บทที่ 116**: ตัวเลือกแห่งโชคชะตา**

“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างใจเย็น “ท่านอาจารย์วางใจได้ ศิษย์ของท่านจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างแน่นอน!”

“จริงหรือ?” เทพธิดาเหมยฮวาหัวเราะออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “ให้อาจารย์ทดสอบเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเข้าไปต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้วิญญาณ!”

“ท่านอาจารย์ได้โปรดทดสอบข้า” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับด้วยความอ่อนน้อมอย่างถึงที่สุด

“ดี ดีแล้ว ดีมาก!” เทพธิดาเหมยฮวาชมเชยออกมาสามครั้ง พร้อมกับเผยรอยยิ้มแห่งความเจ้าเล่ห์ “ศิษย์ของข้า รีบบอกอาจารย์ของเจ้ามาว่าช่วงกลางวันแสก ๆ ในที่โล่งแจ้ง เจ้าได้ฝึกฝนแบบคู่กับอ้วนน้อย เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องเปิดเผยกับเขาเช่นนั้นในเวลากลางวัน?”

เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางเปลี่ยนสีทันที มันร้อนวูบวาบและเปลี่ยนเป็นสีแดง สีขาว สีม่วง สลับกันไป หลังจากที่ใบหน้าของนางเปลี่ยนสีครบสามครั้ง นางร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ตอนที่ข้าทำ… ทำมันในกลางวันแสก ๆ?” เมื่อนางกล่าวถึงวิชาจันทราวารีทำให้นางทรุดลงอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น เทพธิดาเหมยฮวาหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์ของข้า เจ้าแพ้อีกแล้ว! แล้วข้าจะสบายใจได้อย่างไรถ้าหากเจ้าต้องไปเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจที่โหดร้ายเหล่านั้น?”

“แต่… แต่ว่าท่านอาจารย์ คำพูดของท่านมันน่าเกลียดมากจริง ๆ” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างเศร้าโศก

“เด็กน้อยเอ๋ย เชื่อข้าเถิด” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวอย่างเคร่งขรึม “เหล่าศิษย์แห่งสำนักนี้น่ากลัวกว่าข้าเป็นร้อยเท่า เรียกพวกเขาว่าปีศาจ! ถ้าหากเจ้าไม่สามารถผ่านการทดสอบของข้าได้ เจ้าอาจจะต้องตายตกไปในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้วิญญาณ”

เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางโกรธทันที จากนั้นนางขมวดคิ้วทันทีหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่อาจารย์กล่าว นางสูดหายใจลึก ๆ พร้อมกับเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง จากนั้นนางจึงกล่าวออกมาอย่างสุขุม “ท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าศิษย์ของท่านยังขาดในส่วนนี้อยู่และไม่สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ศิษย์ของท่านไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ข้าตัดสินใจแล้วถ้าหากข้าจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจในสำนัก ข้าจะปิดการได้ยินของตนเอง อย่างไรก็ตามด้วยเคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรของข้า ข้าจะจัดการกับพวกเขาได้แม้ว่าข้าจะหูหนวก”

เมื่อเทพธิดาเหมยฮวาได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางสว่างสดใสพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก เจ้าทำได้ดีมาก เจ้ามีวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก อาจารย์ภูมิใจในตัวเจ้าจริง ๆ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่สำคัญนัก ข้าคิดว่าเจ้าสอบผ่าน”

“ขอบคุณท่านอาจารย์!” เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าขออนุญาตไปแย่งชิงผลไม้วิญญาณได้หรือไม่?”

เทพธิดาเหมยฮวาตอบกลับด้วยรอยยิ้มลึกลับ “ความจริงแล้วเจ้าสามารถไปได้ แต่เจ้าต้องการมันจริง ๆ งั้นหรือ?”

ฉุ่ยจิ้งตกใจเมื่อได้ยินเทพธิดาเหมยฮวากล่าวเช่นนั้น นางถามกลับด้วยความงุนงง “ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้น?”

เทพธิดาเหมยฮวาไม่ได้ตอบคำถาม นางลุกขึ้นยืนช้า ๆ และมองไปยังป่าต้นบ๊วยพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์ของข้า บอกความจริงกับข้ามา หลังจากที่เจ้าได้ฝึกฝนควบคุมอารมณ์มานานนับหลายปี จิตใจของเจ้าน่าจะสงบนิ่งดั่งเช่นวารี แต่เหตุใดจิตใจของเจ้ากลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายโดยอาจารย์ถึงสองครั้งกันเล่า?”

“เรื่องนั้น… เรื่องนั้นเพราะว่าคำพูดของท่านอาจารย์เฉียบแหลมจนเกินไป!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น

“ฮ่า ๆ งั้นหรือ?” เทพธิดาเหมยฮวาไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า “เป็นเพราะว่าคำพูดของข้าแทงใจเจ้าจนเกินไป? หรือเพราะว่าบุรุษผู้นั้นมีผลต่อหัวใจของเจ้ากันแน่?”

“ท่านอาจารย์ ท่านหมายถึงสิ่งใด?” ฉุ่ยจิ้งถามกลับพร้อมขมวดคิ้วแน่น

“การฝึกฝนแบบคู่ เป็นเทคนิคการฝึกฝนที่ลึกซึ้งที่สุด หลังจากที่ฝึกฝนแบบคู่แล้ว ทั้งสองฝ่ายจะทิ้งร่องรอยของจิตวิญญาณไว้ให้กับแต่ละฝ่าย” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวอย่างเขร่งขรึม “หมายความว่าจุดนี้เป็นจุดอ่อนของเจ้า เหตุผลที่เจ้าล้มเหลวในตอนนี้ไม่ใช่เพราะคำพูดของข้ารุนแรงเกินไป แต่มันเป็นเพราะเขาได้สัมผัสจุดอ่อนของเจ้าแล้วและรบกวนจิตใจของเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ! อืม ข้าพูดถูกไหม?” ฉุ่ยจิ้งไม่เชื่อเหตุการณ์เช่นนี้ในตอนแรก แต่แล้วนางก็เข้าใจว่านางได้สูญเสียสภาพจิตใจให้กับเขาผู้นั้นโดยสมบูรณ์แบบ

เมื่อเทพธิดาเหมยฮวาเห็นเช่นนั้น นางหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องจริง ข้าไม่ได้ใช้คำพูดที่รุนแรงอันใดเลยเพียงแค่ข้ากล่าวถึงเขาผู้นั้นจิตใจของเจ้าก็วุ่นวายทันที!”

“ท่านอาจารย์ แล้วศิษย์ควรจะทำเช่นใด?” เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางรีบถามออกไปทันที อีกครั้งที่เทพธิดาเหมยฮวาไม่ได้ตอบคำถามของนาง แต่กลับถามออกมาว่า “เจ้ายังจำสิ่งที่ข้าให้กับเจ้าเมื่อยามเราพบกันครั้งแรกได้หรือไม่?”

“ข้าจำได้” ฉุ่ยจิ้งพยักหน้าพร้อมตอบกลับ “อย่าบอกนะว่า… เขา… เขาคือบุรุษผู้นั้น?”

“ถูกต้องแล้ว!” เทพธิดาเหมยฮวาพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และเกิดมาพร้อมกับความโชคดี ในอนาคต เจ้าเปรียบเสมือนดาวรุ่งพุ่งแรงในโลกแห่งผู้ฝึกตน ความก้าวหน้าของเจ้านั้นไกลกว่าอาจารย์ของเจ้ามากนัก แต่ทว่าเจ้ายังมีโชคร้ายที่เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่จะพบได้เช่นกัน และมันจะอยู่กับเจ้าไปตลอดชีวิต มันจะนำพาความโศกเศร้าและความเดือดร้อนมาสู่เจ้า! แต่ในขณะนี้ เขานำพาสิ่งบังเอิญต่าง ๆ ให้เจ้าประสบพบเจอมากมาย ตอนนี้ที่เจ้าทั้งสองได้พบกัน เจ้าไม่ต้องคิดถึงการแยกจากกัน เพราะข้าเชื่อว่าอ้วนน้อยผู้นั้นได้เป็นคู่ฝึกฝนแห่งโชคชะตาที่เจ้าจะต้องพบเจอและไม่มีวันแยกจากเขาได้!”

“…” ฉุ่ยจิ้งเริ่มกระวนกระวายภายในหัวใจ นางไม่รู้ว่าควรจะกล่าวสิ่งใดออกไปดี

เทพธิดาเหมยฮวากล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึม “แต่ในช่วงนี้เจ้ายังไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเขามากนัก ตราบใดที่อาจารย์ยังช่วยเหลือเจ้าอยู่ เจ้าจะสามารถออกห่างจากเขาได้”

“ท่านอาจารย์” เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางซีดลงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมถามกลับ “อย่าบอกนะว่านี่คือโชคชะตาที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง?”

“ฮ่าฮ่า แน่นอน โชคชะตานั้นเปรียบกับแม่น้ำที่ทอดยาวสุดสายตา และมีผู้คนมากมายที่ไม่อาจต่อสู้กับกระแสของแม่น้ำแห่งโชคชะตาได้ พวกเขาทำได้เพียงตั้งรับมันเท่านั้นและไหลไปพร้อมกับแม่น้ำ แต่บางคนแข็งแกร่งเหมือนเรือลำใหญ่ในแม่น้ำ สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเสรี แม้ว่าอาจารย์ของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่ข้าสามารถช่วยให้เจ้าพ้นจากแม่น้ำแห่งการตกหลุมรักสายนี้ได้ แน่นอนว่าที่ทำเช่นนั้นได้เพราะว่าเจ้าอ้วนยังไม่ได้แข็งแกร่งมากในตอนนี้ ถ้าหากข้ารอจนกว่าเขาแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับข้าได้ ถึงวันนั้นข้าคงไม่อาจทำสิ่งใดได้”

“ท่านอาจารย์ต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?” ฉุ่ยจิ้งถามกลับ

“มันง่ายมาก ละทิ้งการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้วิญญาณซะแล้วไปสู่ความสันโดษกับข้าเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี นั่นเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลบเขาออกไปจากจิตใจของเจ้าและกำจัดอิทธิพลของเขาภายในใจเจ้าด้วย จากนั้นเป็นต้นไป เจ้าจะสามารถดำเนินการไปถึงจุดสูงสุดแห่งสวรรค์ด้วยการบรรลุและเข้าใจกฎแห่งสวรรค์อย่างถ่องแท้”

“ข้าจะต้องสูญเสียโอกาสเช่นนี้จริงหรือ?” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจ

“แน่นอน ในขณะที่เจ้าเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลไม้วิญญาณร่วมกับเขา เจ้าทั้งสองคนนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจของกันและกัน จะส่งผลให้เจ้าทั้งสองถูกเชื่อมโยงเข้าหากันตลอดไป เมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่ข้าจะก็ไม่สามารถแยกเจ้าทั้งสองออกจากกันได้!” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวอย่างจริงจัง “เด็กน้อย นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะกำจัดเขา ถ้าเจ้ายอมแพ้ เจ้าก็เตรียมรับชะตากรรมที่จะต้องติดพันอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตได้เลย”

ฉุ่ยจิ้งอยู่ในความเงียบงันพร้อมกับรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เทพธิดาเหมยฮวารู้ทันทีว่านางไม่อยากจะละทิ้งการค้นหาผลไม้วิญญาณจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอย่าได้กังวลกับผลไม้วิญญาณเลย ด้วยฐานะของอาจารย์เจ้า พวกเขาจะมีจดหมายแนบผลไม้วิญญาณมาสามชิ้นให้เจ้าเช่นเดียวกับข้า! ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ระดับการฝึกฝนของเจ้าล่าช้าอย่างแน่นอน”

“แต่วิธีเช่นนั้น จะทำให้พวกเขาหยิบยื่นสมบัติมาให้เราอย่างลวก ๆ หรือไม่?” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างเคร่งเครียด

“เหอะ ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น ในโลกนี้ อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้เดียวที่สามารถพัฒนาระบบป้องกันต้นไม้วิญญาณและทำลายต้นไม้วิญญาณได้ พวกเขารู้จักข้าดีว่าข้าจะไม่ใจเย็นหากพวกเขาไร้มารยาท ดังนั้นพวกเขาคงไม่กล้าหาญที่จะรุกรานข้าด้วยเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่ผลไม้วิญญาณสามชิ้นไม่ได้มากมายเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากต้นไม้ถูกทำลายลงนั่นเท่ากับว่าหัวใจของพวกเขาได้แตกสลายไปโดยแท้จริง ใช่หรือไม่?”

“วิเศษ!” ฉุ่ยจิ้งหัวเราะอย่างขื่นขมอย่างอดไม่อยู่พร้อมกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์ของท่านไม่เคยเห็นท่านกระทำการใดไร้เหตุผลเช่นนี้เลย!”

“ฮ่าฮ่า เด็กโง่” เทพธิดาเหมยฮวาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “โลกของผู้ฝึกตนไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเท่านั้น เพียงแค่เจ้าแข็งแกร่งมากพอ เจ้าก็จะมีทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากระดับเท่ากันพวกเขาจะนั่งลงและเจรจาต่อรองกัน! แน่นอนว่าข้าไม่อาจบอกเล่าให้เจ้าฟังทั้งหมดได้ แต่ทุกอย่างเจ้าจะได้เรียนรู้มันในอนาคต ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าตัดสินใจที่จะเข้าสู่ประตูฝึกฝนแบบปิดในเวลานี้ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเข้าร่วมค้นหาผลไม้วิญญาณ เจ้าค่อยให้คำตอบแก่ข้า! สำหรับคำแนะนำของข้าคือให้เจ้าอยู่ห่างจากเขา แต่ถ้าหากเจ้าไม่อาจเลือกได้ อาจารย์ของเจ้าก็จะไม่บังคับเจ้าอย่างแน่นอน เข้าใจหรือไม่?”

“ศิษย์เข้าใจแล้ว” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับพร้อมพยักหน้าและเดินออกไป จากนั้นปรากฏแสงสีแดงขึ้นจากดาบบินของนาง

เทพธิดาเหมยฮวายกมือขึ้นและเริ่มสำรวจท้องฟ้าด้วยจิตวิญญาณของตนเอง จากนั้นนางใช้เคล็ดวิชาเทพธิดาพยากรเพื่อตรวจดูการเคลื่อนไหวจากนั้นนางขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ท่านอาจารย์ลุงฮัวอวิ๋นของเจ้ากำลังมาที่นี่พร้อมกับความสิ้นหวัง! เจ้าออกไปก่อน ข้าต้องออกไปคุยกับเขาสักหน่อยแล้ว”

“ข้าขอตัวก่อนท่านอาจารย์” ฉุ่ยจิ้งทำความเคารพอาจารย์ของนางพร้อมกับบินเข้าป่าต้นบ๊วยไปทันที

เมื่อเห็นว่าฉุ่ยจิ้งออกไปแล้ว เทพธิดาเหมยฮวาสะบัดมือเพื่อเรียกดาบบินสีขาวออกมา จากนั้นชั่วครู่ นักบวชฮัวอวิ๋นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของนาง แม้ว่าฮัวอวิ๋นจะเสียงดังและทำตัวไร้มารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวสำนัก แต่เมื่อนางได้พบกับศิษย์พี่หญิงผู้นี้ เขาทำความเคารพพร้อมกับกล่าวอย่างสุภาพ “เคารพอาวุโส”

เทพธิดาเหมยฮวาโบกมืออย่างสบาย ๆ พร้อมกล่าวว่า “ลืมพิธีรีตองไปเสียเถิด! ฮัวอวิ๋นข้าต้องการรู้ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด!”

ฮัวอวิ๋นรู้อยู่แล้วว่าเทพธิดาเหมยฮวานั้นมีความสามารถในด้านการทำนาย ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่นางจะรู้ว่าเขามีปัญหาและมาขอความช่วยเหลือ “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หญิงได้โปรดช่วยข้า!”

“เหอะ หน้าอย่างเจ้าน่ะหรือจะขอร้องให้ข้าช่วย!” เทพธิดาเหมยฮวาไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี “เจ้าเป็นถึงอาวุโสและเจ้าสามารถหลงกลอ้วนน้อยได้เพียงเพราะถูกความโลภครอบงำ เจ้ารู้สึกละอายบ้างหรือไม่?” นักบวชฮัวอวิ๋นใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมรีบกล่าวต่อว่า “นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งหมดรวมหัวกันล่อลวงข้า ด้วยเหตุนี้ข้าจึงถูกหลอก!”

“นั่นเป็นเพียงข้อแก้ตัวของเจ้า จ้าวสำนักและภรรยาไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวอย่างสุขุม “วิชาเทพธิดาพยากรของข้าไม่ผิดพลาดแน่นอนหรือว่าเจ้าไม่เชื่อข้ากัน!”

“ข้าไม่กล้า!” ฮัวอวิ๋นตกใจรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “นับตั้งแต่ที่ศิษย์พี่กล่าวออกมา ข้าเชื่อท่านหมดหัวใจงั้นข้าขอตัวก่อน”

“ถ้าหากเจ้าเชื่อข้าจริง จงหยุดแผนการทั้งหมดของเจ้าซะ!” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวอย่างเยือกเย็น

“อะไรกัน? เจ้าอ้วนสารเลวนั่นมันหลอกข้าเพื่อเอาดาบวิญญาณห้าธาตุแต่ท่านกลับบอกให้ข้าลืมมันไปงั้นหรือ?!” ฮัวอวิ๋นโห่ร้องออกมาอย่างน่ารังเกียจ