เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 670
เมื่อได้ยินดังนี้
หยางเฟิงจึงรีบหยิบจี้หยกรูปมังกรที่เอวของเขาออกมา
เย่หลงเคยพูดกับเขาไว้ว่า
จี้หยกรูปมังกรนี้ คือกุญแจที่ใช้เปิดผนึกชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
แต่จนกระทั่งตอนนี้
เขาก็ยังไม่ว่าพบว่าจี้หยกรูปมังกรนี้จะมีประโยชน์อันใด?
“นายท่าน เจ้าของสิ่งนี้ใช้การอย่างไร?”
เย่หลงพูดเบา ๆ “ง่ายๆ เพียงวางจี้หยกรูปมังกรลงบนปลายม้วนกระดาษ !”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้
หยางเฟิงพลันอดสงสัยไม่ได้
นี่มันเหมือนเรื่องเด็กเล่นเกินไปเสียแล้ว!
แต่ถึงอย่างนั้น
หยางเฟิงก็ยังคงวางจี้หยกรูปมังกรลงบนชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรอย่างระมัดระวัง
ตูม !
ทันใดนั้น
ประกายแสงสว่างไสวก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
โฮรก!
เห็นเพียงจี้หยกรูปมังกรที่ราวกับจะกลายเป็นมังกรทองห้ากรงเล็บ ที่พุ่งทยานสู่ฝากฟ้า จ้องมองเย้ยหยันเทพสวรรค์ ยโสโอหังต่อท้องนภา
“นี่มัน……”
เมื่อได้มองเห็นที่นี้
หยางเฟิงก็ตกตะลึง
นี่คือวิสัยทัศน์ที่แท้จริง!
แม้จะเกินความเข้าใจของเขาไปเพียงเล็กน้อย
ณ เวลานี้
มังกรทองห้ากรงเล็บได้ทะลุทะลวงเข้าไปในชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
ประกายแสงได้หายไป จี้หยกรูปมังกรก็ค่อยๆ สลายหายไปด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู
ชิ้นส่วนที่ว่างเปล่าชิ้นเดิมของชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร พลันปรากฏลวดลายขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ลวดลายเหล่านี้ราวกับการเคลื่อนไหวก็มิปาน
และยังแลดูเหมือนแผนที่สู่ขุมทรัพย์เช่นกัน
หยางเฟิงมองไปที่เย่หลง และถามด้วยความสงสัย “นายท่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ?”
“อืม”
ขณะนี้
เย่หลงถอนหายใจเบา ๆ พลางอธิบายว่า “เดิมทีจี้หยกรูปมังกรนี้เป็นของมกุฎมังกร และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร ครั้งเมื่อบรรพบุรุษของข้าได้จี้หยกนี้และชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร พวกเขาจึงแยกพวกมันออกเป็นสองส่วน”
จี้หยกถูกส่งมอบให้กับพ่อของข้าเพื่อความปลอดภัย และชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรก็เก็บซ่อนไว้กับบรรพบุรุษ
“การเคลื่อนไหวข้างบนก็คือคัมภีร์จักรพรรดิมังกรที่มีชื่อเสียงก้องฟ้า ตราบใดที่ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรถูกรวบรวมเข้าไว้ด้วยกันก็จะได้ครอบครองคัมภีร์จักรพรรดิมังกรทั้งหมด ขณะเดียวกัน นี่ก็คือแผนที่ขุมทรัพย์ด้วยเช่นกัน ได้ยินมาว่าแผนที่ขุมทรัพย์นี้คือสถานที่ฝังมกุฎมังกร”
“เพียงแค่เจอหลุมศพของมกุฎมังกร ก็จะพบความเร้นลับของการทะลวงผ่านขั้นที่สามของศิลปะการต่อสู้”
อะไรนะ?
หลุมศพมกุฎมังกร ?
ขั้นที่สามของศิลปะการต่อสู้?
เมื่อได้ยินดังนี้
หยางเฟิงเลี่ยงที่จะตกใจไม่ได้
บุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์เมื่อครั้งโบราณและ ณ ปัจจุบันมีมากเพียงใด ขุนศึกผู้หยิ่งยโส พลาอนุภาพสั่นสะท้านโลกา ล้วนไม่เคยก้าวไปถึงขั้นที่สามของศิลปะการต่อสู้
สำหรับผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แล้ว แม้จะมีศิลปะการต่อสู้ที่สูงระดับเสียดฟ้า ต่างก็ต้องหมดกำลังใจ
เนื่องจากก้าวที่สามของศิลปะการต่อสู้
หาเคยมีผู้ใดบรรลุถึงไม่
ราวกับมีช่องกว้างที่ตัดศิลปะการต่อสู้ขั้นที่สองและขั้นที่สามให้ขาดออกจากกัน
ขณะนี้
หยางเฟิงกลับได้รับฟังสิ่งใด?
การตามหาหลุมศพมกุฎมังกร คือการมีโอกาสก้าวสู่ขั้นที่สาม
นี่จะไม่ทำให้นักบู๊เยี่ยงเขาไม่ตกใจได้เช่นไร?
จะไม่ตื่นเต้นได้เช่นไร?
แถมคัมภีร์จักรพรรดิมังกรยังเป็นตำราหายากครั้งเมื่อมกุฎมังกรฝึกฝนบำเพ็ญเพียร
ตำนานกล่าวกันว่ามกุฎมังกรฝึกฝนบำเพ็ญเพียรคัมภีร์จักรพรรดิมังกรกวาดล้างโลกบู๊ ยึดครองเจียงหู!
ในยุคสมัยของนั้นของมกุฎมังกร
ปรมาจารย์แห่งโลกบู๊ทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ต้องสยบอยู่ใต้เท้าของเขา
มิน่าเล่าผู้คนมากมายถึงต้องการแย่งชิงชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
เพียงเท่านี้คัมภีร์จักรพรรดิมังกรก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนลุ่มหลงคลั่งไคล้
สำหรับแผนที่ขุมทรัพย์แล้ว ยิ่งทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา
นั่นคือหลุมศพของมกุฎมังกร!
เล่าขานกันว่ามกุฎมังกรสิ้นใจอย่างกะทันหัน
หลังจากที่เขามรณา สุสานของเขายังคงเป็นปริศนามาโดยตลอด
จนกระทั่งตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดสามารถค้นเจอหลุมศพ
สำหรับขั้นที่สามของศิลปะการต่อสู้ ย่อมทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากมกุฎมังกร ก็คือผู้แข็งแกร่งคนสุดท้ายในระดับขั้นที่สามของศิลปะการต่อสู้!
หลังจากเขาแล้ว
การถ่ายทอดและสืบสานแห่งโลกบู๊ทั้งหมดราวกับจะพังทลายลงอย่างกะทันหัน
ผู้คนในยุคหลัง ต่อให้ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างไร ก็ไม่อาจก้าวข้ามขั้นที่สามไปได้
แม้แต่หยางเฟิงเอง
ก็ไม่สามารถพบเจอลู่ทางแห่งการสอดส่องขั้นที่สามได้เช่นกัน!
เมื่อคิดถึงจุดนี้
ลามหายใจของหยางเฟิงพลันไม่เพียงพอขึ้นมาอย่างกระทันหัน
เขาทราบดี ว่าครั้งนี้ตนต้องได้รับกำไรอย่างมหาศาล!
เมื่อเห็นท่าทีของหยางเฟิง