บทที่ 113**: เสียงอมตะทำลายกระดูก!**
หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว จ้าวสำนักและภรรยาได้เริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับเจ้าอ้วนใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เจ้าอ้วนกระทำลงไปนั้นเป็นเพียงการปกป้องตนเองเท่านั้นและไม่ได้บังคับนักบวชฮัวอวิ๋นแต่อย่างใดจึงไม่นับว่าเป็นการหลอกลวง ทุกอย่างเป็นเพราะความโลภของเขาเอง จึงไม่สามารถที่จะตำหนิเจ้าอ้วนได้ อีกทั้งจ้าวสำนักและภรรยาก็ไม่ได้ต้องการจะลงโทษเขาแต่อย่างใด อีกทั้งยังสั่งให้ทำทุกอย่างให้ชัดเจนและรอบคอบในอนาคต เพื่อที่จะไม่ให้นักบวชฮัวอวิ๋นรู้ตัวว่าเสียท่าให้เจ้าอ้วนแล้ว
เจ้าอ้วนเห็นด้วยกับอาวุโสทั้งสองอย่างยิ่งและหลังจากคุยกันเรียบร้อยเขาจึงกลับออกมาด้านนอก
หลังจากเขาออกไปแล้ว จ้าวสำนักและภรรยามองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมา ภรรยาจ้าวสำนักส่ายศีรษะพร้อมกล่าวออกมาอย่างอดไม่ไหว “เด็กคนนี้ เหตุใดเขาจึงไม่ซื่อสัตย์ดั่งเช่นบิดาของเขา ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเทคนิคต่าง ๆ และความคิดที่เจ้าเล่ห์!”
“ข้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ดี! บิดาของเขาถูกตักตวงผลประโยชน์เพราะว่าเขาซื่อสัตย์เกินไป ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ อ้วนน้อยจะถูกเล่นงานจนตายตกได้หากเขาไร้เดียงสาเช่นบิดาของเขา!” จ้าวสำนักกล่าวออกมาอย่างเขร่งขรึม “ย้อนไปเมื่อครั้งที่พวกมันขับไล่อ้วนน้อยไปอยู่ที่สำนักชั้นนอก พวกมันทั้งหมดมีเจตนาชั่วร้ายและคิดว่าอ้วนน้อยไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ สถานที่เช่นนั้นไม่อาจสังหารเขาได้ แต่กลับหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม! ในความจริงสำหรับการแก้แค้นของนักบวชฮัวอวิ๋นในวันนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นของหวานสำหรับเขา!”
“ฮ่าฮ่า ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง!” ภรรยาจ้าวสำนักหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด!”
“ฮ่าฮ่า!” ทั้งสองคนหัวเราะพร้อมกันอีกครั้ง
หลังจากเจ้าอ้วนเดินออกมาจากโถงลึกลับ เขาใช้ดาบบินเพื่อบินออกไปยังพื้นที่ที่ห่างไปนับร้อยลี้ จากนั้นเขาขึ้นไปบนหน้าผาสูงหนึ่งพันฟุตและหยิบระฆังทองแดงขนาดใหญ่ออกมาจากมิติลึกลับ
ความจริงคือเหตุผลที่เจ้าอ้วนทำเช่นนี้เพราะว่าเขาจะทดสอบทักษะใหม่ของระฆังทองแดงที่เพิ่งได้รับมา คือการโจมตีด้วยเสียง!
เจ้าอ้วนได้รับความรู้ใหม่ในการใช้ระฆังหลังจากที่วันนั้นมันเกิดเสียงดังกังวานขึ้นจนทำให้มีผู้ฝึกตนรอบ ๆ ก้าวหน้าไปหนึ่งขั้นถึงหลายคน ในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากระดับการฝึกฝนของเขาต่ำเกินไป เขาจึงไม่อาจเชื่อมต่อกับสิ่งที่ต้องการได้ จึงทำได้เพียงใช้มันเพื่อเป็นโล่กำบังเท่านั้น หลังจากที่เขารู้ความสามารถใหม่ของมัน เจ้าอ้วนก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะฝึกฝนการใช้ระฆังใบนี้โจมตีด้วยเสียง!
เมื่อใช้จิตวิญญาณแทรกซึมเข้าไปในระฆัง เจ้าอ้วนเรียนรู้ว่าการจะทำให้ระฆังเปล่งเสียงออกมาเพื่อโจมตีจะต้องใช้ยันต์จิตวิญญาณด้วย เมื่อใส่ยันต์จิตวิญญาณลงไปแล้ว ระฆังจะเปล่งเสียงออกมาตามประเภทที่ยันต์กำหนด
ในปัจจุบัน เจ้าอ้วนสามารถสร้างยันต์จิตวิญญาณได้เพียงเจ็ดถึงแปดแผ่นเท่านั้น แต่ด้วยความสามารถของเขา เขาสามารถวาดยันต์ที่ง่ายที่สุดได้ เสียงอมตะทำลายกระดูก! ซึ่งยันต์ชนิดนี้สามารถทำให้ระฆังปล่อยคลื่นพลังเสียงแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงมาก เสียงชนิดนี้สามารถทำลายล้างภูเขาได้เลยทีเดียว
หลังจากฝึกฝนผ่านไปหลายวัน เจ้าอ้วนจึงเข้าใจพื้นฐานของการใช้เสียงอมตะทำลายกระดูกอย่างแท้จริง แต่เขาไม่กล้าที่จะทดสอบพลังนี้ภายในมิติลึกลับของตนเอง เพราะเกรงว่ามันจะทำลายทุกอย่างในนั้น ดังนั้นการฝึกของเขาในครั้งนี้จึงล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น
หลังจากที่เจ้าอ้วนนำระฆังออกมา เขาหดมันเหลือสองฟุต จากนั้นเขายกมือขึ้นพร้อมชี้ไปที่ภูเขา วาดยันต์ซับซ้อนขึ้นมาบนอากาศปรากฏยันต์จิตวิญญาณสีเทาขึ้นมาโดยใช้เวลาเพียงชั่วครู่
แม้ว่ากระบวนการนี้จะดูง่าย แต่ความจริงแล้วมันซับซ้อนมากสำหรับเจ้าอ้วนที่อยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นสิบเอ็ด เขาใช้ปราณจิตวิญญาณถึงแปดในสิบจึงจะวาดยันต์สำเร็จในแต่ละครั้ง อีกทั้งมันยังเป็นยันต์ที่สามารถวาดได้ง่ายที่สุดอีกด้วย เขายังไม่อาจเอื้อมถึงยันต์ชนิดอื่นได้ในตอนนี้และไม่สามารถจะใช้ยันต์ชนิดอื่นได้แม้ว่าจะทุ่มเทพลังทั้งหมดที่เขามีก็ตาม
หลังจากวาดยันต์จิตวิญญาณสำเร็จแล้ว เจ้าอ้วนหายใจอย่างหนักหน่วงพร้อมร่างกายที่ชุ่มเหงื่อ เขาไม่กล้าที่จะชักช้าพร้อมกับส่งยันต์เข้าไปในระฆังทองแดงทันที
หลังจากนั้นเจ้าอ้วนได้ยินระฆังปล่อยพลังเสียงขนาดใหญ่ไปยังภูเขาที่เขากำหนดไว้
ในเวลาต่อมา ภูเขาสูงระดับหนึ่งพันฟุตได้ถูกทำลายลงย่อยยับ มันแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยและเศษซากฟุ้งกระจายออกมาราวกับคลื่นยักษ์
เขามองเห็นการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัว จึงรีบกระโดดขึ้นดาบบินของเขาเพื่อขึ้นไปมองบนที่สูงและพบว่าภูเขาลูกนั้นไม่มีอยู่แล้ว มีเพียงแต่กองหินที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนทั้งตกใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เขาไม่เคยคาดคิดว่ายันต์ระดับเริ่มต้นจะมีพลังทำลายล้างเช่นนี้ นี่หรือคือพลังแห่งเสียงอมตะทำลายกระดูก? พลังของมันอาจจะทำลายอุปกรณ์วิเศษที่ทำจากโลหะให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงได้เลย!
เจ้าอ้วนเป็นคนที่ได้เห็นพลังของดาบเทวะเงาคราม แม้ว่ามู่ซื่อหรงจะกินยาเร่งพลังเข้าไปและปลดปล่อยพลังของดาบอย่างเต็มกำลัง แต่นางกลับไม่สามารถทำลายภูเขาได้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลังของระฆังทองแดงนี้มากกว่าดาบเทวะเงาครามหลายเท่า
นอกจากนี้สิ่งที่เจ้าอ้วนรู้ในตอนนี้เป็นเพียงการโจมตีระดับพื้นฐานซึ่งเป็นการโจมตีที่มีพลังน้อยที่สุด มันมีการโจมตีที่แข็งแกร่งกว่านี้ ซึ่งเป็นการเล็งเป้าของศัตรูไว้ก่อนแล้วจึงโจมตีคล้ายกับการนำวิถี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ทักษะเสียงอมตะทำลายกระดูกจะรุนแรงมากขึ้นถึงสิบเท่า!
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าอ้วนคิดกับตนเองอย่างมีความสุข ‘สวรรค์ อาวุธชิ้นนี้สามารถเทียบกับอุปกรณ์วิญญาณได้แล้ว อย่าบอกนะว่ามิติลึกลับของข้านั้นก็เป็นอุปกรณ์วิญญาณด้วย!’
เจ้าอ้วนมีความสุขจนหลงลืมสิ่งที่กำลังจะทำในขั้นต่อไปชั่วครู่ จากนั้นเขาจึงกลับมาสงบนิ่งพร้อมกับกล่าวพึมพำว่า “แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องราวดี ๆ แต่ทว่าร่องรอยการแกะสลักบนพื้นผิวของระฆังราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่จริง ตราบใดที่ผู้คนที่มองเห็นไม่ได้โง่งมหรือเป็นคนวิกลจริต เขาจะรู้ทันทีว่าสิ่งนี้ไม่ใช่อุปกรณ์ธรรมดา สมบัติเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมาโดยง่าย สิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเรื่องนี้คือเปลือกภายนอกของระฆังถูกซื้อไปแล้วโดยนักบวชฮัวอวิ๋นและข้าไม่มีเหล็กดำเหลืออยู่เลย นี่อาจทำให้ข้าไม่สามารถนำระฆังใบนี้ออกมาเปิดเผยได้อีกต่อไป!”
“อา!” ใบหน้าของเจ้าอ้วนสว่างสดใสขึ้นมาทันทีที่เขานึกอะไรดี ๆ ออก “ข้าอาจจะมีเหล็กดำไม่มากนัก แต่ข้ายังมีลมทองแดงอยู่ ทำไมข้าจึงไม่เอาลมทองแดงมาปกคลุมสมบัติชิ้นนี้ล่ะ? ฮ่าฮ่า นี่แหละที่ข้าจะทำต่อไป ระฆังเหล็กดำของข้าหายไปแล้วและระฆังลมทองแดงได้ปรากฏตัวแทนที่! นักบวชฮัวอวิ๋นจงมาซื้อลมทองแดงของข้าเสียสิ ถ้าหากเจ้ากล้าพอ!”
เมื่อคิดเช่นนั้น เจ้าอ้วนเลิกคิดเรื่องอื่นอีกต่อไป เขาบินกลับไปยังลานเมฆหมอกของตนเองเพื่อสร้างระฆังลมทองแดงขึ้นมาใหม่ทันที!