SD:บทที่ 49 : ถิ่นของ เซี่ยว ซิวเหวิน

เซี่ยว ซิวเหวิน ไม่ได้กังวลถึงสาเหตุที่ กู่ เชียนชาน โผล่มาที่นี่เลย

แม้อดีตที่ผ่านมา ตระกูลเซี่ยวจะปฏิบัติต่อตระกูลกู่ด้วยความยำเกรงและสุภาพเรียบร้อยเสมอ ภายในใจของพวกเขานั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยความเกลียดชังต่อคู่แข่งเช่นอีกฝ่ายอย่างแรงกล้า ถึงขั้นสาปส่งให้ฝ่ายนั้นตาย ๆ ไปเสียได้ก็ดี

ด้วยสาเหตุที่กล่าวมา เซี่ยว ซิวเหวิน จึงย้ำเป้าหมายไปที่การต่อกรกับพวกครอบครัวกู่มาตลอด อันที่จริง การนัดหมายทั้งหลายทั้งแหล่ของเขา ก็เป็นไปเพื่อโจมดีฝ่ายตระกูลกู่ทั้งสิ้น

แต่ในวันนี้ ยามที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็น กู่ เชียนชาน จากไกล ๆ ราวกับว่าชายคนนี้ได้เห็นบิดาผู้บังเกิดเกล้าของเขาเองด้วยซ้ำ

เขาอาศัยแรงเฮือดสุดท้ายในการลุกขึ้นมาจากพื้น แล้ว เซี่ยว ซิวเหวิน ตะเกียกตะกายไปทางตำแหน่งของ ชายตรงหน้า

การวิ่งล้มลุกคลุกคลานเป็นระยะทางไม่กี่เมตรนั้น ทรมานประหนึ่งเขากำลังหนีจากขุมนรกก็ไม่ปาน

กู่ เชียนชาน เหวอไปเลยทีเดียว

เกิดอะไรขึ้นกับ เซี่ยว ซิวเหวิน เนี่ย มันเป็นบ้าไปแล้วรึไง ทำไม่จู่ ๆ ถึงวิ่งมาหาฉันแบบนี้ มันคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันถ่อมานี่เพื่อช่วยมัน*!*

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าชายอีกคนมาถึงตัวเขาแล้ว และยังอุตส่าห์ดึงปลายแขนเสื้อเขาอีก กู่ เชียนชาน จึงเก็บความคิดนั้นเอาไว้ในใจ

ยามที่เขาทอดสายตาไปยังสถานการณ์ตรงหน้า คำอธิบายที่เขาคิดขึ้นได้กลับดูเป็นไปไม่ได้เสียอย่างงั้น

ไม่ใช่แค่เขา แต่สมาชิกคนอื่นของตระกูลกู่ก็สามารถนึกเดาเอาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเขาค้นพบว่านักสู้ผู้มากฝีมือที่สุดของตระกูลเซี่ยว บัดนี้กลับนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น หนึ่งในบุรุษผู้เป็นอาวุธลับทั้งสิบของตระกูลเซี่ยวก็ถูกยกตัวเหนือพื้นโดยชายกำยำที่มีลูกตุ้มเหล็ก

ณ ตอนนี้ ตระกูลเซี่ยวมีปัญหาใหญ่เสียแล้ว!

ยามที่เขาพิสูจน์สมมติฐานของตนได้แล้ว กู่ เชียนชาน คิดแผนขึ้นมาในทันที

ดูเหมือนว่าทุกคนประเมินศักยภาพของ ซู ฉิวไป่ ต่ำเกินไปตั้งแต่ต้น ชายคนนั้นน่ากลัวกว่าที่ทุกคนเคยจินตนาการไว้เป็นพันเป็นหมื่นเท่า!

ในเมื่อตระกูลเซี่ยวตอนนี้เป็นอับจนหนทางโดยแท้จริง หาก กู่ เชียนชาน สามารถช่วย เซี่ยว ซิวเหวิน ไว้ได้ล่ะก็ ตระกูลเซี่ยวจะตกเป็นหนี้บุญคุณตระกูลกู่แน่นอน!

“อ้อ ยังมีคนคิดสู้กับพวกข้าอีกรึ! พวกเจ้ามาได้ถูกที่ถูกเวลาจริง ๆ ข้าชักคันไม้คันมืออยู่พอดี มาลิ้มรสชาติของหมัดท่านปู่พวกแกหน่อยมา!”

หลู่ จื้อเชิน ซึ่งตอนนี้กลับเศร้าที่ฝั่งตระกูลเซี่ยวแทบไม่เหลือนักสู้ที่ยังยืนอยู่ไหวอีก การต่อสู้เพียงแป๊ปเดียวก็ทำให้พวกนั้นล้มแน่นิ่งกันหมดแล้ว!

ทว่ากลับมีนักสู้อีกกลุ่มเข้ามาประลองฝีมือเขาอย่างไม่คาดคิด! เขาตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะปรี่ตรงไปตะลุมบอนกับผู้มาเยือนหน้าใหม่

ซู ฉิวไป่ สังเกตเห็นพวกเขาได้เช่นกัน และพลันจำ กู่ จ้านชุน ที่อยู่กับพวกนั้นได้ทันทีทันใด ชายหนุ่มคาดเดาว่ากลุ่มคนตรงหน้าคงเป็นนักสู้จากพวกตระกูลกู่ แต่พวกนั้นบอกไปไม่ใช่เรอะว่าจะช่วยฉันน่ะ แล้วไหงไปช่วย เซี่ยว ซิวเหวิน ได้ล่ะเนี่ย

ความสับสนที่ก่อตัวขึ้นหยุด ซู ฉิวไป่ จากการยั้ง หลู่ จื้อเชิน ไม่ให้ทำร้ายฝ่ายนั้นเสียซะสนิท

อีกด้านหนึ่งนั้น กู่ เชียนชาน เห็นชายรูปร่างกำยำพุ่งตรงมาทางพวกเขา แต่ลักษณะของชายคนนั้นไม่เหมือนกับ อู่ ซง ที่ กู่ จ้านชุน เคยบรรยายและเตือนเขาเอาไว้ กู่ เชียนชาน จึงหมดเรื่องที่ต้องห่วงไปอีกเปลาะหนึ่ง พร้อมกับมั่นหมายเป็นอันแน่นอนแล้วว่าจะโจมตีชายคนนั้น อย่างแรก เขาจะให้ ซู ฉิวไป่ ได้เป็นสักขีพยานของความแข็งแกร่งของตระกูลกู่เสียก่อน จากนั้นเขาจะช่วย เซี่ยว ซิวเหวิน เอาไว้ เพื่อให้ไม่เป็นการขัดใจกับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าอย่างไร ฝ่ายตระกูลกู่ก็ได้ประโยชน์

หาก เซี่ยว ซิวเหวิน รับรู้ถึงแผนของ กู่ เชียนชาน ล่ะก็ เขาคงด่าว่า กู่ เชียนชาน เป็นไอ้โง่ขนานแท้อย่างแน่นอน

คิดเหรอว่าตระกูลกู่จะทรงพลังขนาดนั้น ได้โปรดใช้สมองที่มีเสียบ้างเหอะ คนของฉันตอนนี้ก็โดนพวกลูกน้องของ ซู ฉิวไป่ จัดการจนเละไปหมดแล้ว นี่ยังจะเสล่อหาเหาใส่หัวอีกเหรอ ไอ้คนหัวโล้นกับไอ้ผู้ชายขนดกน่ะ ไม่ต่างอะไรจากปีศาจเลย*!*

ขอให้พระพุทธเจ้าอวยพรแกเถอะ

อย่างไรก็ดี กู่ เชียนชาน ยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ของตนต่อไป เขาสั่งให้คนคุ้มกันที่ตัวใหญ่พอ ๆ กันกับ หลู่ จื้อเชิน จัดการมันเสีย

คนคุ้มกันคนนั้นถูกเขวี้ยงกลับมาแทบจะทันที

กระบวนการทั้งหมดนั้นรวดเร็วมาก หมัดจากชายทั้งสองคนปะทะกันและกัน แรงโมเมนตัมที่เกิดขึ้นทำให้คนของเขาปลิวไปข้างหลัง

ร่างของคนคุ้มกันเขาตกลงแทบเท้าเขาพอดี และคนอื่นเองก็ทันสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นกระดูกแขนหักผิดที่ผิดทางออกมานอกข้อศอกเสียอีก

กู่ เชียนชาน รู้ทันทีว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่ก็สายไปเสียแล้ว หลู่ จื้อเชิน โผล่มาตรงหน้าเขาเรียบร้อย เซี่ยว ซิวเหวิน ดันซ่อนตัวอยู่หลังเขาอีก ไม่ว่าจะต่อยมาทางไหน กู่ เชียนชาน ก็คงต้องรับแรงนั้นเข้าเต็ม ๆ

ชายตระกูลกู่ยังจำได้ดีว่าสภาพของคนคุ้มกันของเขาเลวร้ายแค่ไหนจากเพียงหมัดเดียว เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงจากหน้าผากของ กู่ เชียนชาน อย่างเชื่องช้า

โชคยังดี กู่ จ้านชุน สามารถเร่งฝีเท้าเข้ามาและสกัดหมัดของ หลู่ จื้อเชิน ได้ทัน

ร่างของ กู่ จ้านชุน ถูกผลักไปเสียเป็นระยะหลายก้าว ก่อนที่หลังเขาจะไปชนชิดกับกำแพง แม้อกเขาจะกระทบกระเทือนจากแรงกระแทก แต่ผู้คุ้มกันหนุ่มก็สามารถป้องกันหมัดนั้นได้ในท้ายที่สุด

หลู่ จื้อเชิน หัวเราะร่า ก่อนจะคว้า กู่ เชียนชาน หมับเข้าที่คอเสื้อ แล้วยกเขาสูงขึ้นจากพื้น

ตระกูลกู่ ณ ตอนนี้ กลัวแทบตายแล้ว หาก กู่ เชียนชาน ถูกโยนมาจากระดับความสูงนั้นล่ะก็ เขาคงต้องตาย หรือไม่ก็ได้นอนเป็นผักแน่ จากนั้น เป็นอันแน่นอนเลยว่าสมาชิกตระกูลกู่ที่เหลือไม่มีโอกาสหลบหนีไปได้แน่ แต่ใครกันที่กล้าพอจะไปขวางทางของชายหัวโล้นได้เล่า ไม่มีใครหรอกจะยอมตายเช่นนั้น

“คุณซู ช่วยผมที!”

ด้วยฟางของความหวังเส้นสุดท้าย กู่ จ้านชุน ร้องขอความช่วยเหลือจาก ซู ฉิวไป่ อย่างสิ้นหวัง

ซู ฉิวไป่ ได้ยิน กู่ จ้านชุน ร้องขึ้น พร้อมกับเห็น หลุ่ จื้อเชิน ยกชายคนดังกล่าวขึ้นจากพื้น ชายหนุ่มพลันตะโกนใส่ หลู่ จื้อเชิน โดยไว

หลู่ จื้อเชิน จึงยังไม่ได้โยน กู่ เชียนชาน ร่างของเขาถูกแขวนในอากาศ ชายตระกูลกู่รู้สึกได้ว่าทั้งร่างกายของตัวเองกำลังสั่น น่ากลัวเกินไปแล้ว*!*

“พี่ วางผู้ชายคนนั้นลงก่อน นี่คงเป็นแค่ความเข้าใจผิดกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นครับ”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว ซู ฉิวไป่ วิ่งตรงไปหาอีกฝ่าย เขาเพิ่งจะแก้มัดเชือกที่รัด ซู เซี่ยวเซี่ยว และ เฉา ตั้วเฟย ไปเอง เขาไม่นึกเลยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงขั้นร้ายแรงได้เร็วขนาดนี้

ในห้องโถงภายในอาคาร สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ เกือบทุกคนจากตระกูลเซี่ยวถูกซ้อมยับเยินเสียหมด ส่วนชายผู้กล้าหาญที่ยังทนสู้ได้จนป่านนี้ สุดท้ายตัดสินใจพากันติดสอยห้อยตาม ซู ฉิวไป่ แทน

ฉากตรงหน้าได้ตราตรึงในห้วงความคิดของทุกคนไปอย่างถาวร

ทั้งหมดนี้ช่างน่าตกใจเกินไปมากเลย*!*

ใครคนหนึ่งคงคาดหวังว่าอสุรกายในคราบมนุษย์เช่นนี้จะปรากฏตัวแค่ในภาพยนตร์เท่านั้น ไม่ใช่ในชีวิตจริง! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดตระกูลเซี่ยวถึงได้เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ มันถูกเตรียมพร้อมมาสำหรับวันนี้โดยแท้เลย

“คุณซู มันเป็นการเข้าใจผิดจริง ๆ ครับ พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคุณครับ”

ผู้คุ้มกันหนุ่มใช้มือหนึ่งจับแน่นที่หน้าอกซึ่งได้รับบาดเจ็บของตน พร้อมกับเดินอย่างเหน็ดเหนื่อยมาหาเขา กู่ จ้านชุน ยังพยายามอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างกระวนกระวาย

กู่ เชียนชาน ซึ่งยังคงถูกถือห้อยไปห้อยมากลางอากาศโดย หลู่ จื้อเชิน ก็ร้องขึ้นมาเช่นกัน “ใช่ เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดเลย พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยคุณจริง ๆ นะ”

หลังจากที่ได้ฟังทั้งสองแล้ว ซู ฉิวไป่ จึงเอ่ยขอให้ หลู่ จื้อเชิน วาง กู่ เชียนชาน ลง

กู่ เชียนชาน รู้สึกราวกับว่าชีวิตของตัวเองหวนกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเท้าของเขาได้แตะพื้นดินอย่างปลอดภัย

เขาชายตามองไปที่ เซี่ยว ซิวเหวิน ที่ยังคงซ่อนตัวในหมู่นักสู้ของเขาเอง ความเดือดดาลจึงพุ่งพล่านขึ้นมามอดไหม้ผ่านร่างเขา

ทั้งหมดนี้มันเกิดจากไอ้โง่คนนี้คนเดียวแท้ ๆ เชียว เพราะมัน เขาถึงเกือบพาตัวเองไปตายเปล่า แถมผู้คุ้มกันของเขาก็แขนหักเสียอีก

ชายตระกูลกู่ลาก เซี่ยว ซิวเหวิน ออกมาจากกลุ่มคนอย่างไม่ลังเล

กู่ เชียนชาน เลิกคิดที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้อีก ความจริงแล้ว เขานึกเสียใจขึ้นมาเป็นอย่างมากทีเดียว

เขาก่นด่าตัวเองในใจที่ดันคิดแผนโง่เง่าแบบนั้นขึ้นมาได้! ให้ ซู ฉิวไป่ ได้เป็นสักขีพยานเห็นความแข็งแกร่งของตระกูลกู่เหรอ สร้างบุญคุณกับตระกูลเซี่ยวอีกงั้นเหรอ ฉันขุดหลุมฝังตัวเองแท้ ๆ เลย*!*

“คุณซู ต้นเหตุทุกอย่างมันเป็นเพราะไอ้เวรเนี่ยแหละครับ ผมไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ กำจัดมันทิ้งได้เลยครับ!”

ในขณะที่ เซี่ยว ซิวเหวิน ยังคงตะลึงงันจนไม่อาจพูดอะไร กู่ เชียนชาน ดันตอบ ซู ฉิวไป่ กลับอย่างจริงจังขึ้นมา

เซี่ยว ซิวเหวิน เกือบจะกระอักเลือดออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของชายตระกูลกู่!

คือก็เข้าใจนะถ้าแกไม่อยากจะช่วยฉัน แต่หมายความยังไงที่ว่าไม่รู้จักกันน่ะ เสียใจนะที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ความจริง สองตระกูลของเรามันสนิทชิดเชื้อกันที่สุดในเมืองตงไห่แล้วไม่ใช่เหรอ*!*

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงเรื่องนั้น หัวหน้าใหญ่ตระกูลเซี่ยวตอนนี้หวาดกลัวเป็นอย่างที่สุด!

เขาเป็นกังวลอย่างมากว่า ซู ฉิวไป่ จะโกรธขึ้นมาจริง ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ กระดูกทั่วทั้งร่างเขาคงถูกบดขยี้โดยเหล่าพี่น้องของ ซู ฉิวไป่ อย่างแน่แท้

เซี่ยว ซิวเหวิน จึงคุกเข่าลงแนบพื้นโดยพลัน

“ท่านพี่ซู เหตุการณ์ทั้งหลายก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความผิดพลาดจากตระกูลของผมทั้งสิ้น และก็เป็นลูกชายของผม เซี่ยว หยุน ที่บังคับให้น้องสาวท่านกระโดดลงมาจากตึก หรือแม้แต่ผมเอง ก็ขอให้โรงพยาบาลขู่เข็ญน้องสาวท่าน ณ ตอนนี้ ผมเป็นหนี้ชีวิตท่านแล้ว ได้โปรดเถอะครับ ผมขอตัดแขนข้างหนึ่งแทนคำขอโทษเลย ผมแค่หวังให้คุณช่วยปล่อยครอบครัวผมไปเถอะครับ”

เมื่อเอ่ยเช่นนั้น ก่อนที่จะมีใครทันทำอะไรได้ เซี่ยว ซิวเหวิน คว้ามีดขนาดใหญ่เล่มหนึ่งจากพื้น แล้วเงื้อมือขึ้นตัดแขนซ้ายเขาโดยทันที

อันที่จริง ทั้งหมดนี่คือวิถีทางที่ทำให้ เซี่ยว ซิวเหวิน นำพาตระกูลตนให้อยู่รอดมาได้นานหลายปี กับการที่ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและอันธพาล พร้อมกับคุ้มครองและขยับขยายถิ่นอาณาเขตของตัวเอง สุดท้ายแล้ว ทั้งหมดนั้นก็เป็นไปอย่างมืออาชีพ นั่นคือ ใครเป็นผู้แพ้ จะต้องจ่ายชดใช้!

ความแตกต่างเดียวก็คือ ที่ผ่านมาเขาเป็นผู้ชนะเสมอ แต่ในครานี้ เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!

กู่ เชียนชาน แทบทานทนไม่ได้ที่ต้องฟังคำพูดของ เซี่ยว ซิวเหวิน แต่ไหนแต่ไร พวกเขาเคยต้องห้ำหั่น ต่อสู้ และแข่งกันมานานนับหลายปีไม่จบไม่สิ้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วตระกูลเซี่ยวจะถูกทำลายอย่างหมดรูปในวันนี้ ด้วยผีมือของคนขับรถแท็กซี่เท่านั้น

แต่ทว่า ไม่มีใครหยั่งรู้ได้เลยว่ามีดนั้นจะถูกเตะออกไปจากมือของ เซี่ยว ซิวเหวิน ไม่กี่อึดใจก่อนที่มันจะฟันถูกแขนของหัวหน้าใหญ่ตระกูลเซี่ยว

หลังจากผ่านไปสักพัก เซี่ยว ซิวเหวิน เงยหน้ามอง ซู ฉิวไป่ อย่างตกตะลึง ด้วยเหตุที่ชายหนุ่มนั่นเองคือคนที่เตะมีดนั้นออกไป

“ฉันจะเอาแขนแกไปทำอะไรได้ล่ะ! จำไว้ว่าอย่าหาเรื่องฉันเป็นอันพอ!”

ซู ฉิวไป่ ตะโกนดังลั่น

สาเหตุที่เขายอมปล่อย เซี่ยว ซิวเหวิน ให้รอดตัวไปง่าย ๆ นั้น เป็นเพราะเมื่อเขาตรวจดูอาการของ ซู เซี่ยวเซี่ยว และ เฉา ตั้วเฟย และพบว่าทั้งสองนั้นไม่เป็นอันตรายใด ๆ แม้จะโดนลักพาตัวมา ความโกรธเกือบทั้งหมดของเขาก็มลายหายไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

อีกอย่างหนึ่ง ตระกูลเซี่ยวตอนนี้ แทบจะทุกคนก็บาดเจ็บและบอบช้ำกันมากพอสาแก่ใจเขา ดังนั้นการแก้แค้นก็เสร็จสิ้นแต่เพียงเท่านี้นั่นแหละ

แถมเซี่ยวเซี่ยวยังคงต้องเรียนที่นี่ต่อ ซู ฉิวไป่ มั่นใจมากว่าหลังจากเรื่องนี้ ไม่ว่าตระกูลเซี่ยวจะหาญกล้าแค่ไหน พวกนั้นก็คงไม่โง่พอจะข่มเหงเซี่ยวเซี่ยวอีกหรอก

แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเชา หากได้แขนของ เซี่ยว ซิวเหวิน มาอีก คงจะเพิ่มปัญหาให้เขาเสียด้วยซ้ำ!

อย่างไรก็ดี ก่อนที่ เซี่ยว ซิวเหวิน จะทันได้พูดอะไรอีก หลี่ ขุย ก็กลับร้อนรนใจขึ้นมาอีก มือข้างหนึ่งกำขวานแน่น ส่วนอีกข้างก็ดึงแขนของ ซู ฉิวไป่ โดยตรง

“น้องชาย แค่นี้เองเหรอ ข้าเพิ่งจะได้สนุกเอง เอาเป็นว่าเรากระทืบไอ้พวกนี้ด้วยดีไหมเล่า”

สีหน้าของคนตระกูลกู่เปลี่ยนไปทันที