ภาคที่ 4 บทที่ 105 ความลับแดนฝัน

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 105 ความลับแดนฝัน

ร้านเหล้าเผ่าคนเถื่อนนั้นเรียบง่ายหยาบโลน ใช้หญ้าสานเป็นเตียงแล้วใช้หนังอสูรคลุม

ไม่ว่าจะฤดูไหนก็เป็นเช่นนี้

ซูเฉินหลับตาเอนหลังลงบนเตียงหญ้า จากนั้นเปิดใช้ตราหลังมือแล้วจมลงสู่ห้วงแดนฝัน

ซึ่งเสี่ยงมาก แต่ซูเฉินไร้ทางอื่น เขาต้องหาข้อมูลเรื่องกองทัพกำลังสวรรค์ที่แม่นยำกว่านี้ ในเมื่อไม่ได้จากร้านเหล้า ก็มีแต่ต้องหาจากแดนฝัน

หากแต่ซูเฉินก็รู้สึกผิดปกติทันทีที่เข้าสู่แดนฝัน

เขายังอยู่ในเมืองปราสาทเก่า แต่ไม่ใช่เมืองที่เขาเคยไป กลับเป็นเมืองที่ดูรกร้าง เป็นพื้นที่ที่ไม่ประหลาดเท่าปราสาทหลากสีในแดนมนุษย์ แต่กลับมีพื้นที่กว้างใหญ่ พริบตาที่เขาปรากฏขึ้นบนถนนใหญ่ในเมืองนั่น เผ่าคนเถื่อนเขี้ยวยาวหลายคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลต่างก็จ้องเขาหน้าตะลึงทันที ด้วยร่างเขากลับเป็นมนุษย์แล้ว

เวรแล้ว !

ซูเฉินรู้ว่าแย่แล้วแน่

“มนุษย์ !” เผ่าคนเถื่อนคนหนึ่งร้องลั่นขึ้นแล้วพุ่งเข้ามา

“รนหาที่ตายนัก !” ซูเฉินร้องฮึ่มก่อนวาดมือ หยดเพลิงระลอกหนึ่งหลอมรวมกันกลายเป็นหงส์ขนาดใหญ่พุ่งออกไป ซัดร่างเผ่าคนเถื่อนนั่นไหม้เป็นจุล

แน่นอนว่าเผ่าคนเถื่อนผู้นั้นไม่ได้ถูกสังหารจริง จิตยังไร้การบาดเจ็บ และเกิดใหม่ได้ทันที จากนั้นก็แพร่ข่าวว่ามีมนุษย์เข้ามาในแดนคนเถื่อนไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งซูเฉินยังถูกตักเตือนและถูกปรับจากการโจมตีคนในเขตหวงห้าม แต่เขามีเงินมากจึงไม่ใช่ปัญหา

ซูเฉินลังเล ใช้ละอองฝันจำนวนมากเรียกลู่ลู่มาทันที

พริบตาที่ลู่ลู่ปรากฏตัว ซูเฉินก็ตะโกน “เปลี่ยนรูปร่างข้าเร็ว !”

“เจ้าต้องจ่ายหินพลังต้นกำเนิด 3 หมื่นต่อวัน แต่หากเพิ่มขั้นเป็นราชันแห่งฝัน เสียแค่ 1 พันต่อวันเท่านั้น”

“เอาเลย !” ซูเฉินเอ่ยเสียงเด็ดขาด

เขาเพิ่งวางขายโทเทมโลหิตสลายไป ได้ละอองฝันมาหลายร้อยล้าน ยังไม่ทันได้ใช้เลย

“ได้เลย !” ลู่ลู่บินวนเป็นวงกลมอย่างมีความสุข ละอองฝันจำนวนมากหายไปในพริบตา ในเวลาเดียวกันนั้น ระดับของซูเฉินก็พุ่งสูงขึ้น เหนือกว่าระดับเจ้าหน้าที่แห่งฝัน ไปสู่ราชันแห่งฝัน รูปร่างของเขาก็กลายเป็นเผ่าคนเถื่อนในทันที

“พาข้าออกไป !”

ลู่ลู่จับมือซูเฉินไว้ ทั้งสองพลันหายไปทันที

ทั้งสองจากไปไม่นาน เผ่าคนเถื่อนโขยงหนึ่งก็รุดหน้าเข้ามา

เผ่าคนเถื่อนคนที่ถูก ‘สังหาร’ ด้วยน้ำมือซูเฉินเมื่อครู่ร้องขึ้น “ข้าสาบานเลยว่าเมื่อครู่มันยังอยู่ตรงนี้ !”

เผ่าคนเถื่อนร่างสูงคนหนึ่งมองไปรอบ ๆ พลางกล่าวว่า “ไม่ว่ามันจะออกแดนฝันไปแล้วหรือเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างไร หากจู่ ๆ มาปรากฏตัวในแดนฝันของเผ่าคนเถื่อนได้ ก็แสดงว่ามีมนุษย์แฝงเข้ามาอยู่ในเขตแดนเผ่าคนเถื่อน แจ้งเมืองต่าง ๆ ใกล้ตอนใต้ของทุ่งหญ้าฮาเหวย ถามพวกเขาว่ามีข่าวคราวมนุษย์ปรากฏตัวบ้างไหม หากไม่ก็เป็นไปได้ว่ามีวิชามันพรางตัว บอกให้พวกเขาไปตามหาบรรพชนเนตรสวรรค์ !”

แม้เผ่าคนเถื่อนผู้นี้จะร่างสูงใหญ่ดูหยาบช้า แต่ก็เอ่ยดีมีเหตุผล มองดูดี ๆ แล้วเห็นว่าที่หน้าผากเขามีเครื่องหมายอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ เครื่องหมายนั่นหมายความว่าเผ่าคนเถื่อนยกให้เขาเป็นคนที่มีสติปัญญาล้ำเลิศ

อีกฟากหนึ่งของแดนฝัน ซูเฉินเดินทางมาถึงโถงประกาศข้อมูลของเผ่าคนเถื่อน

เพราะความที่เผ่าคนเถื่อนค่อนข้างให้ค่าความรู้ข้อมูลทั้งหลายต่ำ ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลอยู่มากนัก ทั้งยังมีเผ่าคนเถื่อนอนู่ในนั้นไม่มาก

แต่ด้วยความที่มีข้อมูลน้อย ข้อมูลที่ประกาศอยู่จึงล้วนแต่เป็นข้อมูลสำคัญ

ซูเฉินรีบตรวจดูข้อมูลที่มี หวังว่าจะพบเบาะแสเรื่องที่อยู่กองทัพกำลังสวรรค์บ้าง

ทันใดนั้น เผ่าคนเถื่อนคนหนึ่งก็พลันรีบวิ่งเข้ามา จ้องมองคนในนั้นด้วยสายตาหวาดหวั่น

ซูเฉินยังดูข้อมูลต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเดินออกไปด้านข้างท่าทางสบาย ๆ

เผ่าคนเถื่อนคนหนึ่งส่งสายตาสงสัยมองเขาแล้วเดินเข้ามา “เฮ้ย เจ้าดูไม่คุ้นตาเลย มาจากไหนกัน ?”

“ไสหัวไป !” ซูเฉินคำราม

กลิ่นอายสูงส่งทรงพลังพลันระเบิดออกจากร่างซูเฉิน

หลังขึ้นเป็นราชันแห่งฝัน ซูเฉินก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าร่างในแดนฝันของเขาเปลี่ยนไป ราวกับตรงหน้ามีประตูบานใหญ่เปิดออก เผยประสบการณ์ที่ไม่เคยสัมผัสให้แก่เขา

พลังงานจิตของเขาจากในโลกจริงนั้นติดเข้ามาในแดนฝันด้วย

หรือก็คือ นี่คือประสบการณ์ที่คนมีพลังจิตกล้าแข็งมักมี แต่ด้วยการปรามพลังในแดนฝันจึงทำให้รู้สึกได้ยาก หากแต่เมื่อถึงขั้นราชันแห่งฝัน การปรามพลังก็ลดถอยลง ทำให้ซูเฉินมองเห็นรอบกายตนได้ละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น

ปกติแล้วซูเฉินคงไม่อาจมั่นใจได้ แต่พริบตาที่ปลดปล่อยความโกรธใส่เผ่าคนเถื่อนผู้นั้น เขาก็รู้สึกว่ากลิ่นอายตนหนั่นแน่นขึ้น ความกดดันไร้รูปเริ่มแผ่จากร่าง จนเผ่าคนเถื่อนผู้นั้นตกใจหนีและเผลอถอยออกไปหลายก้าว

เผ่าคนเถื่อนนั้นขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญไร้ความเกรงกลัว ดังนั้นการที่กลัวจนถอยไปเช่นนี้จึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงพลังของกลิ่นอายจากร่างซูเฉิน

เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นถอยไปหลายก้าว จ้องซูเฉินหน้าตะลึง “เจ้า…… เจ้า…… เจ้าเป็นใครกัน ?”

“เจ้ามีค่าให้ถามด้วยหรือ ?” ซูเฉินไม่เปลืองคำ เขาเบิกตากว้าง ก่อนคลื่นพลังรุนแรงจะพุ่งออกจากร่าง เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นไม่อาจทนแรงกดดันไหว ร่างสลายกลายเป็นไอไปตรงนั้น

ทำให้ตกใจกลัวจนตายได้ด้วยหรือ ? ซูเฉินชะงักไป

เขาพลันรู้ขึ้นว่าเขาอยู่แดนฝัน แดนที่มีอยู่ในโลกแห่งพลังจิต ด้วยพลังจิตที่เขามีถึง 800 หน่วยนั้น หากไม่บีบให้เผ่าคนเถื่อนนั่นตายได้สิถึงจะแปลก ในเมื่อพวกเขาขึ้นชื่อว่ามีพลังจิตต่ำต้อยเพียงนั้น

แน่นอนว่าเผ่าคนเถื่อนนั่นไม่ได้ตายจริง ๆ อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพหลังจากร่างในแดนฝันสลายไปได้ แต่หลังจากนั้นก็ดูสับสนมึนงง เพราะถูกซูเฉินทำให้ตกใจกลัวเป็นยิ่งนัก

ซูเฉินมองเผ่าคนเถื่อนจากไปแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรอีก รีบไล่สายตาผ่านข้อมูลต่อ

“เจอแล้ว !” ซูเฉินตาเป็นประกาย

ในที่สุดก็เจอข้อมูลเรื่องกองทัพกำลังสวรรค์สักที มันบอกว่าพวกเขาตั้งทัพอยู่ใกล้กับภูเขาเพลิงโหม

ซึ่งก็ทำให้มีกำลังใจอยู่บ้าง เพราะเป็นข้อมูลที่ส่งมาเมื่อเดือนก่อน หรือก็คืออย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงเมื่อเดือนก่อน

ซูเฉินตื่นเต้นมาก จากไปทันที ด้วยกลิ่นอายทรงพลังที่มี จึงไร้เผ่าคนเถื่อนใดกล้ามาข้องแวะอีก แม้พวกเขาจะกล้าหาญ แต่หากรู้ว่าเข้าไปยุ่งแล้วจะตายย่อมไม่มีใครหาญกล้า

หลังจากที่สงบใจได้แล้ว ซูเฉินก็รีบออกจากแดนฝัน

เมื่อลืมตาขึ้นมาก็กลับมาโลกจริงแล้ว

รอบข้างเขา ทั้งเงียบและสงบสุข ไม่มีอะไรแปลกไปสักนิด

ซูเฉินนอนนึกย้อนเรื่องราวอยู่บนหนังอสูร

จังหวะที่เขาปล่อยพลังงานจิตออกมา เขารู้สึกถึงบางอย่างอันเป็นเอกลักษณ์ ราวกับว่าเขาเป็นปลาในมหาสมุทร เป็นนกบนฟ้ากว้าง รู้สึกได้ข้อจำกัด เป็นอิสระ และสบายใจยิ่งนัก ราวกับว่าทุกอย่างที่สัมผัสได้พลันเข้ามาเติมเต็มจิตให้

ซูเฉินรู้ว่านี่คือหนึ่งในความลับของแดนฝัน

แดนฝันนั้นสร้างขึ้นจากพลังงานจิตจากเจ้าแดนฝัน หรือแท้จริงก็คือเป็นความร่วมมือระหว่างเขากับภูติแดนฝันที่สร้างโลกแห่งพลังจิตนี่ขึ้นมา

‘การฝัน’ นั้นเป็นเพียงหนทางหนึ่งในการเข้าถึงโลกแห่งพลังจิตนี่ได้ และเมื่อจิตคนเราเข้าสู่แดนแล้ว ร่างจริงก็จะสูญเสียสัมผัสทุกอย่างจากโลกภายนอก ราวกับกำลังอยู่ในห้วงฝันลึกก็มิปาน

หากแต่แท้จริงก็คือ สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ผู้คนเชื่อมต่อกันในระดับจิต

ในที่สุดซูเฉินก็เข้าใจแก่นสำคัญของแดนฝันแล้ว

สำหรับคนอื่น ๆ หากรู้ก็คงไม่มีอะไรต่าง แต่สำหรับซูเฉินแล้ว การเผยความจริงครั้งนี้ได้เปิดมุมมองใหม่ให้กับเขา ด้วยคงจะถึงเวลาปรับปรุงวิชาสรรพสิ่งลวงตาเสียหน่อยแล้วกระมัง !!!