บทที่ 118**: การเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด**
เสี่ยวไป่หลงถือดาบมังกรหยกด้วยท่าทีไร้ความกลัว เขาอยู่ห่างจากอสูรกายประมานหนึ่งพันฟุต จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่อสูรกาย จากนั้นชั่วขณะดาบมังกรหยกที่อัดแน่นไปด้วยปราณจิตวิญญาณพุ่งออกไปกระแทกเข้ากับเกล็ดของอสูรกาย
เกิดเสียงดังแกร๊ก อสูรกายระดับสี่ถูกตัดขาดเป็นสองท่อนด้วยดาบมังกรหยก อวัยวะของมันไหลออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วพื้นบริเวณนั้น
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาประสบความสำเร็จ เสี่ยวไป่หลงรู้สึกร่าเริงมาก จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างหยาบคาย “เกิดอะไรขึ้นกับเหล่าอสูรกายระดับสี่กัน? มันไม่สามารถแม้แต่จะทนการโจมตีของดาบนี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว!
“ศิษย์พี่เสี่ยวไป่หลง ท่านช่างน่าเกรงขาม!” เหล่าบรรดาศิษย์ในที่เป็นลูกกระจ๊อกของเสี่ยวไป่หลงเริ่มลุกฮือกันประจบทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ศิษย์น้อง แม้ว่าการปะทะเมื่อครู่ของเจ้าจะน่ากลัว แต่ว่ามันไม่มีอะไรนอกจากความสามารถของอาวุธวิเศษ เจ้ายังไม่ได้แสดงความสามารถของตนเองเลย!”
“ข้าเพียงแค่ฆ่าอสูรกาย ทำไมข้าจะต้องแสดงความสามารถของข้าด้วย?” เสี่ยวไป่หลงโต้เถียงทันที
ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิทั้งสองคนแทบจะเป็นลมเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นหนึ่งคนเริ่มอธิบายออกมา “แน่นอนว่าทักษะเป็นสิ่งที่สำคัญ! ตัวอย่างเช่น ในการโจมตีแต่ละครั้งของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันมีพลังทำลายล้างมากเท่าไหร่? แต่ที่แน่นอนคือหินจิตวิญญาณนับหมื่นก้อนถูกทำลาย!”
“หือ?” เสี่ยวไป่หลงตกใจเล็กน้อย หินจิตวิญญาณนับหมื่นนั่นไม่ใช่จำนวนที่เล็กน้อยสำหรับเขาเช่นกัน ในขณะที่เขาได้ยินว่ามันทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว เขาโวยวายทันที “ไม่เห็นจะต้องกล่าวให้เกินจริงเลยนี่?”
“เกินความจริงงั้นหรือ?” ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ส่วนที่มีค่าของแมงมุมพิษสายรุ้งคือเกล็ด ถุงพิษ ถุงใยและไส้ของมัน แต่ทุกอย่างเสียหายหมดจากการโจมตีของเจ้า! ถ้าหากสิ่งเหล่านี้สามารถกู้คืนมาได้ มันสามารถขายเป็นหินจิตวิญญาณได้จำนวนเจ็ดถึงแปดหมื่นก้อน!”
ขณะที่เสี่ยวไป่หลงได้ยินเช่นนั้น เขานิ่งเงียบไปทันทีพร้อมรู้สึกผิด ถ้าหากเป็นผู้อื่นที่กระทำความผิดเช่นนี้ ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิคงด่าทอและทุบตีอย่างรุนแรง แต่สถานะของเสี่ยวไป่หลงนั้นไม่ธรรมดาและไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุเขามากจนเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นและเริ่มอธิบายว่าจะต้องโจมตีแมงมุมพิษสายรุ้งอย่างไรจึงจะเก็บของมีค่าได้ทั้งหมด
ภายในไม่กี่วัน พวกเขาพบสัตว์ร้ายมากมาย และทุกคนมีโอกาสที่จะต่อสู้กับอสูรกาย ดาบเทวะไร้ผู้ต้านก็ทำผิดเช่นเดียวกับเสี่ยวไป่หลงเพราะเขาทุบอสูรกายระดับสี่เป็นชิ้น ๆ ผิวหนังที่มีค่าเสียหายพร้อมแก่นของมัน เขาทำให้ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิแทบจะตายตกไปเพราะความเสียใจ มีเพียงหงหยิงเท่านั้นที่จัดการทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบด้วยการใช้ดาบบินธรรมดา นางสามารถสังหารอสูรกายระดับสี่ได้อย่างง่ายดายและเก็บซากของมันไว้ พร้อมกับได้รับคำชมจากผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ
วันนี้ หลังจากที่ทุกคนได้ลอง ถึงเวลาแล้วที่เจ้าอ้วนจะได้แสดงฝีมือของเขา วันนี้ทุกคนจะรีบลุกขึ้นและรีบออกไปทันทีหลังจากเช้าวันใหม่มาถึง พวกเขาบินไปตามแม่น้ำและเก็บกวาดเหล่าอสูรกายตลอดทาง
หลังจากที่เดินมาสี่ชั่วโมง คล้ายวันอับโชคคือวันนี้ เมื่อเห็นว่ามันเป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกเขาทั้งหมดจึงมองหาที่พักและรับประทานอาหารกลางวัน แต่ในขณะนั้นใบหน้าของผู้ฝึกตนทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนรีบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที จากนั้นเพียงชั่วครู่แสงสีทองที่มองเห็นได้อย่างไม่ชัดเจนนักปรากฏบนท้องฟ้า แต่แน่นอนว่ามันคือแสงของดาบของผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง ราวกับว่าเขากำลังบาดเจ็บอยู่จึงทำให้บินได้อย่างไม่มั่นคงเช่นนั้น
เมื่อเขามองเห็นเจ้าอ้วนและชาวคณะ เขารีบร่อนลงที่ริมแม่น้ำทันที
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ทุกคนรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เขาเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งแต่บาดเจ็บอยู่ บุคคลดังกล่าวนั้นแทบไม่แตกต่างจากกองสมบัติเคลื่อนที่ซึ่งพัดพาเข้าหา
ต้องเข้าใจว่าที่แห่งนี้ห่างจากสำนักเสวียนเทียนสองหมื่นลี้ ทว่าก็ยังเป็นเขตของสำนักเสวียนเทียนอยู่ ถ้าหากเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดจะได้รับรางวัลมหาศาลเมื่อกลับไปถึงสำนัก แต่ถ้าหากเขามาจากสำนักอื่น สามารถสังหารเขาได้ทันทีพร้อมกับแย่งชิงสมบัติในตัวของเขา และจะไม่มีความผิดใดทั้งสิ้น เพราะคนผู้นี้จะถูกตัดสินว่าแอบลักลอบเข้าไปในสำนักเสวียนเทียน นอกจากนี้ เทือกเขารกร้างเช่นนี้ ง่ายมากต่อการทำลายหลักฐาน ตราบใดที่พวกเขาทั้งหมดปิดปากอย่างแน่นหนา ก็จะไม่มีผู้ใดค้นพบเรื่องนี้ได้
เทือกเขาใหญ่นี้มีผู้ฝึกตนจำนวนมากและไม่มีกฎเกณฑ์บังคับใช้ในพื้นที่แห่งนี้ ตราบเท่าที่พวกเขามีโอกาส พวกเขาจะไม่ปฏิเสธโชคลาภเช่นนี้อย่างแน่นอน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง เป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะมีอาวุธวิเศษระดับสูงครอบครอง ถ้าหากผู้ใดปฏิเสธโชคลาภนี้ พวกเขาคงเป็นตัวโง่งมแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิและเหล่าศิษย์ต่างสบตากันอย่างมีเหตุผล มีเพียงหงหยิงเท่านั้นที่สับสนกับการกระทำของทุกคนในขณะนี้ ดังนั้นนางจึงเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นมา “ดูเหมือนว่าอาวุโสจะได้รับบาดเจ็บ รีบเข้าไปดูกันเถอะ!”
“แน่นอน!” ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิตอบกลับด้วยรอยยยิ้ม “ถ้าหากเขาเป็นอาวุโสในสำนักของเรา เราสามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้ทันที!”
“แล้วถ้าเขาไม่ใช่อาวุโสในสำนักของเราล่ะ?” เสี่ยวไป่หลงถามออกมาอย่างโง่เขลา
“เขาก็คงจะลำบาก เพราะนี่คือเขตของสำนักเสวียนเทียน ถ้าหากเราเจอคนที่ไม่รู้จัก เราเพียงแต่ต้องนำตัวเขากลับไปที่สำนักให้เหล่าอาวุโสจัดการ!” ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิกล่าวออกมาอย่างสุขุม
“ถ้าหากเขาต่อต้านล่ะ?” ดาบเทวะไร้ผู้ต้านถามบ้าง
“เหอะเหอะ เพื่อความปลอดภัยของสำนัก เราไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตาใดทั้งสิ้น!” ผู้ฝึกตนระดับจินตันมองไปที่เหล่าศิษย์ด้วยแววตาที่ลึกลับพร้อมถามว่า “เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจแล้ว!” ทุกคนตอบกลับพร้อมกันอย่างเข้าใจในความหมาย
แต่มีเพียงหงหยิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว นางไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไปแต่นางเป่าปากเรียกพยัคฆ์ปีกแหลมออกมาและรีบตะโกนบอกทุกคน “เลิกกล่าววาจาไร้สาระกันได้แล้ว รีบไปช่วยเขา!” เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ทุกคนรีบตามนางไปทันที
ทุกคนตามหงหยิงมา ไม่ช้าก็มาถึงสถานที่ที่แสงสีทองได้หายไป สิ่งเดียวที่อยู่ที่แห่งนี้คือแม่น้ำขนาดใหญ่และหน้าผาสูงชันซึ่งก็คือน้ำตกขนาดใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในที่แห่งนี้ไม่มีพืชมากนัก ไม่เหมาะแก่การหลบซ่อนแต่อย่างใด ทุกคนกระจายตัวออกไปเพื่อค้นหา นอกเหนือจากรอยเลือดเป็นบางช่วง พวกเขาไม่ค้นพบสิ่งใดเลย ราวกับว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหายตัวไปในอากาศ
ทุกคนมารวมกลุ่มกันอย่างสับสน ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิกล่าวออกมา “เป็นไปได้ไหมถ้าหากเขาจะซ่อนตัวด้วยอุปกรณ์วิเศษที่มีความสามารถปกปิด?”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเพียงร่ายคาถาเพื่อทำให้การปกปิดไม่สามารถใช้งานได้ และได้ตรวจสอบสถานที่แห่งนี้หมดแล้ว แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย!” ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิอีกคนตอบกลับ
“แล้วเขาจะหายตัวไปเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เขาสามารถหลบซ่อนใต้พื้นดินได้หรือไม่?”
“ไร้สาระ เพียงแค่อยู่บนดาบแบบปกติเขายังไม่สามารถทำได้ การลงไปใต้ดินยิ่งเป็นไปไม่ได้ อย่าบอกนะว่าเขาทำเช่นนั้นเพื่อต้องการฝังศพตัวเองให้เรียบร้อย?” เหล่าศิษย์นับสิบคนกำลังโต้เถียงกันอย่างออกรส
แต่เจ้าอ้วนเงียบและมองขึ้นไปยังน้ำตกพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “น้ำตกขนาดใหญ่เช่นนี้ จะมีถ้ำอยู่ด้านใน!”
เมื่อเจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ทุกคนเงียบทันที ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “จริงด้วย สหายผู้นี้ของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส มีโอกาสอย่างมากที่เขาจะซ่อนตัวอยู่หลังน้ำตก!”
“แล้วรออะไรอยู่เล่า ไปกันเลย!” ผู้ฝึกตนอีกคนรีบเร่งอย่างเต็มที่ จากนั้นเขาบินไปที่น้ำตก คนอื่นก็รีบบินตามไปเช่นกัน
น้ำตกอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ลี้เท่านั้นและสามารถไปถึงมันได้อย่างรวดเร็วโดยผู้ฝึกตนระดับนี้ ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่หน้าน้ำตกและผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิร่ายคาถาที่ด้านหน้าเพื่อเปิดทางน้ำออก หลักฐานสำคัญคือมีเลือดอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าถ้ำ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนตื่นเต้นมาก จากนั้นเขาได้รับคำแนะนำจากอาวุโส “ทุกคนระวังตัวให้ดี เบื้องหน้านี้อาจเป็นผู้ถือครองสมบัติวิเศษ และเดินตามข้าห้ามห่างไปไหน!” เมื่อเขากล่าวจบ เขาหยิบกระจกดำซึ่งเป็นสมบัติวิเศษออกมาและหันไปสบตากับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิอีกคน เสี่ยวไป่หลงและดาบเทวะไร้ผู้ต้านทั้งสี่คนตรวจสอบถ้ำอย่างละเอียด
หงหยิงไม่เต็มใจที่ถูกทิ้งไว้เช่นนี้ นางเดินตามหลังผู้ฝึกตนด้วยกันอีกสองสามคน สำหรับเจ้าอ้วนเขาอยู่ด้านหลังสุด เดินตามหงหยิงเพื่อปกป้องนางในเวลาที่นางต้องการความช่วยเหลือ
กลุ่มคนเหล่านี้มีสมบัติวิเศษจำนวนมากและมีเครื่องมือที่ทำให้ถ้ำสว่างอย่างเต็มที่ หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาพบว่าถ้ำนี้ใหญ่มาก มันสูงกว่าห้าถึงหกสิบฟุต และกว้างกว่าเจ็ดถึงแปดสิบฟุต พื้นดินไม่เปียกหรือแห้งมากนัก
หลังจากเดินชั่วขณะ พวกเขาพบก้อนเลือดเห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนคนนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างมาก ส่งผลให้เขาบ้วนก้อนเลือดออกมา หลังจากที่เดินต่อมาอีกไม่กี่ก้าวและมองเข้าไป พวกเขาพบผู้ฝึกตนบาดเจ็บอยู่ที่ปลายสุดของถ้ำ
คนผู้นี้นอนอยู่ในกองเลือดอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยเลือดและฝุ่น การปรากฏตัวของเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก เสื้อคลุมของเขาไม่แสดงว่าเขาอยู่ในสำนักใด แสดงให้เห็นว่าเขามีแนวโน้มที่จะเป็นศัตรู สำหรับอาการบาดเจ็บของเขา ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขาพบเจอสิ่งที่อันตรายขนาดไหนมา
บุคคลผู้นี้เหลือเพียงแขนข้างซ้ายเท่านั้น อีกทั้งขาซ้ายของเขายังถูกตัดออก เห็นได้ชัดว่าเกิดจากอาวุธที่มีความแหลมคมอย่างมาก สำหรับขาขวาของเขามันดูเหมือนกับว่าถูกเผาไหม้ แขนซ้ายของเขาหายไปทั้งหมด มีเพียงขาที่เหลือกับไหล่เท่านั้น ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างถูกกัดด้วยอสูรกาย
บุคคลนี้เหลือเพียงแขนข้างซ้าย ขาข้างซ้ายของเขาโดนเฉือนทิ้ง เพราะบาดแผลค่อนข้างเรียบ ชัดเจนว่าเกิดจากอาวุธที่แหลมคมเป็นอย่างยิ่ง ทางด้านขาขวานั้นคล้ายโดนเผาไหม้ แขนซ้ายหายจนหมดกระทั่งแทบไม่เหลือไหล่ ราวกับพวกมันโดนกัดกินไปโดยอสูรกาย
นอกจากนี้ทั้งร่างยังเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ บาดแผลเล็กน้อยต่างปรากฏเห็นเด่นชัดว่าโดนเจาะเป็นรู หนึ่งอยู่ที่หน้าอกจนแทบทะลุผ่านหัวใจ อีกหนึ่งอยู่ใกล้กับจุดตันเถียนอีกทั้งยังเสียเลือดอย่างมาก