ตอนที่ 1997 เสี่ยวเฮย (3)
“เจ้าเข้าไปไม่ได้ ที่นี่มันอันตรายเกินไป” น่าหลานเยว่พูดพลางชี้ไปที่หมีสีน้ำตาล จากนั้นก็ชี้ไปที่ป่าโยวเมิ่ง แล้วทำสีหน้าเจ็บปวด เต้นแร้งเต้นกา ดูตลกมาก
“ฮะ” เฉียวฉู่กลั้นขำไม่ไหวและหลุดหัวเราะออกมา เขารีบปิดปากและเดินไปหาจวินอู๋เสีย พร้อมกับพูดด้วยเสียงกลั้นขำว่า “เสี่ยวเสีย เจ้าแน่ใจหรือว่าคนผู้นี้จะชี้แนะการฝึกให้เราได้? ทำไมข้ารู้สึกว่า……เขาดูไม่น่าเชื่อถือ?”
วิญญาณของหมีสีน้ำตาลยังอ่อนแอมากเหมือนพวกเฉียวฉู่ ร่างของมันโปร่งแสง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเข้ามาที่โลกวิญญาณได้ไม่นาน
จวินอู๋เสียไม่ตอบคำของเฉียวฉู่ แต่เดินเข้าไปหาน่าหลานเยว่
น่าหลานเยว่พยายามอธิบายถึงอันตรายของป่าโยวเมิ่งให้วิญญาณสัตว์อสูรกล้ามบึกฟัง ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นการมาของจวินอู๋เสีย ใบหน้าหล่อเหลาและสุภาพอ่อนโยนของเขาแสดงความประหลาดใจและดีใจออกมา
“เจ้ามาจริงๆ!” น่าหลานเยว่มองจวินอู๋เสียด้วยสายตาประหลาดใจอย่างไม่สามารถปกปิดได้ เขาคิดว่าหลังจากที่จวินอู๋เสียรู้เรื่องหอคอยโยวหลิงแล้ว นางจะเลือกไปฝึกที่หอคอยโยวหลิงเหมือนวิญญาณมนุษย์คนอื่นๆ คิดไม่ถึงว่าจวินอู๋เสียจะมาที่นี่จริงๆ
แล้วน่าหลานเยว่ก็สังเกตเห็นร่างวิญญาณของจวินอู๋เสีย จากสภาพกึ่งโปร่งแสงเมื่อวานนี้กลายเป็นร่างเกือบสมบูรณ์ในวันนี้ ความก้าวหน้าของนางเร็วมากจนน่าตกใจ
“เจ้าไปที่หอคอยโยวหลิงมาหรือ?” ตอนแรกเขาคิดว่าจวินอู๋เสียแค่ไปดูหอคอยโยวหลิงเท่านั้น แต่เมื่อเห็นร่างวิญญาณของจวินอู๋เสีย น่าหลานเยว่ก็แน่ใจว่าจวินอู๋เสียต้องเข้าไปในหอคอยโยวหลิงและฝึกที่นั่นอยู่นาน ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ก้าวหน้าเร็วขนาดนี้
“อืม” จวินอู๋เสียไม่ได้ปกปิดความจริงและพยักหน้า
“ข้าไม่คิดเลยว่าวิญญาณมนุษย์ที่เข้าไปในหอคอยโยวหลิงจะยังเลือกมาหาข้าอีก เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ” น่าหลานเยว่อดยิ้มออกมาอย่างขมขื่นไม่ได้ เป็นเรื่องยากที่เขาจะจินตนาการว่าหลังจากได้รับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในหอคอยโยวหลิง จะยังมีใครยืนกรานที่จะฝึกต่อด้วยวิธีฝึกแบบโบราณ
“ข้าเจออุบัติเหตุเล็กน้อยในหอคอยโยวหลิง และข้าจะไม่ไปฝึกที่นั่นอีก มีบางอย่างที่ข้าอยากจะถามท่านด้วย” จวินอู๋เสียจะไม่มีวันเข้าไปในหอคอยโยวหลิงอีกชั่วชีวิต นางมีความรู้สึกว่าน่าหลานเยว่ต้องรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับหอคอยโยวหลิง เขาถึงได้รู้สึกต่อต้านมันอย่างรุนแรงขนาดนี้
ไม่ใช่แค่น่าหลานเยว่ แม้แต่ตู๋เถิงและมังกรเพลิงก็ต่อต้านหอคอยโยวหลิงเช่นกัน แต่พอตั้งคำถามหาเหตุผล พวกเขาก็เลือกจะหลบเลี่ยงไม่ยอมพูดซะอย่างนั้น
“อุบัติเหตุหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” น่าหลานเยว่มีสีหน้าตกใจ
จวินอู๋เสียก้มหน้ามองเจ้าแมวดำในอ้อมแขน จากนั้นนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าแมวดำให้น่าหลานเยว่ฟัง
หลังจากน่าหลานเยว่ได้ฟัง เขาก็มีสีหน้าตกตะลึง เรื่องที่มีวิญญาณสองดวงในร่างเดียวใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน เผ่าวิญญาณก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนที่เกิดมาพร้อมวิญญาณสองดวงในร่างเดียว แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องที่วิญญาณมนุษย์อยู่ในร่างเดียวกับวิญญาณสัตว์อสูร
“ขอข้าดูหน่อยได้ไหม?” น่าหลานเยว่ได้สติกลับมา เขาพูดพร้อมกับมองไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียพยักหน้า น่าหลานเยว่ตรวจดูอาการของเจ้าแมวดำทันที เขาขมวดคิ้วมองเจ้าแมวดำที่ไม่ได้สติและพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ดูเหมือนข้าจะเดาถูก”
“ท่านเดาว่าอะไร?” จวินอู๋เสียจับคำที่น่าหลานเยว่พึมพำกับตัวเองได้
น่าหลานเยว่หันมามองจวินอู๋เสียและกลุ่มของนางที่อยู่ด้านหลัง “เรื่องนี้ พวกเจ้าไปคุยกันที่บ้านข้าดีกว่า ที่นี่ไม่เหมาะจะคุยหรอก”
จวินอู๋เสียพยักหน้า น่าหลานเยว่พยายามออกท่าออกทางบุ้ยใบ้กับวิญญาณหมีสีน้ำตาลที่มาใหม่อีกครั้ง แต่หมีสีน้ำตาลก็ยังไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่น่าหลานเยว่พยายามจะสื่อ เมื่อเห็นว่าน่าหลานเยว่กำลังจะไป มันก็เดินตามหลังน่าหลานเยว่ไปอย่างโง่ๆมึนๆ