SD:บทที่ 50 : ค้นหาความจริง
“คุณซู พวกเราทั้งหมดมานี่เพื่อช่วยคุณจริง ๆ นะ!”
ก่อนที่ ซู ฉิวไป่ จะได้ตอบ กู่ เชียนชาน พูดรับรองจุดประสงค์ของตนขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่มีทางเลือกเลย…ชายพวกนั้นมันโหดร้ายป่าเถื่อนกันไป!
พวกมันคิดจะกระทืบคนต่อเพียงเพราะพวกมันอยากสนุกเนี่ยนะ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือพวกนั้นเป็นฝ่ายที่เป็นคนทำร้ายผู้อื่น ไม่มีใครที่สามารถพอจะสู้กลับได้
กู่ จ้านชุน รีบพูดเสริมขึ้น “ใช่ครับ เรามาช่วยคุณอย่างจริงแท้เลยครับ!”
พวกเขาพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว เหล่าผู้คุ้มกันคนอื่นก็มีสีหน้าท่าทางเช่นเดียวกัน ทั้งหมดต่างตัวสั่นเมื่อเผชิญหน้ากับพวกผู้กล้าจากภูเขาเหลียงซาน
ชายหนุ่มหันไปมอง หลี่ ขุย แล้วฉีกยิ้ม “ช่างเถอะ พวกนั้นมาเพื่อช่วยเรานั่นแหละ”
พวกตระกูลกู่โล่งอกเหลือเกินเมื่อได้ยิน ซู ฉิวไป่ กล่าวเช่นนั้น
แต่ทว่า หลี่ ขุย กลับมีความคิดตรงกันข้าม หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาไล่ตาม ซู ฉิวไป่ แล้วเอ่ยถาม “แน่ใจเหรอ คนพวกนี้ดูเหมือนกับพวกที่นอนแผ่หลาบนพื้นนะ ใครจะรู้ได้เล่าว่าจุดประสงค์แท้จริงของพวกมันคืออะไร น้องชาย ข้าว่าจะเป็นการดีที่สุด หากเราสู้กับพวกมันด้วย เพื่อเป็นการค้นหาความจริง!”
ดวงตาของ หลี่ ขุย โตพอ ๆ กับระฆังทองเหลือง มันทำให้ ซู ฉิวไป่ ตกอยู่ในภาวะงงงัน
เขารู้มานานแล้วว่า หลี่ ขุย มีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรงเป็นอย่างมาก ดูท่าจะจริงซะด้วยแฮะ*!*
อย่างไรก็ตาม หลังจากการพิจารณาเสียนาน เขาหันกลับไปดูพวกชายผู้กล้าที่ยืนอยู่หลังเขา พวกนี้ไม่ใช่คนที่ใครก็ตามอยากมีเรื่องด้วยหรอก
คนตระกูลกู่ต่างหน้าถอดสีทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของ หลี่ ขุย
บ้างถึงกับพึมพำด้วยความโกรธ… ให้ตายสิวะ หมายความว่าไงที่บอกว่าจะดีกว่าหากสู้กับพวกเราเพื่อค้นหาความจริง คิดว่าพวกเราเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนพวกแกเหรอ
แน่ล่ะ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ก็ในเมื่อชะตาชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงถูกฆ่าในมือของชายป่าเถื่อนพวกนี้แน่
“เถียหนิว หากยังกล้าจะคิดทำเช่นนี้อีกล่ะก็ ข้าจะกลับไปและบอกท่านพี่ชายด้วยตัวข้าเองเสีย แล้วเราจะได้เห็นดีกันว่าเขาจะสั่งสอนเจ้าเช่นไร”
ทันใดนั้น เมื่อหลิน ชง ก้าวออกมาและเอ่ยคำเตือนแก่ หลี่ ขุย หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ อั๋น เถียหนิว
และแน่นอน หลี่ ขุย ก็ยังคงหวาดกลัว ซ่ง เจียง เป็นที่สุด เมื่อเขาได้ยินคำเตือนของ หลิน ชง เจ้าตัวจึงหุบปากลงในทันที ก่อนจะเก็บขวานตัวเองโดยดี ซู ฉิวไป่ เองก็ราวกับยกภูเขาออกจากอกได้ เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือที่ไม่ลืมพา หลิน ชง มาด้วย
เมื่อเห็น หลี่ ขุย เก็บขวานคู่ กู่ เชียนขาน จึงผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก
ทว่าภายในใจเขายังมีลางสังหรณ์แปลกประหลาด หลังจากที่ได้ยิน หลิน ชง เรียกชายคนดังกล่าวว่า เถียหนิว ชื่อนั้น พร้อมกับขวานคู่ และเคราที่ดกหนา… มันเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมันมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นมาจากไหน
สุดท้ายแล้ว ซู ฉิวไป่ ก็นำ ซู เซี่ยวเซี่ยว และ เฉา ตั้วเฟย ออกมาจากอาคารนั้น จะอย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีปัญหาอะไรหากจะมีคนเห็นหน้าของเหล่าผู้กล้าแห่งภูเขาเหลียงนาน ๆ ที แต่หากอยู่นานกว่านี้ และมีคนดันจำพวกเขาได้ล่ะก็ คงเป็นปัญหาใหญ่แน่!
เพราะฉะนั้น เมื่อให้ กู่ เชียนชาน และ เซี่ยว ซิวเหวิน สัญญาว่าจะเก็บเรื่องที่เกิดในคืนนี้ให้เป็นความลับแล้ว ซู ฉิวไป่ ก็พากลุ่มชายฉกรรจ์ขึ้นรถบรรทุก แล้วพวกเขาก็หายไปในคืนที่ฝนตกหนักนั้น
ยามที่รถบรรทุกหายไปนอกวิสัยทัศน์ เซี่ยว ซิวเหวิน ทรุดนั่งลงที่หน้าทางเข้าของอาคาร สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ เขาไม่เคยรู้สึกเป็นอิสระเช่นนี้มาก่อนเลย สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ราวกับเป็นฝันร้าย
ฝันร้ายแบบที่เขาอาจไม่มีวันตื่น
แม้สิ่งที่ กู่ เชียนชาน ต้องประสบจะไม่เลวร้ายเท่าที่ เซี่ยว ซิวเหวิน ต้องเผชิญ นัยน์ตาของเขาก็ฉายไปด้วยแววความกลัวเช่นเดียวกัน
เดิมที เขาวางแผนไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ชายตระกูลกู่คนนี้จะต้องพา ซู ฉิวไป่ ไปหาแหล่งพำนักของตระกูลกู่ในคืนนี้ให้ได้ โรคร้ายเรื้อรังของลูกสาวเขาจะได้ถูกรักษาเสียที แต่ใครจะรู้เล่าว่าเพราะความโง่เขลาของเขา กู่ เชียนชาน เกือบจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่แทน
กู่ จ้านชุน เองก็ขับข้องใจกับนายของตัวเองเหมือนกัน เขาเคยเตือนชายคนนั้นก่อนหน้านี้แล้วว่า ซู ฉิวไป่ ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย ๆ เลย และเหล่าพี่น้องของมัน ไม่ต่างจากอสุรกายเลย!
แต่เขาไม่คาดคิดว่านอกจาก กู่ เชียนชาน จะไม่ฟังคำแนะนำของเขา เจ้าตัวยังคิดจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ทั้งหมดเสียอีก
ไม่แปลกใจเลยที่ท่านปู่กู่ไม่ยกตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ให้กับหมอนั่นสักที ปู่กู่เองยังกล่าวอีกว่า กู่ เชียนชาน ยังไม่มีความสามารถมากพอ และเจ้าตัวคงไม่ประสบความสำเร็จแน่
……
ในเมื่อ ซู ฉิวไป่ จากไปจากที่นี่แล้ว ไม่มีความจำเป็นอันใดอีกที่ตระกูลกู่จะอยู่ที่แห่งนี้ต่อไป แม้ตระกูลเซี่ยวจะได้รับบาดเจ็บหนักกันทุกคน แต่พวกนั้นจะฟื้นตัวมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครเองที่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ซู ฉิวไป่ หมายความว่าไงที่ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทั้งที่มันนั่นแหละที่เป็นจัดการตระกูลเซี่ยวเสียย่อยยับเอง
ตระกูลกู่ยังจำเป็นต้องให้ ซู ฉิวไป่ ดูอาการของ กู่ เฉิงหยา เพื่อรักษาเธออีก เช่นนั้นแล้ว พวกเขาคงส่งใครสักคนไปเยี่ยมเยียนชายหนุ่มในวันถัดไป
กู่ เชียนชาน จึงกลับจากที่นั่นเสียที
เมื่อเห็น กู่ เชียนชาน กลับไปแล้ว เซี่ยว ซิวเหวิน จึงเห็นความหวังในการอยู่รอดของตระกูลเขาอีกครั้ง เขาใช้เวลาจนถึงเช้าในการโทรเรียกฝ่ายกำลังเสริมมาช่วยรักษาคนเจ็บและซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฐานที่มั่น สระมังกร, แหล่งถ้ำเสือ
กว่าหัวหน้าใหญ่แหล่งตระกูลเซี่ยวจะได้กลับบ้าน ตะวันก็ขึ้นฉายแสงแล้ว
เมื่อเข้าบ้านตน ภรรยาของเขา ฝาง ชุนหยู จึงต้อนรับเขาอย่างไม่งามนัก “คุณเซี่ยว ฉันพยายามโทรหาคุณตลอดทั้งคืน หูหนวกไปแล้วรึไง ทำไมไม่รับ แล้วนี่ฆ่าพวกไอ้ซูได้มั้ย! แกนี่ไร้ประโยชน์โดยแท้ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้!”
เขาได้ยืนอย่างเงียบเชียบตรงหน้าเธอ เซี่ยว ซิวเหวิน เพียงเหลือบตามองไปที่หญิงซึ่งยืนอยู่ตรงกันข้าม
สายตานี่ทำให้ ฝาง ชุนหยู เป็นกังวลเล็กน้อย เธอแต่งงานกับเขาเป็นระยะเวลาหลายปี ชายตระกูลเซี่ยวก็เชื่อฟังเธอดีมาตลอด ไม่เคยมาจ้องหน้าท้าทายเธอแบบนี้
“นี่…นี่แกมองอะไรอยู่ ไม่คิดแก้แค้นแทนหยุนเอ๋อแล้วเหรอ”
เซี่ยว ซิวเหวิน ตบ ฝาง ชุยหยู เสียหน้าหัน จนเธอล้มก้นจุ้มปุกลงพื้น
เพราะผู้หญิงคนนี้แท้ ๆ เชียว หยุนเอ๋อถึงได้ทำตัวออกนอกลู่นอกทางแบบนี้ และทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นลงไปได้!
และเพราะหล่อนอีกนั่นแหละ ทั้งตระกูลเซี่ยว รวมถึงตัวเขาเองด้วย ถึงถูกกระทืบเสียจนเจ็บหนักเมื่อคืนก่อน!
เซี่ยว ซิวเหวิน จำได้ดีว่าตลอดเวลาที่เขาแต่งงาน ฝาง ชุนหยู จะสั่งใช้งานเขาตลอด โดยใช้ตำแหน่งที่เธอคือลูกสาวของตระกูลฝางเป็นเครื่องมือ หล่อนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ง่ายยิ่งกว่าอะไรดี… เขาอดไม่ได้ที่จะตบเธอ ณ ชั่วขณะนั้น
ฝาง ชุนหยู งงงัน เธอจ้องเขาด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า
“แก…แกกล้าตบฉันเหรอ! เซี่ยว ซิวเหวิน แกบ้าไปแล้วเรอะ!”
เธอเอื้อมมือไปจังแก้มที่แดงฉาดจากแรงตบ แล้วลุกขึ้นมายืนประจันหน้าเขา ฝาง ชุนหยุ่ อยากจะสั่งสอน เซี่ยว ซิวเหวิน ให้เข็ดหลาบ แต่อีกฝ่ายกลับผลักเธอออกไป
“จะไปไหนก็ไป ฉันขอหย่า! กลับไปหาครอบครัวแกเถอะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก!”
ด้วยคำพูดเช่นนั้นเอง เซี่ยว ซิวเหวิน ก็หันหน้าหนีแล้วเดินลาลับ เขาเร่งฝีเท้าออกจากบ้านหลังนั้น ทิ้งให้ ฝาง ชุนหยู ซึ่งอกสั่นขวัญหายไว้เพียงลำพังในความขมขื่น
……
หลังจากที่ ซู ฉิวไป่ ออกจากเส้นทางถนนตงโขว่ เขาส่ง ซู เซี่ยวเซี่ยว กลับไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล พร้อมขอร้องให้เหล่าลูกน้องจากแก็งนักแข่งข้างถนนเฝ้าเธอไว้ เขาวางแผนจะส่งพวกผู้กล้ากลับไปยังภูเขาเหลียงซาน
นอกจากจะมีกลุ่มชายนักรบที่นั่งเบียดกันหลังรถบรรทุกแล้ว ข้างในยังเต็มไปด้วยเหล้าคุณภาพดีและบุหรี่ชั้นเยี่ยมที่ชายหนุ่มซื้อมาระหว่างทางด้วย
ตอนแรกนั้น เจ้าของร้านบอกว่าสินค้านั้นหมดจากคลังแล้ว แต่แค่เพียงการจ้องมองด้วยสายตาดุดันของ หลี่ ขุย และ หลู่ จื้อเขิน ชายคนนั้นจึงยอมออกไปกลางฝนเพื่อไปซื้อมาเพิ่มให้ เมื่อเขากลับมา เจ้านของร้านจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนท่าทางอันตรายเหล่านั้นดูพึงพอใจดี
ซู ฉิวไป่ มีบัญชีธนาคารของบริษัทที่ เซี่ย หรงหรง เป็นคนมอบให้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลยที่จะจัดซื้อบุหรี่และเหล้าให้ทุกคน!
ยามที่มาถึงภูเขาเหลียงซานแล้ว แม้เดิมที่ชายหนุ่มคิดจะกลับเลย แต่ อู่ ซง และคนอื่น ก็ไม่ยินยอมที่จะปล่อยเขาไป สุดท้ายเขาจึงยอมมาดื่มกับพวกเขา
แม้จะช่วยไม่ได้ แต่ปัญหาทุกอย่างก็ถูกจัดการหมดแล้ว เซี่ยวเซี่ยวเองก็ปลอดภัยหายห่วง หากไม่ใช่เพราะพวกผู้กล้าที่ยอมช่วยเหลือเขาด้วยความยินดีล่ะก็ เรื่องทั้งหมดคงยุ่งยากมากกว่านี้เยอะแน่ เขาจึงยอมอยู่เพื่อดื่มสักแก้วสองแก้วเสียหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
อีกอย่าง เขาคงไม่ได้ลิ้มลองความสำราญในการดื่มฉลองกับพวกผู้กล้าแห่งภูเขาเหลียงซาน หากเขาอดจากการลองมันแต่แรกแล้ว!
ณ งานเลี้ยงขนาดย่อมนั้น มีทั้งเหล้าดีและอาหารชั้นเยี่ยม ทั้งโถงคลุ้งเต็มไปด้วยควันจากบุหรี่
นักรบชายฉกรรจ์ต่างพากันโต้เถียงถึงยี่ห้อบุหรี่ที่รสชาติเยี่ยมที่สุด ใครคนหนึ่งเลือกสูบซิการ์แทนบุหรี่ธรรมดา ชายคนนั้นสูบมากเสียจนตาเริ่มแดงเรื่อ…
ทุกคนดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญอยู่นาน ท้ายที่สุดแล้ว กลายเป็นว่า ซู ฉิวไป่ เมาเกินกว่าจะขับรถกลับ ชายหนุ่มจึงถูกต้อนให้เข้าไปนอนในห้อง ๆ หนึ่งโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่
คนขับรถไม่แน่ใจว่าตนหลับไปนานแค่ไหน แต่เขาตื่นขึ้นมากลางดึกเมื่อร่างกายของตนเรียกร้องให้ปลดปล่อยของเหลวที่เต็มกระเพาะปัสสาวะจากการดื่มทั้งวัน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ และเดินหาที่มั่นหมายเหมาะ ๆ เสียไกล
จากนั้น เขากลับเห็นเค้าร่างของใครคนหนึ่งใต้ต้นไม้ หน้าหันเข้าทางแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไป ซู ฉิวไป่ เริ่มสร่างเมาแล้ว ความรู้สึกอับอายระคนประหลาดใจเข้ามาแทนที่
ชายหนุ่มก้าวไปไม่กี่ก้าวเพื่อจะได้เห็นร่างนั้นชัด ๆ
คนนั้นแท้จริงแล้วคือ หลิน ชง!
ซู ฉิวไป่ ตอนนี้สติกลับมาครบถ้วนได้ที่ เขาแปลกใจขึ้นมาทันที ทำไม หลิน ชง ถึงตื่นมาดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ แล้วเขามานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียวเนี่ย
เขาตะโกนเรียกพี่ใหญ่หลิน
หลิน ชง ลุกพรวดขึ้นโดยพลัน แต่เมื่อตระหนักได้ว่าคนที่เรียกตนคือ ซู ฉิวไป่ เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงอีกครั้ง ซู ฉิวไป่ เดินไปนั่งลงข้างชายอีกคน เขาดื่มเหล้ามากเกินไป ดังนั้นการได้นั่งพักและชื่นชมทิวทัศน์ของแม่น้ำตรงหน้า และเพลินเพลินสายลมเย็นสบายที่พัดผ่าน ทำให้เขาสบายอกสบายใจอย่างยากจะอธิบาย
หลังจากการพูดคุยเล็กน้อย ซู ฉิวไป่ จึงได้เข้าใจว่าเหตุใด หลิน ชง จึงออกมาที่นี่กลางดึกคนเดียว
“ข้าจากเมืองตงจิ่งมาเสียนาน และภรรยาของเขาก็เสียไปได้ปีกว่าแล้ว กลางดึก ข้าอดนึกถึงการแก้แค้นของข้า ที่ยังไม่ได้รับการชำระเสียไม่ได้ เป็นการยากที่ข้าจะข่มตาหลับ ข้าจึงมาหลบอยู่คนเดียวที่นี่ แต่พวกพี่น้องร่วมสาบานของข้า ดันหัวเราะเยาะข้าเสียอย่างงั้น”
แม้ หลิน ชง จะเล่าเรื่องดังกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ ซู ฉิวไป่ ก็ยังได้ยินร่องรอยของความโศกเศร้าที่แทรกซึมอยู่ในคำพูดของชายตรงหน้า
ครั้งสุดท้ายที่เขาดูโทรทัศน์ ซึ่งตอนนั้นนำละครที่ประยุกต์จากนวนิยายเรื่อง ซ้องกั๋ง มาฉาย ในเรื่องนั้นเขาสงสาร หลิน ชง เป็นอย่างที่สุด โดยเฉพาะตอนที่ ซ่ง เจียง ปล่อยตัว เกา เชียวไป ชายหนุ่มโกรธจัดเสียจนเกือบจะขว้างโทรทัศน์ของตนทิ้ง ยิ่งเมื่อเขาเห็น หลิน ชง ตายไปอย่างอนาถแล้ว เขาถึงกับตกอยู่ในอาการซึมเศร้าเสียหลายวัน
จากเนื้อเรื่องของละครแล้ว หลิน เหนียงจื่อ ภรรยาของ หลิน ชง นั้น ดันไปเป็นที่ถูกตาถูกใจของ เกา หยาเน่ย ลูกชายบุญธรรมของ เกา เชียวซึ่งเป็นขุนนางคนสนิทของพระเจ้าซ่ง ฮุ่ยจง และยังเป็นเจ้านายของ หลิน ชง อีก เกา เชียวได้ใช้กลอุบายทุกวิถีทางในการสร้างปัญหาให้ หลิน ชง และกำจัดเขาให้ไปพ้น ๆ ทางเสีย แม้ในตอนท้าย เกา เชียวจะถูกจับไปไว้ที่ภูเขาเหลียงซาน แต่ ซ่ง เจียง ปฏิบัติกับ เกา เชียว ราวกับเป็นแขกผู้มีเกียรติ และปล่อยชายชั่วคนนั้นไปโดยง่าย ด้วยหวังว่า เกา เชียวจะร้องขอให้ พระเจ้าซ่ง ฮุ่ยจง ทำการนิรโทษกรรมให้กับเหล่าผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน หลิน ชง จึงบันดาลโทสะมากเสียจนกระอักเลือดตายจากความแค้น
ซู ฉิวไป่ ซึ่งเข้าใจในความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของ หลิน ชง ทันทีที่ได้ยินคำของอีกฝ่าย จึงตั้งเป้าหมายใหม่ทันที แม้ก่อนหน้าเขาจะไม่มีความสามารถพอจะช่วยชายอีกคนได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว!
ชายคนขับรถลุกพรวดขึ้น เขาหันไปมอง หลิน ชง แล้วกล่าวขึ้น
“พี่ ขึ้นรถไปกับผมเดี๋ยวนี้เลย คืนนี้ เราจะไปเมืองตงจิ่ง ไปฆ่าไอ้ชั่ว เกา เชียวกัน!”