้วยสายตาจริงจัง

คำพูดของเขาทำให้ทั้งคณบดีเหอและนายแพทย์ฉีตะลึงงัน ในขณะเดียวกัน ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกว่าบางที ซู ฉิวไป่ อาจจะเริ่มสติหลุดไปแล้ว

นั่นมันสหรัฐฯนะ*! นายเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่ คิดจริงเหรอว่าจะเอาของแบบนั้นมาได้ง่าย ๆ น่ะ*

แน่นอน คณบดีเหอเพียงเก็บความรู้สึกระแคะระคายไว้ในใจ อันเป็นเพราะจากการที่ต้องรับสายโทรศัพท์จากคนนับสิบก่อนหน้านี้ ปากของนายแพทย์กำลังจะเอ่ยอะไรออกไป แต่เมื่อเห็นท่าทางตั้งมั่นของชายตรงข้ามแล้ว เขาตัดสินใจจะยั้งคำพูดไว้ พร้อมกับยอมเอ่ยชื่อของโรงพยาบาลและแพทย์ที่ดูแลมันอยู่

“รอไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวผมก็กลับมา”

เมื่อชายหนุ่มได้ที่อยู่นั้นมาแล้ว ซู ฉิวไป่ มุ่งตรงไปที่รถของตัวเอง นายแพทย์ฉีแน่ใจเลยว่าชายคนนี้คงเป็นกังวลมากจนไม่ทันคิดอะไรรอบคอบเสียแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างระอา นายแพทย์ไม่ได้คาดหวังอะไรจาก ซู ฉิวไป่ เลย เขาวางแผนจะกลับไปที่ห้องทำงานตนและคิดทบทวนหาหนทางเลือกอื่นในการรักษาคนไข้แทน โดยมีคณบดีเหอเดินตามหลังเขามาด้วย

แต่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด เพียงชั่วเวลาที่ใช้ทำชาหนึ่งแก้ว พวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงของ ซู ฉิวไป่ จากภายนอก

“คุณหมอฉี ช่วยดูหน่อยสิ นี่ใช้ไอ้ตัวที่คุณต้องใช้รึเปล่า”

ก่อนที่เจ้าตัวจะทันพูดจบ ซู ฉิวไป่ ก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องแล้ว พร้อมกับถือกล่องหนึ่งไว้ในมือ ดูเหมือนว่ากล่องในมือเขาจะเป็นของใหม่ คณบดีเหอและนายแพทย์ฉีประหลาดใจไม่แพ้กัน

อะไรเนี่ย ไม่ถึงสิบนาทีก็กลับมาพร้อมกับกล่องปริศนาในกำมือ ยังมีหน้ามาถามว่ามันจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่เพิ่งจะผ่านการวิจัยค้นคว้าจากสหรัฐฯได้อีกเหรอ นี่มันมีประตูวิเศษไปไหนก็ได้ของโดเรมอนรึไง

ชายทั้งสองไม่อาจเอ่ยอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากสีหน้าของทั้งสองฝ่ายแล้ว พวกเขายังคิดว่า ซู ฉิวไป่ คงเล่นตลกอะไรกับพวกเขาเป็นแน่

อย่างไรก็ตาม เมื่อนายแพทย์เห็นกล่องนั้นถูกฉีกเปิดอย่างไม่ใส่ใจโดยชายตรงหน้าแล้ว เขากลับเงียบไปเสียพักใหญ่ ท่านคณบดีไม่ทันเห็นอาการของนายแพทย์ จึงเริ่มปลอบประโลมชายหนุ่มตรงหน้า “ไม่ต้องกังวลไป ถึงอย่างไรเราก็คงหาอุปกรณ์นั่นไม่ทันอยู่แล้ว แต่เรายังคิดหาทางอื่นได้อยู่นะ”

ก่อนที่ท่านคณบดีจะพูดจบ เขาก็สังเกตเห็นสีหน้าแปลกประหลาดบนหน้าของนายแพทย์ เขาจังหันกลับไปถามหมอฉีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น สายตาของนายแพทย์ฉีจึงพลันเปลี่ยนไปช้า ๆ ความกังขาแสดงอยู่บนใบหน้า

“ท่านคณบดี นี่คือเครื่องมือที่ว่าครับ”

บ้าน่า*!*

คณบดีเหอไม่อาจกล่าวอะไร นี่ล้อกันเล่นหรือไง เมื่อกี้ไม่ได้เพิ่งบอกกันเหรอว่าไอ้อุปกรณ์นั้นอยู่ในสหรัฐฯ เกิดอะไรขึ้นกันแน่

“คุณไม่ได้เข้าใจผิดไปแน่นะ” คณบดีเหอถามยืนยันอีกครั้ง

“ไม่ผิดไปแน่ครับ! นี่คือเครื่องมืออันนั้นจริง ๆ !” ในที่สุดนายแพทย์ก็สงบลง เขาจึงตอบยืนยัน

ชายทั้งสองจ้องมอง ซู ฉิวไป่ ที่ยังใจเย็นไม่เปลี่ยน คณบดีเหอจึงเข้าใจไนทันทีว่าทำไมเขาถึงได้รับการติดต่อมากมายเช่นนั้น

ชายหนุ่มคนนี้ ไม่ต่างอะไรจากเทพเจ้าเลย*!*

“ในเมื่อเครื่องมือก็พร้อมแล้ว งั้นเริ่มการรักษาเลยครับ!”

ซู ฉิวไป่ ไม่อาจเสียเวลาไปสนใจเรื่องหยุมหยิมอย่างความตกใจของทั้งสองคนตรงหน้าเขาแน่นอนอยู่แล้วสิว่าเป็นของจริง**! ต้องอุตส่าห์ถ่อไปโรงบาลและใช้มีดจ่อคอหอยหมอคนนั้นนิ ถ้าเกิดว่าเป็นของปลอมล่ะก็ ฉันก็เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์น่ะสิ!

ในความคิดเห็นของ ซู ฉิวไป่ สถานการณ์ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย

แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ คือหมอที่เขาข่มขู่เพื่อเอาเครื่องมือในการรักษา ซู เซี่ยวเซี่ยว มานั้น ตอนนี้แพทย์คนนั้นแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว เขากล่าวรายงานกับตำรวจเสียหลายสิบครั้งว่ามีชายญี่ปุ่นในรถแท็กซี่ของจีนขโมยเครื่องมือของเขาไป แต่ทางตำรวจกลับไม่เชื่อเขาเลย

ส่วนสาเหตุที่เขาอ้างว่า ซู ฉิวไป่ เป็นคนญี่ปุ่นนั้น เนื่องจากคนขับรถเอาแต่พูดภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ที่เขาแรกเข้าไปในโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกานั้นเอง!

นายแพทย์ฉีไม่ลังเลอีกต่อไป เขาหยิบเครื่องมือนั้นไปทั้งกล่องแล้วเข้าไปในห้องผู้ป่วย ท่าทางเขาเหมือนจะคุ้นเคยกับเครื่องมือนี้มาก ด้วยความช่วยเหลือจากนางพยาบาลแล้ว เขาก็สามารถทำกระบวนการรักษาให้เสร็จสิ้นได้ แพทย์ฉีที่ตอนนี้เหงื่อท่วมตัว สุดท้ายก็ปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อออกจากแผนกผู้ป่วยนั้นมา เมื่อมีเครื่องมือนี้แล้ว อาการของ ซู เซี่ยวเซี่ยว จะได้คงที่สักที

“หมอฉีครับ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ซู ฉิวไป่ เอ่ยขึ้น หลังจากที่เขาจ้องมองนายแพทย์อย่างกระวนกระวาย

“ตอนนี้อาการเธอมั่นคงขึ้นมาแล้วครับ แต่เธอยังต้องการยารักษาอยู่” เมื่อกล่าวเช่นนั้น นายแพทย์กลับดูอับอายขึ้นมา เขาเหลือบตามองคณบดีเหอ เพียงชั่วขณะเดียว ท่านคณบดีก็เข้าใจ ยาที่นายแพทย์ฉีต้องการนั้นหายากเป็นแน่ แน่ชัดว่าในโรงพยาบาลนี้คงไม่มี!

“คุณต้องการอะไรบ้าง บอกผมมา เดี๋ยวผมจะหาทางเอง”

นายแพทย์เดิมทีจะบอกปฏิเสธไปว่า ซู ฉิวไป่ คงหาไม่ได้แน่ ๆ กระทั่งเขานึกถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมา เขาลังเลสักพัก ก่อนจะชี้แจง ซู ฉิวไป่ ถึงสมุนไพรที่เขาต้องใช้ทั้งหมด

ซู ฉิวไป่ เพียงพยักหน้า

“รอผมก่อนนะ”

ชายหนุ่มวิ่งลงบันไดไปอีกครั้ง นายแพทย์ฉี คณบดีเหอ และเพื่อนร่วมห้องของ ซู เซี่ยวเซี่ยว อีกสองคนก็ได้แต่ยืนนิ่ง ทั้งสี่มองไปที่อีกฝ่าย ราวกับจะถามว่านี่พวกตนแค่ควรจะยืนรอหรืออย่างไร

อีกไม่นาน ซู ฉิวไป่ ก็กลับมา เป็นการตอบคำถามของพวกเขา คราวนี้ใช้เวลาราวห้านาทีหรือน้อยกว่า ในมือเขามีถุงกระดาษเล็ก ๆ อยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการรักษาที่เขาได้มาจาก ไซจิน พร้อมกับโสมป่า เขาเคยนึกว่ามันไม่มีค่าอะไร ชายหนุ่มจึงทิ้งมันไว้ในรถพร้อมกับโสมป่าที่ยังเหลืออยู่ในตลอดเวลาที่ผ่านมา

โสมป่านั้น เขาได้เอาให้ เซี่ย หรงหรง ไปเกือบหมด แต่ยังมีสมุนไพรเหลือในรถเขาอยู่ ตอนนี้เขาทำแค่ลงไปหยิบมันจากในรถแล้วเอาขึ้นมาเท่านั้น เมื่อเปิดถุงกระดาษและตรวจสอบของที่มีอยุ่ข้างใน ดวงตาของทั้งคณบดีและนายแพทย์ก็แทบจะถลนออกมาด้วยซ้ำ!

เป็นไปได้อย่างไรกัน*! ยังมีเหลือมาจนถึงปัจจุบันอีกเหรอ สมุนไพรพวกนี้*

ซู ฉิวไป่ พูดขัดขึ้นมาก่อนที่ชายทั้งสองจะเสียเวลาพร่ำเพ้ออีกครั้งหนึ่ง “คุณยังต้องการอะไรอีกมั้ย”

เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น นายแพทย์ฉีจึงพูดขึ้นมา “ที่เหลือให้ผมจัดการเอง ตอนนี้ผมแค่ต้องการแพทย์จีนที่รู้ในการฝังเข็มมาร่วมมือช่วยด้วย”

พอนายแพทย์กล่าวเช่นนั้น เขาเตรียมจะนัดแนะกับคณบดีเหอเพื่อจัดหาแพทย์จีน อย่างไรก็ตาม เขากลับถูกขัดจังหวะโดย ซู ฉิวไป่ “ไม่ต้องเลย เดี๋ยวผมจัดการเอง”

แม้นั่นจะเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากเขา แต่เขากลับด่าว่าความพึ่งพาไม่ได้ของโรงพยาบาลในใจ โรงพยาบาลบ้าอะไร ไม่มีของอะไรซักอย่าง!

ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนของคนทั้งหมด ณ ตรงนั้น ซู ฉิวไป่ ได้เชิญชวน ฮัว โต๋ และ จาง จ้งจิ่ง อีกครา