EG บทที่ 702 หลอกให้หลงเชื่อ 1
“คุณเฝิงครับ แม้ว่าการวิจัยจะเสร็จเพียงครึ่งเดียว แต่เราก็ใช้เวลาในการวิจัยนานมาก คุณแน่ใจนะครับว่าต้องการตัวเลือกเพิ่มเติม?” วิกเตอร์ถาม
เฝิงหยู่มองหน้าวิกเตอร์และพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เราเคยซื้อสูตรยาและงานวิจัยที่เสร็จเพียงครึ่งเดียวมามากกว่าสิบสองชิ้นเมื่อปีที่แล้ว จำนวนเงินที่เราจ่ายไปก็ไม่ใช่น้อย เป้าหมายของเราในปีนี้คือเพิ่มขึ้นให้มากกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้ว เรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผม ถ้าผมได้สูตรที่ชอบ บริษัทผมก็จะให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นพร้อมกับช่องทางจัดจำหน่าย!”
ดวงตาของมาร์คเป็นประกาย แต่เขาไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลการวิจัยที่ไม่ประสบความสำเร็จออกไปมากกว่านี้ เขากลัวว่าเขาจะทำให้เฝิงหยู่ตกใจและยกเลิกการซื้อขาย แต่ตอนนี้นักธุรกิจจีนคนนี้ต้องการงานวิจัยมากกว่านี้ หากเขายังไม่ยอมเอางานวิจัยยาออกมาให้ดูมากกว่านี้ ไฟเซอร์จะดูแย่ในสายตาเฝิงหยู่ทันที
ไฟเซอร์ทำการวิจัยหลายสิบงานในเวลาเดียวกัน การวิจัยส่วนใหญ่ล้มเหลว พวกเขาสามารถขายงานวิจัยที่ล้มเหลวจำนวนมากพวกนั้นให้เฝิงหยู่ได้
“คุณเฝิงครับ มีข้อกำหนดอะไรสำหรับงานวิจัยที่คุณต้องการหรือเปล่าครับ?”
“ผมเพิ่งพูดไปว่าผมต้องการให้ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูง ซึ่งพวกนี้เป็นยาที่มีตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน”
วิกเตอร์แอบดูถูกเฝิงหยู่อยู่ในใจ คุณจะมาทำเป็นซื่อสัตย์กับเราได้ยังไง? ถ้าผมไม่คิดค่าใช้จ่ายในราคาสูงสำหรับข้อมูลการวิจัย คุณก็คงไม่ซื่อสัตย์กับเราหรอก!
มาร์คไม่รออีกต่อไป เขานำข้อมูลการวิจัยของโครงการที่ล้มเหลวอีกสองสามโครงการออกมาและส่งต่อให้วิกเตอร์ เพื่อให้วิกเตอร์ไปเจรจากับเฝิงหยู่
เฝิงหยู่อ่านข้อมูลและรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง ยาที่เขากำลังมองหาอยู่ไม่ได้อยู่ในนั้น
“คุณวิกเตอร์ นี่คืองานวิจัยทั้งหมดที่คุณให้ผมดูหรอ? ไฟเซอร์ บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกมีการวิจัยน้อยมากแค่นี้เองหรอครับ? คุณซ่อนงานวิจัยบางงานไม่ให้ผมรู้หรือเปล่า? ผมพูดก่อนหน้านี้แล้วว่าผมโอเคกับงานวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์เพียงครึ่งเดียวพวกนั้น ตราบใดที่ผมพอใจ ข้อเสนอของผมจะทำให้คุณพึงพอใจด้วยเช่นกัน” เฝิงหยู่กล่าวด้วยความรำคาญเล็กน้อย
“คุณเฝิงครับ นี่ก็ถือว่ามีข้อมูลการวิจัยจำนวนมากแล้วนะครับ ยังน้อยไปอยู่หรอครับ? ผมกล้าพูดได้เลยว่าไฟเซอร์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาที่ดีที่สุดในโลก เราอาจจะดีที่สุดในโลกเลยก็ได้ ไม่มีบริษัทไหนที่สามารถทำการวิจัยมากมายได้แบบนี้เหมือนเรา เรายินดีที่จะแสดงให้คุณเห็นงานวิจัยจำนวนมากแบบนี้ก็เพราะว่าความจริงใจของคุณนะครับ นี่คือความลับสุดยอดทั้งหมดของบริษัทของเรา” วิกเตอร์พูด
“งั้นผมขอกลับไปพิจารณา นี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจครั้งสำคัญ และผมไม่สามารถตัดสินใจได้ในหนึ่งวัน” เฝิงหยู่ลุกขึ้นยืนและพูด
“ได้สิครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ”
วิกเตอร์ขมวดคิ้วขณะที่เขามองเฝิงหยู่และทีมของเขาออกจากห้องปฏิบัติการไป ทำไมคุณเฝิงต้องการแค่ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงเท่านั้น?
หากเขาสามารถหาเหตุผลได้ เขาอาจจะสามารถเรียกเก็บเงินได้มากขึ้นและจัดการข้อตกลงครั้งนี้ให้เสร็จเร็วขึ้นได้
มาร์คเดินเข้ามา “วิกเตอร์ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ๆ คุณเฝิงถึงรีบกลับไป?”
“เขาบอกว่าเขาต้องกลับไปพิจารณาก่อนอีกครั้ง คุณคิดว่าทำไมเขาถึงอยากได้เฉพาะยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงเท่านั้น” วิกเตอร์ถาม
มาร์คคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เขาบอกเองไม่ใช่หรอว่ายาสองตัวนี้จะขายได้ดีมากในประเทศจีน?”
วิกเตอร์เกลือกตา “ผมเป็นผู้ดูแลตลาดจีน คุณคิดว่าผมไม่รู้หรอว่ายาอะไรที่จะขายได้ในประเทศจีน? คนจีนส่วนใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูงก็จะแค่พักผ่อนถ้าพวกเขารู้สึกไม่สบาย พวกเขาไม่ได้สนใจโรคนี้เลยด้วยซ้ำ”
“งั้นอาจจะมีคนในครอบครัวของเขาที่มีอาการพวกนี้” มาร์คตอบด้วยความมั่นใจ
ดวงตาของวิกเตอร์เป็นประกายขึ้นมา ใช่แล้ว ถ้าคนที่อยู่ใกล้ตัวเฝิงหยู่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหรือความดันโลหิตสูง เขาคงจะรีบพัฒนายาขึ้นมาเพื่อรักษาพวกเขา ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือต้องยืนยันให้ได้ว่าสมาชิกในครอบครัวของเฝิงหยู่มีอาการพวกนี้หรือเปล่า!
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถามเฝิงหยู่ตรงๆ บางทีพวกเขาสามารถติดต่อคนรอบตัวเฝิงหยู่ เช่น ศาสตราจารย์หวังหรือหัวหน้าบอดี้การ์ด น่าจะง่ายกว่าที่จะได้ข้อมูลจากพวกเขา
……
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ศาสตราจารย์หวังได้รับโทรศัพท์จากวิกเตอร์ เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเขารับสาย หรือว่าวิกเตอร์จะโทรผิด?
“ศาสตราจารย์หวังครับ ผมกำลังอยากเจอคุณเลยครับ คืนนี้คุณว่างหรือเปล่าครับ? คุณอยากดื่มกับผมมั้ย?”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเหนื่อยและอยากรีบเข้านอนนะครับ”
“ศาสตราจารย์หวังครับ คุณได้เห็นห้องปฏิบัติการวิจัยของไฟเซอร์แล้ว ผมสงสัยว่าคุณสนใจที่จะมาทำงานที่ห้องปฏิบัติการของเราหรือเปล่า?”
“คุณว่าไงนะครับ? ผมมีโอกาสได้ทำงานที่ห้องปฏิบัติการของไฟเซอร์หรอ?” ศาสตราจารย์หวังถาม เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะมีใครมาซื้อตัวเขา และไม่เคยคิดเลยว่าวิกเตอร์จะมีอำนาจมากพอที่จะจ้างเขา
“แน่นอนสิครับ เรายินดีต้อนรับทุกคนที่สามารถมาร่วมงานกับเราที่ไฟเซอร์ได้ อ๋อ ศาสตราจารย์หวัง คุณรู้มั้ยครับว่าทำไมคุณเฝิงถึงอยากได้ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงมากขนาดนั้น? เป็นเพราะว่าคนในครอบครัวของเขาเป็นโรคนี้หรือเปล่าครับ?” วิกเตอร์แกล้งหลอกถาม
“คุณรู้ได้ยังไงครับ?”
“ผมก็แค่เดานะครับ งั้นเดี๋ยวเราค่อยมาคุยรายละเอียดกันดีกว่า”
หลังจากวางหูโทรศัพท์ วิกเตอร์ก็ชกหมัดในอากาศ เยี่ยมไปเลย ถ้างั้นแสดงว่ามีคนในครอบครัวของเฝิงหยู่ที่เป็นโรคพวกนี้ นั่นหมายถึงการวิจัยจะมีค่ามากขึ้น เขาไม่สนใจว่าเฝิงหยู่จะสามารถพัฒนายานี้ได้สำเร็จหรือไม่หลังจากที่เขาซื้อไปแล้ว เฝิงหยู่ก็ยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาแล้วของไฟเซอร์ไปรักษาโรคนั้นได้
ศาสตราจารย์หวังหันกลับมามองล่าม “ผมพูดทุกอย่างตามที่คุณบอกแล้วนะ เขาต้องการให้ผมทำงานที่ไฟเซอร์”
ล่ามส่ายหน้า “คุณเคยได้ยินว่าคนที่รับผิดชอบการขายในประเทศจีนสามารถมีอำนาจตัดสินใจว่าจ้างนักวิจัยให้มาทำงานที่สำนักงานใหญ่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ขนาดที่มหาวิทยาลัยของคุณ คนที่มีหน้าที่นี้ก็ต้องเป็นบุคลากรฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่สามารถว่าจ้างอาจารย์ได้ สำหรับบริษัทนั้น ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่จัดการเรื่องการจ้างงาน เขาโกหกคุณแล้ว! อีกอย่าง หากข้อตกลงนี้ประสบความสำเร็จ คุณจะมีเงินเพื่อทำงานวิจัยโครงการของคุณ คุณจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบโครงการ ซึ่งดีกว่าการทำงานกับคนในอเมริกาไม่ใช่หรอ? บริษัทเภสัชกรรมเมืองปิงจะซื้ออุปกรณ์สำหรับห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยที่สุดสำหรับแผนกวิจัยและพัฒนา”
ศาสตราจารย์หวังคิดได้ว่าเขาเกือบถูกวิกเตอร์หลอกแล้ว นอกจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขาถ้าเขาต้องมาทำงานที่อเมริกา? มันจะดีกว่าถ้าเขาสามารถทำงานที่บ้านเกิดตัวเองได้
“พรุ่งนี้คุณจะมีโอกาสพบเขาแค่คนเดียว ถ้าเขาให้เงินคุณ คุณก็รับมาซะ”
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ผมจะไม่ติดสินบน” ศาสตราจารย์หวังกล่าว
“คุณเอาเงินนั่นไปบริจาคให้เด็กยากจนเพื่อการศึกษาก็ได้ แค่ทำให้ชาวอเมริกันคนนั้นรู้สึกว่าคุณพร้อมที่จะช่วยเขา”
“โอเค”
ล่ามไปที่ห้องของเฝิงหยู่เพื่อรายงานเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
เฝิงหยู่ตบบ่าล่ามเบาๆ “ไมเคิลหลิว คุณทำได้ดีมาก งานนี้คุณจะได้รับความดีความชอบครั้งใหญ่หากประสบความสำเร็จ! ชาวอเมริกันคนนั้นต้องการหลอกพวกเรางั้นหรอ? งั้นมาดูกันว่าใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย!”
ล่ามคนนี้คือไมเคิล หลิวจากบริษัทออกแบบของเฝิงหยู่ ก่อนหน้านี้เขาเคยเรียนที่สหรัฐอเมริกาและภาษาอังกฤษของเขาดีมาก ที่สำคัญที่สุดคือไมเคิลหลิวเป็นคนฉลาดและสามารถพูดโน้มน้าวผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
ไมเคิลหลิวช่วยเฝิงหยู่วางแผนนี้ขึ้นมา แม้ว่าจะมีช่องโหว่มากมาย แต่พวกเขาแค่เพียงหลบซ่อนไม่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ทุกอย่างจะจบลงเมื่อเฝิงหยู่ได้รับสูตรและลงนามในสัญญา บางทีอีกฝ่ายอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัตถุประสงค์ของเฝิงหยู่คืออะไร